หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Team Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
News บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

เลอค่า! ญี่ปุ่นจดสิทธิบัตรกระท่อมทั่วโลก

โพสท์โดย Fuckyou

ได้รับทราบมานานแล้ว ญี่ปุ่นกว้านซื้อตำราแพทย์แผนไทยแถววัดโพธิ์ไปเป็นจำนวนมาก แล้วไปทำเป็นสูตรยาของตนเอง แล้วยังกว้านซื้อสมุนไพรไทยจำนวนมากไปจดสิทธิบัตรของตนเองด้วย

"กระท่อม" เป็นรายการล่าสุด

บริษัทญี่ปุ่นยื่นเสนอจดสิทธิบัตรกระท่อมเพิ่มทั่วโลกรวมทั้งในประเทศไทยแล้ว หลังจากได้จดสิทธิบัตรสารสกัดจากกระท่อมในญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกาจำนวน 3 สิทธิบัตรก่อนหน้านี้ การละเลยของรัฐบาลไทยและการปล่อยปละเลยของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะทำให้ความฝันสร้างประเทศไทย 4.0 จากการได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบเรื่องความหลากหลายทางชีวภาพและวัฒนธรรมกลายเป็นความฝันที่ว่างเปล่า ดร. สุวิทย์ เมษินทรีย์ Dr. Suvit Maesincee

เมื่อสองปีที่แล้วเอ็ดเวิร์ด แฮมมอนด์ ได้เผยแพร่บทความเปิดเผยกรณีบริษัทของมหาวิทยาลัยญี่ปุ่น 2 แห่งคือ มหาวิทยาลัยชิบะ (National University Corporation Chiba University) และมหาวิทยาลัยโจไซ ( Josai University Corporation) จดสิทธิบัตรสารและอนุพันธ์ซึ่งได้จากใบกระท่อมพืชสมุนไพรที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เผยแพร่ใน TWN Info Service on Intellectual Property Issues การจดสิทธิบัตรดังกล่าวเป็นข่าวเล็กๆในสื่อมวลชนบางฉบับในประเทศไทยเมื่อเดือนเมษายน 2559 ที่ผ่านมา และข่าวคราวเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวได้เงียบหายไปโดยปราศจากความใส่ใจของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

สถานะของสิทธิบัตร

ไบโอไทยพบว่านอกจากญี่ปุ่นได้รับสิทธิบัตรจำนวน 3 สิทธิบัตร คือ สิทธิบัตรสหรัฐ US patent 8247428 เมื่อปี 2012 สิทธิบัตรญี่ปุ่น patent 5308352 เมื่อปี 2013 และสิทธิบัตรสหรัฐ US patent 8648090 เมื่อปี 2014 แล้ว ขณะนี้มหาวิทยาลัยชิบะยังได้ยื่นขอจดสิทธิบัตรผ่านสนธิสัญญาความร่วมมือด้านสิทธิบัตร หรือ PCT เพื่อให้มีผลในประเทศต่างๆซึ่งเป็นภาคีในสนธิสัญญาดังกล่าว 117 ประเทศ รวมทั้งประเทศไทยด้วย คำขอสิทธิบัตรดังกล่าวได้ยื่นต่อ WIPO (องค์กรทรัพย์สินทางปัญญาโลก) เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2014 ซึ่งภายใน 2 ปีครึ่งหรือ เมษายน 2017 คำขอสิทธิบัตรซึ่งองค์กรตรวจสอบระหว่างประเทศได้ตรวจสอบแล้วจะถูกจัดส่งมายังกรมทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อเข้าสู่การพิจารณาอนุมัติสิทธิบัตรของไทยต่อไป

เบื้องหลังการวิจัยสมุนไพรกระท่อมร่วมกับนักวิจัยไทย

เบื้องหลังการจดสิทธิบัตรของญี่ปุ่นเกิดขึ้นจากงานศึกษาวิจัยของคณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยชิบะ และมหาวิทยาลัยโจไซของญี่ปุ่นซึ่งร่วมทำโครงการวิจัยสารกลุ่มอัลคาลอยด์ในพืชกระท่อมของไทยร่วมกับ คณะเภสัชศาสตร์ของมหาวิทยาลัยชื่อดังในประเทศไทย ตัวอย่างเช่น

