เอพีเปิดโปงสหรัฐค้ามนุษย์ดึงคนงานประมงไปทำที่ฮาวายจ่ายชั่วโมงละ 70 เซ็นต์ทำงานวันละ 20 ชั่วโมง-ยึดพาสปอร์ตห้ามขึ้นฝั่งเพราะผิดกฎหมายแต่อยู่ในเรือได้
เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2015 เรือประมง the Sea Queen II ที่เสียหายกำลังได้รับการตรวจสอบที่ Fisherman's Wharf ซานฟรานซิสโก ปรากฎว่าคนงานอินโดนีเซีย 2 คนถือโอกาสกระโดดเรือและเขาได้รับวีซ่าให้อยู่อย่างถูกต้องในฐานะตกเป็น เหยื่อค้ามนุษย์ ขณะที่เจ้าของเรือและกัปตันเรือก็ยังนำเรือออกหาปลาเหมือนเดิมเหมือนไม่มี อะไรเกิดขึ้นทั้งๆที่เป็นเรื่องผิดกฎหมาย แต่สหรัฐเองกลับละเลยและไปจัดอันดับประเทศอื่นๆว่าค้ามนุษย์ (AP Photo/Eric Risberg)
เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2016 สำนักข่าวเอพี โดย Martha Mendoza และ Margie Mason ได้ รายงานถึงการทำประมงในรัฐฮาวายที่ชาวประมงต่างชาติถูกนำไปจับปลาในเรือของ สหรัฐ ชาวประมงเหล่านี้ไม่ต่างจากทาสได้รับค่าแรงชั่วโมงละ 70 เซ็นต์จากค่าแรงขั้นต่ำของรัฐบาลกลางชั่วโมงละ 7.25 ดอลลาร์ อีกทั้งยังทำงานวันละ 20 ชั่วโมง พวกเขาไม่สามารถเหยียบแผ่นดินสหรัฐเพราะไม่มีวีซ่าเข้าเมืองได้จึงถูกกดขี่ ค่าแรงหนัก
รายงานข่าวเปิดเผยว่าเรือประมงที่ใช้จับปลาเป็นเรือ อเมริกัน ติดธงชาติอเมริกาและแล่นจับปลาในน่านน้ำของสหรัฐเอง ปลาที่จับได้เป็นปลาระดับพรีเมี่ยมเช่นปลาทูน่า( ahi tuna )และปลาปากแหลม (swordfish)ที่มีราคาแพง ปลาเหล่านี้ถูกส่งขึ้นขายในซูเปอร์มาร์เก็ตของสหรัฐอาทิเช่น Whole Foods และ Costco เป็นต้น แต่ทว่าชาวประมงที่จับปลาเหล่านี้กลับไม่มีโอกาสขึ้นเหยียบผืนแผ่นดินสหรัฐ ไม่ได้รับการคุ้มครองจากกฎหมายแรงงานสหรัฐ
สำนักข่าวเอพีเปิดเผยว่าได้รายงานแรงงานทาสในอุตสาหกรรม ประมงมากว่า 1 ปี เรื่องราวเหล่านี้ถูกรายงานว่ามีทาสในอุตสาหกรรมหลายพันคนที่ได้รับการช่วย เหลือจากอินโดนีเซีย ล่าสุดประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้สั่งห้ามสินค้าประมงที่มาจากแรงงานทาสเหล่านี้เข้าจำหน่ายในสหรัฐ
อย่างไรก็ตามอุตสาหกรรมประมงของสหรัฐเองก็ต้องพึ่งพาชาวประมงที่ไม่มีเอกสารใดๆติดตัว( undocumented fishermen) หรือนัยหนึ่งเป็นประมงโรบินฮู้ด แต่กฎหมายรัฐบาลกลางกลับให้การคุ้มครองการประมงในรัฐฮาวาย จึงได้เห็นกองเรือประมงเข้าจับปลาในน่านน้ำรัฐฮาวาย “คน เหล่านี้เป็นคนจนที่มาจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิกหลายชาติ ยอมที่จะเอาชีวิตมาเสี่ยงกับงานอันตราย ที่นายจ้างจ่ายให้ได้แค่ชั่วโมงละ 70 เซ็นต์” รายงานกล่าว
รายงานระบุว่าบุคคลเหล่านี้ไม่สามารถที่จะลงมาเดินบนผืน ดินสหรัฐได้เพราะผิดกฎหมาย ยกเว้นจะได้รับความกรุณาจากกัปตัน สาเหตุเพราะเขาไม่มีวีซ่าเข้าเมืองจึงไม่อนุญาตให้ลงจากเรือ
