รู้ไว้ไม่ตกเทรนด์ กับข้อมูลน่ารู้ของเครื่องบินแบบใหม่ล่าสุด Airbus A350 XWB

คำจำกัดความที่ผมให้กับเครื่องบินลำนี้แบบง่าย ๆ คือ “เป็นเครื่องบิน 2 เครื่องยนต์ ที่บินพิสัยระยะกลาง-ไกล มีขนาดใหญ่ ลำตัวกว้าง รุ่นใหม่ล่าสุดของค่าย Airbus ที่มีให้บริการในเชิงพาณิชย์ในปัจจุบัน” ซึ่งคำว่า XWB ที่ต่อท้ายนั้น มาจากคำว่า “Xtra Wide Body” โดยในตระกูล A350 XWB ที่ทาง Airbus ผลิตมานี้ จะมีอยู่ 3 รุ่น ได้แก่

• Airbus A350-800 (A358)
• Airbus A350-900 (A359)
• Airbus A350-1000 (A35K)

ซึ่งการบินไทย ได้สั่งรุ่น A350-900 มาทั้งหมด 12 ลำ

เอาหละครับ ตอนนี้เราก็รู้แล้วว่า เครื่องบินตระกูล A350 นี้มี 3 แบบ ตอนนี้ก็คงสงสัยกันนะครับว่า แต่ละรุ่นนั้นมีอะไรแตกต่างกัน ลองดูตารางด้านล่างนี้ได้เลย

จากตารางด้านบน ที่ผมเลือกข้อมูลสำคัญ ๆ มาแบบคร่าว ๆ ก็จะเห็นได้ว่า เครื่องบิน Airbus A350-800 นั้น เป็นน้องเล็กสุด ที่มี Spec ใกล้เคียงกันกับ Boeing 787-9 ซึ่งผมมองว่า ทาง Airbus น่าจะทำรุ่นนี้ออกมาเพื่อแข่งขันกับ Boeing 787 ที่ผมกล่าวมา แต่จะได้รับความนิยมแค่ไหน ก็ต้องดูในอนาคตกันต่อไป เพราะตอนนี้ยังไม่มีสายการบินไหนได้รับมอบ A350-800 เลยครับ มีเพียงยอดสั่งซื้อ 16 ลำเท่านั้นเอง

ในส่วนของ Airbus A350-900 และ A350-1000 นั้น มี Spec ใกล้เคียงกับ Boeing 777 จึงไม่แปลกที่จะเป็นรุ่นที่มาเทียบเคียงแข่งขันกันได้ ในปัจจุบัน ณ วันที่เขียนบทความนี้ (สิงหาคม 2016) มีการส่งมอบ Airbus A350-900 ไปกว่า 30 ลำแล้ว จากยอดสั่งซื้อ 601 ลำ. ส่วน Airbus A350-1000 นั้น มียอดสั่งซื้อ 193 ลำ แต่ยังไม่มีการส่งมอบแต่อย่างใดครับ

สำหรับสายการบินต่าง ๆ ที่ได้รับมอบเครื่องบิน Airbus A350-900 ไปแล้วก่อนหน้านี้ มีดังนี้

Qatar Airways ให้บริการครั้งแรกวันที่ 15 มกราคม 2015

Vietnam Airlines ให้บริการครั้งแรกวันที่ 3 กรกฎาคม 2015

Finnair ให้บริการครั้งแรกวันที่ 9 ตุลาคม 2015

LATAM Brasil ให้บริการครั้งแรกวันที่ 25 มกราคม 2016

Singapore Airlines ให้บริการครั้งแรกวันที่ 8 มีนาคม 2016

Cathay Pacific ให้บริการครั้งแรกวันที่ 1 มิถุนายน 2016

Ethiopian Airlines ให้บริการครั้งแรกวันที่ 1 กรกฎาคม 2016

สำหรับการบินไทย  จะเป็นสายการบินลำดับที่ 8 ที่จะได้รับมอบเครื่องบิน Airbus A350-900 โดยจะมีการรับมอบในปลายเดือนสิงหาคม 2016 นี้ โดยเครื่องบินลำนี้ จะเป็นทะเบียน HS-THB นามพระราชทาน “วิเชียรบุรี” และจะเริ่มนำมาให้บริการในเดือน กันยายน 2016 ในเที่ยวบินภายในประเทศก่อน เช่น เชียงใหม่ และ ภูเก็ต และหลังจากนั้น จะนำมาให้บริการในเที่ยวบินระหว่างประเทศต่อไปในอนาคต

