ญี่ปุ่นจดสิทธิบัตรใบกระท่อมเป็นยาขนานเอก นำไปใช้รักษาโรคในคนและสัตว์"
สิทธิบัตรกระท่อมที่กลุ่มนักวิจัยญี่ปุ่นได้รับจากการศึกษาวิจัยร่วมกับ มหาวิทยาลัยไทย คือ "สิทธิบัตรอนุพันธ์ของสารสกัด Mitragynine จากใบกระท่อม กระบวนการผลิต ยา และการนำไปใช้รักษาโรคในคนและสัตว์"
1- สิทธิบัตรดังกล่าวจะไม่กระทบกับการปลูก การนำใบกระท่อมมาใช้ในรูปแบบใบสด หรือการแปรรูปเบื้องต้น (ตากแห้ง บด ป่น ต้ม เป็นต้น)
2- แต่มีจะมีผลกระทบกับ
1) การวิจัยเพื่อต่อยอดการใช้สาร Mitragynine มาใช้ประโยชน์ทางยาในรูปแบบต่างๆที่มหาวิทยาลัยชิบะและมหาวิทยาลัยโจไซได้จด สิทธิบัตรไว้ ทั้งตัวสารและกระบวนการผลิตสารกลุ่มดังกล่าว
2) การแปรสภาพใบกระท่อมไปใช้ประโยชน์ซึ่งอาจมีกลุ่มอนุพันธ์ของ Mitragynine ที่ญี่ปุ่นได้จดสิทธิบัตรไว้
3- ผลกระทบจะไม่เกิดขึ้นกับเรา หากญี่ปุ่นมิได้จดสิทธิบัตรในประเทศไทย แต่ปัจจุบันญี่ปุ่นกำลังยื่นขอจดสิทธิบัตรดังกล่าวให้มีผลต่อประเทศไทยและ หลายประเทศทั่วโลกผ่าน PCT
4- แม้สิทธิบัตรนี้ไม่ได้เป็นการจดสิทธิบัตร Mitragynine หรือ 7-hydroxymitragynine โดยตรงแต่เป็นการใช้ประโยชน์ที่เกิดขึ้นเนื่องจากการเข้าถึงและใช้ประโยชน์ จากทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นของประเทศไทยแล้วนำไปต่อยอด ดังนั้นผู้ที่เกี่ยวข้องต้องดำเนินการให้เป็นไปตามหลักการและแนวทางที่ กฎหมายระหว่างประเทศ "อุนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ" ได้กำหนดไว้ ได้แก่
- การขออนุญาตเข้าถึง (Prior Informed Consent)
- ความตกลงร่วมกัน (Mutually Agreed Terms)
- การเข้าถึงและแบ่งปันผลประโยชน์อย่างเป็นธรรม (Access and Benefit Sharing)
เป็นต้น
การดำเนินการของกลุ่มนักวิจัยจากญี่ปุ่นในกรณี้นี้จึงเข้าข่ายการกระทำที่ เรียกว่า "โจรสลัดชีวภาพ" ที่ละเมิดความตกลงระหว่างประเทศและจริยธรรมการวิจัยระหว่างประเทศ
สิทธิบัตรในสหรัฐอเมริกา
http://www.biothai.net/…/d…/files/2016_patent_on_krathom.pdf
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1751989711743407&set=gm.1743912522549283&type=3&theater