ผู้สื่อข่าว พบว่าหากเป็นชาว ประมงที่มีประสบการณ์จะทำสัญญากับนายจ้างเป็นเวลาหลายปีผ่านบุคคลที่ 3 พวกเขาจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าประเทศผ่านทางสนามบิน แต่จะเข้ามาทางเรือด้วยการส่งต่อกันทางทะเล บางรายชาวประมงต้องกระโดดจากเรือลำหนึ่งแล้วว่ายน้ำเพื่อมาขึ้นเรือประมงอีก ลำหนึ่งถือเป็นการส่งมอบแรงงาน
เมื่อชาวประมงผู้นั้นขึ้นเรือเสร็จจะต้องมอบพาสปอร์ตของ เขาไว้กับกัปตันเรือ กรรมวิธีนี้ได้รับความเห็นชอบจากเจ้าหน้าที่ศุลกากรและพิทักษ์ชายแดนสหรัฐ( U.S. Customs and Border Protection) เอพีรายงานว่า วิธีปฏิบัติเช่นนี้อาจละเมิดกฎหมายการค้ามนุษย์ของรัฐบาลกลางสหรัฐ ( federal human trafficking laws ) เพราะการยึดเอกสารจากคนงานมาไว้ครอบครองถือเป็นความผิดอยู่แล้ว
การทำงานของพวกเขาใช้เวลายาวนานตกวันละ 20 ชั่วโมงเพราะคนงานจะไม่ได้รับอนุญาตขึ้นฝั่งเหมือนชาวประมงอเมริกันทั่วไป แม้ว่าจะเป็นระยะสั้นๆก็ตาม อาทิเช่นเมื่อสัญญาการทำงานหมดลง คนจะถูกส่งไปขึ้นเครื่องบิน โดยไม่มีโอกาสได้ถือพาสปอร์ตของตนเองจนกว่าจะขึ้นเครื่องบินและออกเดินทาง
สำหรับค่าจ้างที่ได้รับน้อยกว่าค่าแรงขั้นต่ำของสหรัฐ มากได้รับจ่ายชั่วโมงละ 70 เซ็นต์ ในขณะที่ค่าแรงขั้นต่ำรัฐบาลกลางสหรัฐ 7.25 ดอลลาร์ (ในสหรัฐถือว่าได้น้อย) เพราะบางเมืองได้มากถึงชั่วโมงละ 15 ดอลลาร์ แต่รายได้เหล่านี้ก็ยังถือว่าได้มากกว่าค่าจ้างในประเทศที่พวกเขาจากมา หากชาวประมงคนใดต้องการให้สัญญาของตนสิ้นสุดลงเร็ว สิ่งที่ตามมาก็คือพวกเขาจะเป็นหนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่บริเวณอู่จอดเรือ 17 และอู่ 38 ( Pier 17 และ 38 ) เมืองฮอนโนลูลู รัฐฮาวาย ด้านนอกจะมีประตูแข็งแรงห้ามไม่ให้คนออก เพราะเป็นสถานที่กักขังแรงงานชาวประมงต่างชาติ ไม่ให้เดินทางออกไปสู่ภายนอกของบริเวณเพราะถือว่าผิดกฎหมาย รัฐฮาวายมีกฎหมายเปิดช่องโหว่ให้รับแรงงานต่างชาติชาวประมงได้ และไม่อยู่ภายใต้กฎหมายแรงงานรัฐบาลกลางสหรัฐ อู่เรือที่ว่านี้จะคอยรับเรือประมงทุก 3 สัปดาห์จะมีเรือประมงประมาณ 140 ลำเข้ามาจอด เรือประมงบางลำอาจนำปลาขึ้นสู่ฝั่งที่ซาน ฟรานซิสโก (Fisherman's Wharf in San Francisco)
ปลาที่จับมาได้บางตัวราคาถึง 1,000 ดอลลาร์อาทิเช่นปลาทูน่าเหลือง (yellowfin tuna) โดยพ่อค้าก็จะระบุว่าเป็นปลาที่จับมาจากน่านน้ำฮาวายโดยชาวประมงที่ทำงานกัน อย่างหนัก แต่ไม่ได้พูดให้หมดว่าแรงงานแหล่านี้มาจากคนยากจนและเป็นแรงงานที่ถูกค้า มนุษย์
ผู้สื่อข่าวยังได้พบกับชาวประมงอินโดนีเซียชื่อ สยัมซุล มาอารีฟ(Syamsul Maarif) ไม่ได้รับการคุ้มครองหรือจ่ายเงินชดเชยเหมือนแรงงานท้องถิ่น ตัวเขาเองก็เกือบเอาชีวิตไม่รอดเมื่อเรือประมงล่มอยู่ห่างจากฝั่งฮาวาย 160 ไมล์ เขาสูญเสียทุกอย่างและรอประมาณ 4 เดือนจึงจะได้รับค่าเสียหายกลับคืนมาจากบริษัท
