สหรัฐฯเตรียมอ้าแขนรับ“จอม เพชรประดับ”เป็นผู้ลี้ภัย ต่อไปอาจเรียกเขาว่า“เรฟฟูจีจอม”ขอ food stamp ได้
จอม เพชรประดับ
หนังสือพิมพ์แนวหน้ารายงานเรื่องของ จอม เพชรประดับ ว่ากำลังจะไปสัมภาษณ์เพื่อเปลี่ยนสถานะเป็นผู้ลี้ภัยอพยพในสหรัฐอเมริกา ต่อไปอาจจะเรียกเขาว่า“Refugee จอม” สหรัฐมีขั้นตอนการรับผู้ลี้ภัยเรื่องจะต้องมาจากสำนักข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยอพยพ,สถานทูตสหรัฐในไทยหรือ NGO ที่ตีตราถูกต้องในไทยเป็นสปอนเซอร์ให้เขา รายละเอียดต่างๆมีดังนี้
ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์แนวหน้า รายงานเมื่อ 29 สิงหาคม 2559 ว่า เพจเฟซบุ๊ก "Red USA" เปิดเผยว่า นายจอม เพชรประดับ อดีตสื่อมวลชน ซึ่งขณะนี้พำนักอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา กำลังมีนัดสัมภาษณ์เพื่อเปลี่ยนสถานะเป็นผู้ลี้ภัยในสหรัฐอเมริกา ในวันอังคารที่ 6 ก.ย. ที่จะถึงนี้
“จอม เพชรประดับ มีนัดสัมภาษณ์เพื่อเปลี่ยนสถานะเป็นผู้ลี้ภัยในสหรัฐอเมริกา ในวันอังคารที่ 6 กันยายน 2016 ซึ่งเหลือเวลาอีกไม่ถึง 2 สัปดาห์ก็ถึงวันนั้นแล้ว ถ้าไม่แสดงความยินดีกันมื้อนี้ แล้วจะไปแสดงความยินดีกันมื้อไหน แฟนพันธ์แท้และแฟนคลับตัวจริงคงเห็นพ้องต้องกันว่า โอกาสนี้เหมาะจริงๆ ว่ามั้ย ถ้าจะส่งเสียงเฮดังๆ ร่วมกันให้จอมสักครั้ง เพราะต่อจากนี้ไปเผด็จการไทยจะกล่าวหาเอาผิดหรือลากเอาตัวจอม เพชรประดับไปคุมขังลงโทษทัณฑ์ คงทำได้ยากยิ่ง แม้มี ม.44 เป็นดาบอาญาสิทธิก็ตาม” เพจ Red USA โพสต์ระบุ
สำหรับ นายจอม เพชรประดับ ได้เขียนจดหมายประกาศยุติบทบาทการทำหน้าที่สื่อมวลชนในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 27 มิ.ย. 2557 โดยให้เหตุผลว่า จะยุติบทบาทดังกล่าวจนกว่าคนไทยทั้งประเทศจะได้รับสิทธิเสรีภาพกลับคืนมา และจนกว่าประเทศไทยจะกลับมาปกครองในระบอบประชาธิปไตย
ต่อมาเมื่อวันที่ 3 ก.ค. 2557 คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ออกประกาศ คสช.เรียกให้นายจอม เข้ารายงานตัว แต่นายจอม กลับไม่ได้เข้ารายงานตัวต่อ คสช. และได้เขียนจดหมายอีกครั้งเพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยต่อการทำรัฐประหารของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในขณะนั้น
นอกจากนี้ นายจอม ยังเคยสร้างปรากฎการณ์ทำให้ตลาดหุ้นติดดอย แดงเต็มกระดานในรอบ 6 ปี จากการปล่อยข่าวลือไม่เหมาะสม โดยการอ้างแหล่งข่าวระดับสูงในราชสำนัก ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องออกมาชี้แจงประชาชนและนักทุนเพื่อสร้างความเชื่อมั่น พร้อมขอให้ทุกคนอย่าหลงเชื่อข้อมูลข่าวสารที่ไม่เป็นจริง
( ที่มาของข่าว http://www.naewna.com/politic/232685 )
คราวนี้ก็ต้องมาดูขั้นตอนของการขอลี้ภัยอพยพในสหรัฐมีอย่างไรบ้าง
ผู้ลี้ภัยอพยพ (Refugee) ในสหรัฐ
สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่ภาคภูมิใจว่าตนมีประวัติศาสตร์ในการรับผู้อพยพและคนเข้าเมือง นับตั้งแต่ปี 1975 เป็นต้นมาสหรัฐรับผู้ลี้ภัยอพยพกว่า 3 ล้านคนจากทั่วโลก (แน่นอนรับจากอินโดจีนหลังพ่ายแพ้สงครามเวียดนามจำนวนมากทั้งเวียดนาม,ลาว,ม้งและเขมร) ผู้อพยพเหล่านี้จะถูกส่งไปอยู่ตามเมืองต่างๆทั่วสหรัฐทั้ง 50 รัฐ
จากประวัติศาสตร์จะพบว่าบรรดาผู้อพยพไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิงไม่สามารถที่จะกลับไปอยู่ในประเทศเดิมของตนสาเหตุอาจจะมาจากเรื่องศาสนา,ผิวสีเชื้อชาติ,สัญชาติ,ความเห็นทางการเมือง(ที่แตกต่าง)และอาจเป็นสมาชิกของกลุ่มเฉพาะทางสังคม(เกย์-เลสเบี้ยน-คนแปลงเพศ) เป็นต้น
ผู้ที่จะขอลี้ภัยอพยพได้เบื้องต้นจะต้องลงทะเบียนไว้กับสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (the United Nations High Commissioner for Refugees =UNHCR) ในประเทศที่เขาหรือเธอต้องการอพยพออกนอกประเทศ จากนั้น UNHCR จะให้ความคุ้มครองพวกเขาในฐานะผู้ลี้ภัยอพยพ พร้อมกับศึกษาว่าผู้ขอลี้ภัยมีคุณสมบัติอย่างใดอย่างหนึ่งใน 3 ประการประกอบด้วย 1.อยู่ในประเทศเดิมของตนปลอดภัย 2.การพยายามให้ปรับตัวเข้ากับชุมชนที่ตนอยู่ 3.การอพยพไปอยู่ประเทศที่สาม
จากสถิติของ UNHCR ปัจจุบันมีผู้อพยพทั่วโลกประมาณ 15.4 ล้านคน ส่วนใหญ่เมื่ออพยพไปอยู่ประเทศใกล้เคียงก็จะได้รับการช่วยเหลืออย่างดี เมื่อถึงเวลาคิดว่าประเทศเดิมของตนปลอดภัยแล้วก็จะอพยพกลับไปอยู่บ้านของตัวเอง
ตัวอย่างที่ชัดเจนก็คือผู้อพยพออกจากซีเรียไปอยู่ประเทศข้างเคียง ส่วนใหญ่รอที่จะกลับเข้าไปอยู่ประเทศเดิมของตน อีกส่วนหนึ่งจะเกิดขบวนการค้ามนุษย์นำผู้อพยพเหล่านี้ไปปักหลักในยุโรป จนกระทั่งปัจจุบันยุโรปเกิดวิกฤติผู้อพยพจากตะวันออกกลาง มีปัญหาหลายประเทศตอบรับ บางประเทศต่อต้านไม่ยอมรับผู้อพยพ
อย่างไรก็ตามจากสถิติอีกเช่นกันมีประมาณ 1 % ของผู้อพยพเท่านั้นที่เดินทางไปปักหลักในประเทศที่ 3 จนสามารถยื่นขออนุญาตเป็นพลเมืองของประเทศที่ 3 ได้
ขั้นตอนการรับผู้ลี้ภัยอพยพ
ตั้งแต่ปี 1980 เป็นต้นมา สหรัฐฯจัดโครงการตอบรับผู้ลี้ภัยอพยพ (The U.S. Refugee Admissions Program =USRAP) โครงการนี้บริหารโดย สำนักงานพลเมือง,ผู้ลี้ภัยอพยพและคนเข้าเมือง (The Bureau of Population, Refugees, and Migration =PRM) ตัวเลขเฉพาะปี 2012 สหรัฐรับผู้ลี้ภัยอพยพ 58,000 คน จากทั่วโลกผ่านสำนักงาน UNHCR โดยสำนักงานจะมีคู่มือว่าใครบ้างสมควรที่จะได้รับการส่งไปอยู่ประเทศที่ 3 โดยมีเงื่อนไข 6 ประการ ในการตอบรับ เข้าไปดูได้ที่ http://www.unhcr.org/4a2ccf4c6.html .
โครงการฯตอบรับเบื้องต้นจะมี 2 หน่วยงานเข้าไปเกี่ยวข้องประกอบด้วยสำนักงาน UNHCR, สถานเอกอัครราชทูตหรือองค์กรพัฒนาเอกชนที่มีอำนาจหน้าที่ (an authorized NGO) ในประเทศนั้นๆจะแนะนำผู้ลี้ภัยอพยพมายังโครงการUSRAP ต่อมาศูนย์สนับสนุนการตั้งถิ่นฐานใหม่ (Resettlement Support Center =RSC) จะทำเรื่องเสนอต่อกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐ (U.S. Department of Homeland Security =DHS).