- งานวิจัยเรื่อง Studies on the synthesis and opioid agonistic activities of mitragynine-related indole alkaloids: discovery of opioid agonists structurally different from other opioid ligands. ตีพิมพ์ในวารสาร J. Med. Chem. ปี 2002
- งานวิจัยเรื่อง Involvement of mu-opioid receptors in antinociception and inhibition of gastrointestinal transit induced by 7-hydroxymitragynine, isolated from Thai herbal medicine Mitragyna speciosa. ตีพิมพ์ในวารสาร Eur. J. Pharmacol เมื่อปี 2006
- งานวิจัยเรื่อง MGM-9 [(E)-methyl 2-(3-ethyl-7a,12a-(epoxyethanoxy)-9-fluoro-1,2,3,4,6,7,12,12b-octahydro-8-methoxyindolo[2,3-a]quinolizin-2-yl)-3-methoxyacrylate], a derivative of the indole alkaloid mitragynine: a novel dual-acting mu- and kappa-opioid agonist with potent antinociceptive and weak rewarding effects in mice. ตีพิมพ์ในวารสาร Neuropharmacology เมื่อปี 2008

ที่น่าเป็นห่วงมากไปกว่านี้คือ คณะวิจัยจากต่างประเทศกลุ่มนี้ยังคงมี “ความร่วมมือทางวิชาการ” ร่วมกับนักวิจัยในประเทศไทยในมหาวิทยาลัยดังกล่าวอย่างต่อเนื่องในการวิจัยสมุนไพรไทยจนถึงปัจจุบัน อีกทั้งยังมีความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยอื่นอีก 10 สถาบัน รวมเป็น 11 สถาบัน โดยนอกเหนือจากกระท่อมแล้ว ยังมีพืชสมุนไพรอีกหลายชนิดที่อยู่ในความร่วมมือทางวิชาการดังกล่าวด้วย

การละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมายไทย

การจดสิทธิบัตรดังกล่าวข้างต้นโดยกลุ่มนักวิจัยญี่ปุ่นโดยปราศจากการแบ่งปันผลประโยชน์อย่างเท่าเทียมและยุติธรรมกับประเทศไทย ไม่เป็นไปตามอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ ที่กำหนดให้พืชสมุนไพรและภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ปรากฏในดินแดนประเทศไทยอยู่ภายใต้สิทธิอธิปไตยของประเทศไทย การเข้ามาทำวิจัยโดยมีหลักฐานความร่วมมืออย่างแจ้งชัดดังกรณีนี้แล้วนำผลจากการวิจัยไปจดสิทธิบัตรจึงเป็นการดำเนินการที่ไม่เป็นไปตามอนุสัญญาระหว่างประเทศ

ในขณะเดียวกัน การวิจัยของนักวิจัยต่างชาติและนักวิจัยไทยซึ่งเกิดขึ้นหลังพ.ร.บ.คุ้มครองพันธุ์พืชมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2542 เป็นต้นมา เกี่ยวกับพันธุ์พืชป่าหรือพันธุ์พืชทั่วไปของไทย ต้องแจ้งและขออนุญาตตามกฎหมาย และในกรณีที่มีการจดสิทธิบัตรซึ่งนำไปสู่ผลประโยชน์ทางการค้าจะต้องขออนุญาตและแบ่งปันผลประโยชน์กับคณะกรรมการคุ้มครองพันธุ์พืช

รัฐบาลไทย โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมซึ่งเป็นหน่วยงานที่ได้รับการมอบหมายให้ประสานงานและดูแลเกี่ยวกับอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ซึ่งดูแล พ.ร.บ.คุ้มครองพันธุ์พืช กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ซึ่งมีภารกิจในการคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาสมุนไพรไทย และรวมทั้งกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ต้องหยิบยกกรณีการจดสิทธิบัตรดังกล่าว ขึ้นมาหารือกับรัฐบาลญี่ปุ่นเพื่อหาทางออกในกรณีนี้ร่วมกัน

ประเทศไทย 4.0 ล้มเหลวเพราะเพิกเฉยต่อการคุ้มครองทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่น

ประเทศไทยประกาศเดินหน้าวิสัยทัศน์ “ประเทศไทย 4.0” โดยอาศัยความได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบจากการมีฐานความหลากหลายทางชีวภาพและฐานความหลากหลายทางวัฒนธรรม พัฒนาประเทศจากนวัตกรรม โดยอาศัยบทบาทของมหาวิทยาลัยในประเทศและสถาบันต่างประเทศเป็นตัวขับเคลื่อน แต่วิสัยทัศน์ที่ว่าอาจเป็นเพียงความฝันที่ว่างเปล่าเมื่อกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ มิได้ปรับปรุงกฎหมายสิทธิบัตรของไทยให้แสดงที่มาของทรัพยากรชีวภาพแต่ประการใด ทั้งๆที่ขณะนี้แม้แต่ประเทศที่มีความก้าวหน้าในการวิจัยและมิได้เป็นประเทศที่เป็นศูนย์กลางความหลากหลายทางชีวภาพเช่น นอร์เวย์ สวิสเซอร์แลนด์ รวมทั้งประเทศในสมาชิกอียูหลายประเทศกลับปรับปรุงแก้ไขกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาของตนเพื่อให้สอดคล้องกับอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ

นอกเหนือจากต้องรับมือกับสิทธิบัตรกระท่อมซึ่งได้รับการอนุมัติแล้ว และถูกยื่นจดสิทธิบัตรเพิ่มดังที่ได้กล่าวแล้ว รัฐมนตรีช่วยการกระทรวงพาณิชย์ ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการผลักดันประเทศไทย 4.0 ควรรีบดำเนินการเสนอให้มีการปรับปรุงกฎหมายสิทธิบัตรไทยโดยเร็ว โดยอาจดูตัวอย่างกฎหมายของประเทศนอรเวย์ (Patent Act of Norway, Act No. 9 of1967 on patents, as amended in 2015) หรือกฎหมายสิทธิบัตรของสวิตเซอร์แลนด์ (Patent Act of Switzerland, as amended in 2012) โดยอาจขอปรึกษารายละเอียดและแนวทางการปรับปรุงกฎหมายได้จาก รศ.ดร.จักรกฤษณ์ ควรพจน์ ผู้อำนวยการวิจัยฝ่ายกฎหมายเศรษฐกิจ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ ผศ.ดร.สมชาย รัตนชื่อสกุล คณบดีคณะนิติศาสตร์ ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ ซึ่งมีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับมาตรการทางกฎหมายในการการคุ้มครองทรัพยากรชีวภาพที่เกี่ยวข้องกับประเด็นทรัพย์สินทางปัญญามาอย่างยาวนาน

บทสรุป

นอกจากความล้าหลังเกี่ยวกับการคุ้มครองทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นแล้ว กฎหมายของประเทศนี้ยังล้าหลังที่ประกาศให้สมุนไพรไทยกระท่อมเป็นพืชเสพติดที่ผู้ครอบครองมีโทษทางอาญา ทั้งๆที่ควรส่งเสริมให้มีการวิจัย การใช้ประโยชน์อย่างกว้างขวาง ซึ่งจะได้กล่าวโดยละเอียดต่อไป

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
Fuckyou's profile


โพสท์โดย: Fuckyou
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
36 VOTES (4/5 จาก 9 คน)
VOTED: Darius, aomamm 66, เทย์เลอร์ สวิฟต์, พี่เกดไม่เข้าใจอ่ะ, แมวฮั่ว แมวขี้น้อยใจ
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
จากพระเอกขวัญใจยุค 90 วันนี้ "เล็ก ไอศูรย์" ในวัยเลข 6 หล่อไม่สร่าง!มาแล้ว! เลขเด็ด "เสือตกถังพลังเงินดี มีโชค รับทรัพย์" งวดวันที่ 16 กันยายน 68..ส่องเลยก่อนหวยหมด!!ไม่มีทุกข์ ผมคงไม่ปฏิบัติธรรม"ช่อ" ไม่เห็นด้วยแจ้ง 112 กับภูมิธรรม ยืนยันนายกรักษาการยุบสภาได้ เราพร้อมเลือกตั้งอช.พีพีเตือนภัย! พบแมงกะพรุนหัวขวดโผล่ อ่าวมาหยา สั่งจนท.เฝ้าระวังเมื่อ "DIY อุดฟัน" คือหายนะ ชายจีนซื้อเรซินจากเน็ต สภาพฟันพังจนหมอแก้ไขไม่ได้
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
กองทัพกัมพูชาพาคณะผู้ช่วยทูตทหารอาเซียน ดูจุดที่ทหารไทยขึงรั้วลวดหนามหีบเพลงไม่มีทุกข์ ผมคงไม่ปฏิบัติธรรมอช.พีพีเตือนภัย! พบแมงกะพรุนหัวขวดโผล่ อ่าวมาหยา สั่งจนท.เฝ้าระวัง10 นักแสดงชายแดนมังกร ที่สาวๆโหวตให้เป็น "เทพบุตรชุดนักเรียน" แต่ละคนหล่อเหมาะกับบทแบบสุดๆ
กระทู้อื่นๆในบอร์ด ข่าววันนี้
งานเข้า! “รอนชิต” อดีตเด็กทุนไทย โพสต์พลาดรูปฐานทหารเขมรอึ้งทั้งประเทศ! เปิดสมบัติ “อนุทิน” หัวหน้าภูมิใจไทย รวยแค่ไหนมาดูย้อนตำนาน “มันจบแล้วครับนาย” เนวิน ประกาศตัดขาดทักษิณ จุดเปลี่ยนการเมืองไทยสวยและแกร่ง! เจ้าหญิงเลโอนอร์ ว่าที่ราชินีสเปน ฝึกทหารอากาศสุดโหด
ตั้งกระทู้ใหม่