“เราต้องการมาตรฐานเดียวกับคนงานอเมริกัน แต่เรามันคนงานตัวเล็กๆ ต้องทำงานตามสัญญาที่เราเซ็นไป เราไม่มีวีซ่าเข้าเมือง จึงถือเป็นผู้อยู่ผิดกฎหมาย เราไม่อาจเรียกร้องอะไรได้มากกว่านี้”นายมาอารีฟกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามากกว่า 6 เดือนที่สำนักข่าวเอพีได้รวบรวมข้อมูลหลักฐานต่างๆจากการทำสัญญาว่า จ่าง,ข้อมูลทางธุรกิจ,การสัมภาษณ์เจ้าของเรือ,นายหน้าและชาวประมงมากกว่า 50 คนทั้งที่ฮาวาย,อินโดนีเชียและซาน ฟรานซิสโก จากการสอบสวนพบว่าชาวประมงจะถูกจัดให้อยู่บนเรือ,ใช้ถังส้วมแทนห้องน้ำ,หลาย รายได้รับความปวดร้าวจากตัวเรือดบนเตียงนอน,รายคนก็ได้รับอาหารไม่เพียงพอ เป็นเหตุให้ชี้ได้ว่าลักษณะนี้คือการค้ามนุษย์ ( human trafficking) นั่นเอง
ทั้งนี้เมื่อปี 2015 สำนักข่าวเอพีได้รายงานเรื่องการค้ามนุษย์ชาวประมง เหตุกิดในอินโดนีเซีย ที่เมืองเบนจินา (Benjina)ใน เกาะแห่งหนึ่ง บางรายถูกขังในกรง ทำให้ชาวประมงแรงงานทาสเหล่านี้ได้รับการปล่อยตัวกว่า 2,000 คนกลับประเทศเดิมของตน แต่เชื่อว่ายังมีแรงงานทาสเหล่านี้ในอุตสาหกรรมประมงทั่วโลกที่ยังไม่ได้รับ การเปิดเผย
ปลาทูน่า (yellowfin tuna)ที่ถูกลำเลียงขึ้น Pier 38 เมืองฮอนโนลูลู ตัวเดียวราคานับ 1,000 ดอลลาร์จากเรือประมงสหรัฐแต่ใช้แรงงานต่างชาติที่เข้าข่าย “ค้ามนุษย์” (AP Photo/Caleb Jones)
เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2016 เอริกสัน พาดิลย่า เจ้าหน้าที่ศุลกากรและพิทักษ์ชายแดนสหรัฐตรวจสอบคนงานประมงอินโดนีเซียที่ทำ งานในเรือประมงสหรัฐเมืองฮอนโนลูลู บุคคลเหล่านี้ถือเป็นผู้ไม่มีเอกสารเข้าเมืองถูกต้อง แต่กฎหมายฮาวายเปิดช่องโหว่อนุญาตให้ทำงานประมงในรัฐฮาวายได้ แต่จะไม่ได้รับสิทธิใดๆเหมือนแรงงานอเมริกันทั่วไป (AP Photo/Marco Garcia)
กฎหมายสหรัฐมีช่องโหว่เพราะผลประโยชน์
ภายใต้กฎหมายสหรัฐ พลเมืองอเมริกัน 75 % เป็นอย่างน้อยที่จะต้องอยู่ในเรือโดยสารหรือเรือประมงในน่านน้ำสหรัฐ แต่ด้วยการเพิ่มเติมแก้กฎหมายโดยส.ส.ฮาวายให้ละเว้นกฎหมายรัฐบาลกลางไม่ให้ นำมาใช้กับฮาวายในอุตสาหกรรมประมง
รายงานข่าวเปิดเผยว่ามีชาวประมงต่างชาติประมาณ 700 รายที่ทำงานในอุตสาหกรรมประมงรัฐฮาวายที่มีมูลค่าเฉพาะอาหารทะเลตกปีละ ประมาณ 110 ล้านดอลลาร์
การนำแรงงานเหล่านี้เข้ามาก็เริ่มจากเมื่อเจ้าของเรือ ประมงต้องการคนงานก็จะจ่ายให้กับบริษัทนายหน้าที่ฮอนโนลูลูเพื่อนำแรงงาน ต่างชาติมาให้ โดยทั่วไปจะเป็นคนงานจากอินโดนีเซีย,ฟิลิปปินส์,เวียดนามและประเทศเล็กๆชื่อ คีรีบาติ(Kiribati)ในมหาสมุทรแปซิฟิก โดยใช้เวลาหลายสัปดาห์มีการติดต่อ,เซ็นสัญญา,ซื้อตั๋วเครื่องบินและจัดการ เอกสารให้กับชาวประมงแต่ละคนมาฮอนโนลูลูเพื่อทำงาน
