ในธรรมชาติมีตัวเรา ในตัวเรามีธรรมชาติ
เขียน โดย ผณิตา คงสุข
ในธรรมชาติมีตัวเรา ในตัวเรามีธรรมชาติ
เป็นคำง่ายแต่ลึกด้วยความหมายเพื่อการพิจารณาของพี่นิคม พุทธา เครือข่ายอนุรักษ์แม่น้ำปิงตอนบน ที่กล่าวในภารกิจปลูกซ่อมต้นไม้ในเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าเชียงดาว เมื่อวันที่ 13 และ 14 สิงหาคมที่ผ่านมา กิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมต่อเนื่องจากวันที่ 4-5 มิถุนายน ที่อาสาสมัครกว่า 600 คนมาร่วมเติมต้นไม้ให้ผืนป่า ในอำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ปลูกต้นกล้ากว่า 10,000 ต้น ลงสู่ดินในพื้นป่าอันกว้างใหญ่ภายใต้สภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ในพื้นที่มีฝนมากตกชุกกว่าสองเดือน นอกจากจะทำให้ต้นกล้าเหล่านั้นเติบใหญ่แตกยอดอ่อนและผลิใบใหม่ ยังทำให้วัชพืชเจ้าถิ่น เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วจนปกคลุมต้นกล้าจนไม่สามารถสังเคราะห์แสงได้ ภารกิจแหวกต้นไม้จึงเริ่มต้นขึ้น
พวกเราใช้มีดพร้าของชาวบ้านบ้านยางปู่โต๊ะ เรียงแถวหน้ากระดานบุกดงวัชพืช อย่างเช่นต้นไมยราบแบบเถาเลื้อยจำนวนมหาศาล หลังแถวหน้ากระดานก็ติดตามด้วยเหล่าอาสาสมัครที่ถือจอบเสียม และใช้มือเปิดทางให้ต้นกล้าได้มีโอกาสรับแสงแดดอีกครั้ง ทำให้เราเห็นว่าเมื่อใดที่เราลงมือปลูกต้นไม้ การติดตามดูแลรักษาก็ทำอย่างต่อเนื่องด้วย มิฉะนั้น ต้นกล้าที่ปลูกไว้จะไม่สามารถหยั่งรากลงดินได้ในที่สุด แต่ก็น่าภูมิใจที่ต้นกล้าจำนวนมากยังรักษาต้นให้ตั้งตรงและแตกยอดใบอ่อนให้เราได้เห็นเป็นจำนวนมาก จึงมีการสรุปบทเรียนว่าต้นไม้เฉพาะถิ่นที่สามารถเอาตัวรอดและเติบโตได้ดี อย่างเช่นต้นสัก มะค่า สมอพิเพกจะเหมาะกับที่นี่
งานนี้ทำให้เหล่าอาสาสมัครกว่า 40 ชีวิตเจองานหนักเอาการ เมื่อต้องทำหน้าที่เป็นหมอต้นไม้ ภารกิจแรกคือต้องหาคนไข้ให้เจอซึ่งต่างจากเมื่อตอนปลูก ที่เพียงแค่วางต้นไม้ลงในหลุมให้ลำต้นตั้งตรง และกลบหน้าดินรอบต้นให้แน่น แต่การปลูกซ่อมเพิ่มขั้นตอนมากกว่านั้น เมื่อเจอต้นกล้าที่เราปลูก เราก็ต้องดึงวัชพืชที่ปกคลุมต้นออก เพื่อให้ต้นกล้าได้มีโอกาสรับแสงแดดได้อีกครั้ง ใช้จอบขุดดินรอบๆ ต้นกล้าอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้สะเทือนไปถึงรากไม้ และต้องทำอย่างปราณีต
คุณนิคม พุทธา เครือข่ายอนุรักษ์ลุ่มน้ำแม่ปิงตอนบน ได้กล่าวว่า การปลูกป่าต้องทำอย่างจริงจังและต่อเนื่อง และงานอนุรักษ์เราไม่สามารถทำคนเดียวได้ ต้องอาศัยความร่วมือของหลายฝ่าย เพราะการเติมต้นไม้ในพื้นที่ดินที่ว่าง มีความหมายมหาศาล เพราะเมื่อฝนตกลงมาถ้าเจอต้นไม้จะช่วยกักเก็บน้ำไว้ในดิน แต่ถ้าไม่มีต้นไม้น้ำฝนก็ชะล้างเอาหน้าดินไปด้วย ซึ่งในพื้นที่ป่าเป็นความเสียหาย เพราะป่าต้องทำหน้าที่ซับความชุ่มชื้นไว้ในดินตลอด โดยเฉพาะที่นี่เป็นป่าต้นน้ำอีกด้วย และที่เราต้องมาปลูกซ่อมเพื่อเป็นอีกแรงที่จะทำให้อัตราการรอดของต้นกล้าสูงขึ้น เพราะฝนตกเยอะวัชพืชก็โตเร็วมากเช่นกัน และวัชพืชอายุสั้นก็จริงแต่เมื่อแห้งตายไป เมื่อถึงฤดูแล้งก็จะกลายเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี
เราจึงต้องปลูกป่าเพื่อทำให้ผืนป่ามีความชื้น ลดความแห้งแล้ง เราจะรักษาต้นไม้ในวันนี้เพื่อยังประโยชน์ไปถึงคนรุ่นต่อไปเพราะในธรรมชาติจึงมีตัวเรา และในตัวเรามีธรรมชาติ
หลังจากนี้ทางเครือข่ายจะทำข้อตกลง MOU ร่วมกับกรมอุทยานเพื่อเป็นสัญญาร่วมกันให้เราสามารถดูแลต้นไม้ได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาป่าเชียงดาว ที่เป็นป่าต้นน้ำ และเป็นป่าเขาหินปูนที่มีระบบนิเวศเฉพาะ
อ่านบทความ คนละไม้คนละมือเติมต้นไม้ในป่าว่าง ฟื้นฟูป่าต้นน้ำเชียงดาว ได้ที่นี่
ภาพประกอบโดย เพียงตะวัน พุทธา
ที่มา : Greenpeace Thailand