ในส่วนของวัสดุโลหะต่าง ๆ ที่ Airbus นำมาใช้ประกอบทำเครื่องบิน Airbus A350 นั้น ทาง Airbus ได้เลือกโลหะน้ำหนักเบาที่มีความแข็งแรงทนทาน เช่น ไททาเนี่ยม และ โลหะผสมอลูมิเนียมต่าง ๆ ที่มีความทันสมัย รวมไปถึง วัสดุประเภทคาร์บอนไฟเบอร์ “carbon-fibre reinforce plastic (CFRP)” ผลลัพท์ที่ได้คือ เครื่องบินจะมีน้ำหนักเบาขึ้น สามารถบำรุงรักษาได้ง่าย เมื่อนำมารวมกันกับการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีด้านอากาศพลศาสตร์ใหม่ จึงทำให้ยิ่งประหยัดเชื้อเพลิงได้มากขึ้น จนส่งผลทำให้ต้นทุนต่อที่นั่งของผู้โดยสารลดลงได้อีกด้วย

เครื่องยนต์ที่ทาง Airbus เลือกมาใช้กับ A350 นั้น เป็นของค่าย Rolls-Royce รุ่น Trent XWB ที่ออกแบบและปรับแต่งให้เข้ากับเทคโนโลยีด้านอากาศพลศาสตร์ใหม่ของ A350 โดยเฉพาะ โดยมีแรงขับเคลื่อนสูงสุดมากถึง 97,000 ปอนด์ ต่อ 1 เครื่องยนต์ และระบบความปลอดภัยเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินจนต้องบินด้วยเครื่องยนต์เหลือเพียงเครื่องยนต์เดียว ระบบ Extended-range Twin engine aircraft Operations หรือเรียกสั้น ๆ ว่า “ETOPS” ที่มีในเครื่องยนต์นั้น สามารถบินได้นานถึง 180 นาทีเลยทีเดียว ที่สำคัญ ยังช่วยลดมลพิษได้ถึง 25%

สิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับเครื่องยนต์อีกอย่างหนึ่งคือ เครื่องยนต์นี้มีระดับความดังที่ต่ำเพียง 21 EPNdB (Effective Perceived Noise Decibel) ซึ่งมีค่าต่ำมากกว่าข้อบังคับของ ICAO อีกด้วย

ปลายปีก (Sharklets) ที่โค้งมนสวยงาม เป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้สังเกตุได้ง่ายเลยว่า นี่คือเครื่องบิน Airbus A350 XWB นอกจากจะสวยงามแล้ว ยังเป็นส่วนหนึ่งของเทคโนโลยีด้านอากาศพลศาสตร์ใหม่ ที่ช่วยประหยัดเชื้อเพลิงได้ดียิ่งขึ้น

สรุปแล้ว Airbus A350 XWB สามารถช่วยประหยัดพลังงานได้ถึง 25% ทำให้ลดต้นทุนต่อผู้โดยสารได้ถึง 25 % กันเลยทีเดียว 

บรรยากาศภายในห้องโดยสารของเครื่องบิน Airbus A350 XWB ได้ออกแบบมาเป็นอย่างดี เพื่อให้ผู้โดยสารรู้สึกสบายขึ้นกว่าเดิม เพราะเครื่องบินที่มีลำตัวกว้างกว่าเดิมขนาด 221 นิ้ว ทำให้ที่นั่งก็กว้างกว่าเดิมตามไปด้วย มีระบบไฟ LED ที่ช่วยปรับสภาพแสงสีภายในห้องโดยสาร อีกทั้งยังมีระบบปรับความดันภายในห้องโดยสาร ให้อยู่ในระดับ 6,000 ฟุต มีระบบถ่ายเทอากาศที่ดี ซึ่งจะช่วยให้ผู้โดยสารรู้สึกสบาย ได้พักผ่อนมากขึ้น จนช่วยลดอาการ Jet lag ไปได้ในตัว