ภายหลังจากทุกอย่างจัดการเรียบร้อย แรงงานต่างชาติจะถูกส่งขึ้นเครื่องบินในประเทศของตน จากนั้นก็บินไปหลายพันไมล์อาทิเช่นจากอินโดนีเซียไปออสเตรเลีย,หรือไป ฟิจิ,ไปเวสเทิร์น ซามัว มาถึงอเมริกัน ซามัว ,บางรายไปผ่านกรุงอัมสเตอร์ดัม,บางรายก็ไปสิ้นสุดที่เม็กซิโกหรือปานามา ก่อนที่กัปตันเรือจะไปรับตัวและเดินทางมากับเรือกว่าจะถึงฮอนโนลูลูก็อาจใช้ เวลา 10-20 วันขึ้นอยู่กับระยะทาง
คนงานจะเซ็นสัญญา 2 ถึง 3 ปีและสามารถต่อสัญญาได้ บางรายทำงานอยู่ในเรือนับ 10 ปี เรือแต่ละลำจะมีคนงานประมง 5-6 คน “คนงานแต่ละคนจะได้เงินประมาณ 10,000 ดอลลาร์(ต่อปี)”นาย เฮอร์แมน ซานติอาโก้ ผู้ทำหน้าที่เป็นเอเยนต์หรือนายหน้าที่ฮอนโนลูลูกล่าว จากนั้นเขาก็จะทำหน้าที่ส่งเงินกลับไปยังครอบครัวของชาวประมง,ซื้อบัตร โทรศัพท์ให้เพื่อติดต่อกับครอบครัวรวมทั้งช่วยเหลือหากพวกเขาตกอยู่ในภาวะ วิกฤติใดๆก็ตาม “ผมก็ทำหน้าที่เป็นคนกลางเท่านั้น”
เส้นทางการนำชาวประมงจากต่างชาติเข้าไปทำงานในฮอนโนลูลู รัฐฮาวาย
จากรายงานพบว่าชาวประมงเหล่านี้จะได้รับค่าจ้างเดือนละ 350 ดอลลาร์หรือต่ำกว่าค่าแรงงานขั้นต่ำสหรัฐ แต่ก็ยังดีกว่าที่อยู่ประเทศของตนซึ่งบางครั้งมีรายได้ต่ำกว่าวันละ 1 ดอลลาร์สหรัฐ ชาวประมงบางรายอาจได้รับโบนัสทำให้ค่าจ้างของเขาเพิ่มเป็นเดือนละ 500-600 ดอลลาร์ บางรายก็จะได้เงินเปอร์เซ็นต์จากการจับปลาที่เจ้าของเรือตั้ง รางวัล ไว้ทำให้พวกเขามีความหวังมากขึ้น ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงทอดทิ้งอิสระเสรีภาพการเคลื่อนไหวของตนยอมที่จะอยู่กับ เรือประมงเหตุเพราะเงินค่าจ้าง
การจ่ายค่าแรงงานก็แตกต่างกันสิ้นเชิง คนงานต่างชาติจะได้รับค่าจ้างประมาณปีละ 5,000 ดอลลาร์หรือน้อยกว่านี้หรือน้อยกว่าค่าเบ็ดตกปลาและค่าน้ำแข็งที่ใช้ในเรือ อีกต่างหาก ส่วนคนงานประมงอเมริกันจะได้เดือนละ 28,000 ดอลลาร์และมีสัญญาการว่าจ้างประมาณ 2-3 เดือน และยิ่งแตกต่างไปจากชาวประมงอเมริกันผู้มีประสบการณ์ซึ่งทำงานที่รัฐอลาสก้า จะได้ค่าจ้างปีละ 80,000 ดอลลาร์
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐจัดอันดับเรื่องการค้ามนุษย์ทุกปี แต่สหรัฐไม่ได้จัดอันดับของตัวเอง
2016 Trafficking in Persons Report
http://www.state.gov/j/tip/rls/tiprpt/
ภาพเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2016 นายแพทย์เครก นากาสุกะ (ซ้าย)กำลังแจกยาและผลไม้ให้กับคนงานประมงต่างชาติที่ทำงานให้กับเรืองประมง สหรัฐเมืองฮอนโนลูลู รัฐฮาวาย แพทย์จะเข้ามายัง Pier 38 ทุก 2 สัปดาห์ คนงานเหล่านี้จะมีปัญหาความดันโลหิตสูงและเป็นโรคผิวหนังที่อาจเกิดจากการขาดผักและผลไม้(AP Photo/Caleb Jones)