ศูนย์ RSC จะช่วยผู้อพยพ(รวมทั้งครอบครัวหากมี)เตรียมเอกสาร,ถ่ายภาพ,ตรวจสอบรายละเอียดและข้อเท็จจริงต่างๆในเอกสาร,ทำหน้าที่ตรวจสอบความมั่นคงปลอดภัยของบุคคลนั้นๆเช่นเป็นผู้ร้าย,ผู้ก่อการร้ายตามหมายจับหรือไม่หรือที่เรียกว่า Background check เมื่อยื่นเรื่องแล้วเจ้าหน้าที่จากสำนักงานบริการพลเมืองและผู้เข้าเมืองอพยพ(USCIS)ของกระทรวง DHS จะเป็นผู้สัมภาษณ์ (กรณีไม่พูดภาษาอังกฤษก็จะมีล่าม)
ขั้นตอนต่อไปหากผ่านการสัมภาษณ์แล้วผู้ขอลี้ภัยจะถูกส่งไปตรวจสอบสุขภาพ เป็นขั้นตอนมาตรฐานเดียวกับการตอบรับเพื่อที่จะให้ผู้นั้นได้มีสถานะอยู่อย่างถูกต้องตามกฎหมายในสหรัฐ (สถานะใบเขียว)
ผู้ขอลี้ภัยอพยพจะต้องมีสปอนเซอร์รับรอง โดยสปอนเซอร์ก็คือ NGO ที่ทำงานร่วมกับ PRM เป็นผู้รับรอง หลังจากขั้นตอนต่างๆผ่านแล้วก็จะส่งผู้ลี้ภัยอพยพนั้นเดินทางเข้าสหรัฐ
ขั้นตอนการรับผู้ลี้ภัยอพยพจะใช้เวลาระหว่าง 12 -18 เดือนและก็ขึ้นอยู่กับแต่ละรายที่แตกต่างกันไม่มีเวลาตายตัว
สำนักงานที่จะตัดสินใจตอบรับผู้อพยพก็คือกระทรวง DHS โดยมีเงื่อนไขอยู่ 5 ประการว่าผู้อพยพเหล่านี้จะต้องอยู่ในลักษณะดังนี้
ลี้ภัยด้านศาสนา
ลี้ภัยเพราะเห็นต่างทางการเมือง
ลี้ภัยเพราะสีผิวชาติพันธุ์
ลี้ภัยเพราะสัญชาติ(แตกต่างกัน)
ลี้ภัยเพราะอาจเป็นสมาชิกกลุ่มสังคมเฉพาะด้าน
หลังจากบุคคลผู้ลี้ภัยเข้ามาอยู่ในสหรัฐแล้วเขาจะต้องทำงานในระยะเวลา 12 เดือน จากนั้นจึงจะยื่นขอใบอยู่อาศัยถาวร (Permanent Resident Alien) หรือใบเขียว เมื่อถือใบเขียวครบ 5 ปีจึงจะยื่นขอเป็นพลเมืองอเมริกัน ( U.S. citizenship status) ได้
ประเด็นของ จอม เพชรประดับ
ประเด็นของจอม เพชรประดับ เป็นไปได้ที่จะได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงาน UNHCR, สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐในประเทศไทยหรือองค์กรพัฒนาเอกชนที่มีอำนาจหน้าที่ (an authorized NGO) ไม่เช่นนั้นโอกาสที่จะขอลี้ภัยอพยพคงยาก
จอม เพชรประดับ อาจเดินทางไปอยู่ในสหรัฐด้วยวีซ่านักท่องเที่ยวก่อน จากนั้นอาจจะไปยื่นขอลี้ภัยอพยพได้เช่นกัน ตัวอย่างนี้เคยเกิดขึ้นกับอดีตพระยันตระหนีคดีไปอยู่ในสหรัฐจนสามารถต่อสู้เอาชนะอยู่ในสหรัฐอย่างถูกต้องได้
การต่อสู้ครั้งนั้นอดีตพระยันตระได้ใช้ทนายความชื่อนายปีเตอร์ เชย์ ทนายนักสิทธิมนุษยชน (เพื่อนของนายเจอร์รี่ บราวน์ ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ) จนได้รับชัยชนะเพราะอ้างว่าหากเดินทางกลับจะถูกคณะรสช.ลงโทษเพราะมีความเห็นที่แตกต่างกัน อีกทั้งยันตระยังครองสมณเพศพุทธศาสนาให้ได้เห็นในระหว่างการต่อสู้คดี ยันตระจึงได้ 2 เด้งชนะคดีไปในที่สุด
เรื่องนี้ไม่น่าจะมีปัญหาที่จอม เพชรประดับจะได้รับสถานะของผู้ลี้ภัยอพยพ ต่อไปเราก็อาจจะเรียกเขาว่า “เรฟฟูจี จอม”ยื่นขอ food stamp ได้หากต้องการ
จอม เพชรประดับ เคยไปอาศัยอยู่ในแอล.เอ.ช่วงเวลาหนึ่งไปทำงานหนังสือพิมพ์และทีวี.หลายแห่งก่อนที่จะกลับเมืองไทยอีกครั้งทำงานสื่อสำนักต่างๆ จนกระทั่งเกิดการยึดอำนาจโดยคสช. นายจอมจึงเดินทางกลับไปสหรัฐทำงานอยู่ในกลุ่มคนเสื้อแดง Red USA ตลอดมา จนมีข่าวว่าจะไปสัมภาษณ์ขอสถานะผู้ลี้ภัยอพยพ (Refugee)