"ผู้โดยสารตบหน้าแอร์โฮสเตส ฉุนไม่ช่วยยกกระเป๋าเก็บ"
"ผู้โดยสารตบหน้าแอร์โฮสเตส ฉุนไม่ช่วยยกกระเป๋าเก็บ"
ถึงจะเป็นพาดหัวของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศอื่น แต่สิ่งที่เหมือนกันกับเมืองไทยในยุคที่ใครๆก็บินได้ นั่นก็คือ ผู้โดยสารมักจะเข้าใจผิดว่า "ใช้แอร์โฮสเตทยกกระเป๋าเก็บบน Cabin Luggage ได้เหมือนใช้นังแจ๋วที่บ้าน" ไอ่ชิบหาย ผู้โดยสารลำนึงมีเป็นร้อย ให้มาคอยยกกระเป๋าให้หมดนี่ก็ใช้พลังงานพอๆกับเข้าฟิตเนส แล้วจะเอาแรงที่ไหนมาคอยอำนวยความสะดวกตามหน้าที่วะ หลังพังไหล่หลุดไปบริษัทไม่รับผิดชอบนะ... ไหนจะเสี่ยงต่อการทำสัมภาระของผู้โดยสารเสียหายอีก
ข้อบังคับของคณะกรรมการการบินพลเรือน ฉบับที่ ๖๙ ว่าด้วยข้อกำหนดเกี่ยวกับสัมภาระติดตัวผู้โดยสาร ข้อที่ ๕ ได้ระบุไว้ว่า "ผู้โดยสารมีหน้าที่จัดเก็บสัมภาระติดตัวในห้องโดยสารอากาศยาน และต้องปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าหน้าที่ประจำอากาศยานเกี่ยวกับการจัดเก็บสัมภาระติดตัวดังกล่าว" นั่นแปลว่า ...เอามาเองก็จงขวนขวายหาทางเก็บขึ้นไปเอง นอกจากนั้นหากเจ้าหน้าที่มีคำสั่งเพื่อความสะดวกหรือความปลอดภัยในการจัดเก็บสัมภาระ ...ก็มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามนั้นนะครับสัส
"ฉันแก่ ฉันป่วย ฉันทึ่ง ฉันจึงยกกระเป๋าไม่ไหว ทำไงล่ะคะ??"
คือถ้า...ตกอยู่ในสภาวะดังกล่าวและเดินทางคนเดียว กรุณาแจ้งเจ้าหน้าที่ภาคพื้นให้ทราบล่วงหน้า เพื่อเตรียมเจ้าหน้าที่ที่คอยช่วยเหลืออำนวยความสะดวกเป็นกรณีพิเศษ ที่สำคัญบริการดังกล่าว "อาจจะไม่ได้มี" ในสายการบินต้นทุนต่ำบางสายการบินหรือบางเส้นทางการบิน ดังนั้นตรวจสอบให้ดีก่อน บางทีพนักงานบนเครื่องเค้าก็เห็นใจ และเกรงว่าจะทำให้การเดินทางล่าช้า เลยเสียสละยกสัมภาระให้ แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้แปลว่าสิ่งนั้นเป็นหน้าที่หรือเป็นธรรมเนียมที่พนักงานพึงกระทำนะครับ
จริงๆแล้วสัมภาระที่มันหนัก...ก็โหลดเอาสิเว้ย ถ้าเลือกที่จะไม่โหลดแต่ถือขึ้นเครื่องได้ นั่นแปลว่าสัมภาระนั้นมีน้ำหนักอยู่ในระดับที่จะดูแลเองได้ไม่เป็นภาระต่อคนอื่น
เจอดราม่าเรื่องการบินอยู่บ่อยๆ แต่ส่วนใหญ่แล้ว มักจะเป็นกรณีผู้โดยสารคาดหวังไว้ว่าจะจัดเต็ม "ซื้อตั๋วแล้วฉันเป็นคุณนาย อีแจ๋วบนเครื่องจงเป็นคนรับใช้ฉันเสียดีๆ" พอไม่ได้ดั่งใจก็เอามาโพสต์ประจานบนโซเชียล ซึ่งหลายเคสก็ดีหน่อย มาโพสต์หาแนวร่วมรุมด่าสายการบิน กลับกลายเป็นโดนด่าเพราะไม่รู้มารยาทและความเหมาะสมเสียเอง หายเปรตไป