ในเรื่องลักษณะที่นั่งนั้น จะเป็นเรื่องของแต่ละสายการบินจะจัดการกันเองว่า จะกำหนดให้แต่ละชั้นโดยสาร มีจำนวนที่นั่งเท่าไร ใช้ระบบ In Flight Entertainment (IFE) แบบไหน ก็สามารถเลือกจัดการได้ สำหรับการบินไทย ได้แบ่งที่นั่งบนเครื่อง Airbus A350-900 ไว้จำนวน 2 Class ได้แก่

• ชั้นประหยัด (Economy Class) จำนวน 289 ที่นั่ง (3-3-3) มีความกว้าง 18 นิ้ว มีระยะห่างระหว่างแถว 32 นิ้ว
• ชั้นธุรกิจ (Royal Silk Class) จำนวน 32 ที่นั่ง (1-2-1) มีความกว้าง 21 นิ้ว ปรับนอนได้ 180 องศา

ส่วนระบบ IFE ของการบินไทยนั้น ณ ปัจจุบันที่ผู้เขียนกำลังเขียนบทความนี้ ยังไม่ได้มีการเผยแพร่ภาพและข้อมูลออกมาอย่างเป็นทางการจากการบินไทยแต่อย่างใด จึงยังไม่มีข้อมูลในส่วนนี้ครับ

และนี่คือข้อมูลคร่าว ๆ ที่ผมสรุปรวบรวมมาให้ทุกคนไม่ใช่เฉพาะในวงการการบิน ได้อ่านกันง่าย ๆ เข้าใจแบบง่าย ๆ ในส่วนข้อมูลในเชิงลึก ก็ยังมีอะไรที่น่าสนใจอยู่มากมายเกี่ยวกับเครื่องบินลำนี้ ก็ลองตามอ่านจากข้อมูลอ้างอิงที่ผมยก Credit แหล่งที่มาข้อมูลในตอนท้ายของบทความนี้ดูได้เลยครับ

ในตอนจบของบทความนี้ ผมขอฝาก “นามพระราชทาน” ของเครื่องบิน Airbus A350-900 ของการบินไทย ทั้ง 12 ลำเอาไว้ให้ทุกคนได้ลองอ่านกันดูนะครับ จะสังเกตุได้เลยว่า ชื่อจะคล้องจองกันจนไพเราะเลยทีเดียวเชียว โดยทะเบียนจะขึ้นต้นด้วย HS-THB จะไม่ใช้  HS-THA เพราะจะไปตรงกับ ชื่อ ICAO ของการบินไทย ที่ใช้ THA ครับ

HS-THB นามพระราชทาน “วิเชียรบุรี” พ.ศ. 2559 รอการส่งมอบ

HS-THC นามพระราชทาน “ศรีนคร” พ.ศ. 2559 อยู่ในกระบวนการผลิต

HS-THD นามพระราชทาน “อุทุมพรพิสัย” พ.ศ. 2559 อยู่ในกระบวนการผลิต

HS-THE นามพระราชทาน “ชัยบาดาล” พ.ศ. 2560 อยู่ในกระบวนการผลิต

HS-THF นามพระราชทาน “ยานนาวา” พ.ศ. 2560 อยู่ในกระบวนการผลิต

HS-THG นามพระราชทาน “ภูผาม่าน” พ.ศ. 2560 รอดำเนินการผลิต

HS-THH นามพระราชทาน “ธารโต” พ.ศ. 2560 รอดำเนินการผลิต

HS-THJ นามพระราชทาน “โพธิ์ไทร” พ.ศ. 2560 รอดำเนินการผลิต

HS-THK นามพระราชทาน “ไพศาลี” พ.ศ. 2560 รอดำเนินการผลิต

HS-THL นามพระราชทาน “ศรีขรภูมิ” พ.ศ. 2560 รอดำเนินการผลิต

HS-THM นามพระราชทาน “ชุมพลบุรี” พ.ศ. 2560 รอดำเนินการผลิต

HS-THN นามพระราชทาน “คีรีรัฐนิคม” พ.ศ. 2560 รอดำเนินการผลิต