30 วันที่ปราศจากน้ำตาลและแอลกอฮอล์ ผลที่ได้จะเป็นอย่างไร?
หนึ่งในสิ่งที่เป็นที่ถกเถียงกันมากที่สุดในโลกนั่นคือ อาหารอะไรที่ดีต่อเราหรือให้โทษต่อเรา? กาแฟใช่มั้ยคือตัวอย่างอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ? หรือสูตรลดความอ้วนของดร. Atkins ที่น่าลองทำตาม? เยอะแยะมากมายไปหมดสำหรับเรื่องคุณและโทษของอาหารแต่ละอย่าง แต่มีสิ่งหนึ่งที่เราเห็นพ้องตรงกันว่านี่คืออาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพของเรา นั่นคือ น้ำตาลและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และอาหารที่มีน้ำตาลมากๆ กลายเป็นเรื่องธรรมชาติที่เราแทบจะมองข้ามไปแล้ว คนประหลาดจะรู้สึกอยากกินขึ้นมาทันทีหากถูกถามถึงขนมขบเคี้ยว แต่คนธรรมดาทั่วไปจะคิดแล้วคิดอีกถึงน้ำตาลในอาหารในรูปแบบต่างๆ
กล่าวมาเสียขนาดนี้แล้ว หากใครยังอยากได้หลักฐานถึงโทษของน้ำตาลและแอลกอฮอล์อยู่ล่ะก็ นี่เป็นเรื่องราวของ Sacha Harland หนุ่มชาวดัทซ์ที่จะมาถ่ายทอดผลกระทบของน้ำตาลและแอลกอฮอล์ผ่านการทดสอบด้วยตัวเองในการงดอาหารจำพวกน้ำตาลและแอลกอฮอล์เป็นเวลา 30 วัน
Sacha Harland และ Boris เพื่อนร่วมงานของเขา ถ่ายทำเรื่องราวที่ท้าทายนี้ ให้ทุกคนได้รับรู้ถึงโทษของน้ำตาลและแอลกอฮอล์
การเตรียมตัวสำหรับการทดลอง
ก่อนที่ Sacha จะเริ่มงดน้ำตาลและแอลกอฮอล์ เขาได้ไปตรวจร่างกายทั้งน้ำหนัก การออกกำลังกาย หัวใจ ความจุปอด ระดับฮีโมโกลบิน ซึ่งจากผลการตรวจปรากฏว่า เขามีระดับโคเลสเตอรอลสูง ซึ่งเขาก็หวังว่าการควบคุมอาหารในครั้งนี้จะช่วยเปลี่ยนชีวิตเขา
ผลการตรวจร่างกายก่อนการทดลองนี้เป็นประโยชน์อย่างมากในการเปรียบเทียบถึงผลของสุขภาพของเขาในอีก 30 วันข้างหน้า
ผลที่เกิดขึ้นในอีก 4 วันต่อมา
เพียงแค่ 4 วันหลังการทดลอง ผลกระทบแรกจากการที่ร่างกายปราศจากน้ำตาลและแอลกอฮอล์นั้นแสดงออกมาให้เห็นโดย Harland เริ่มประสบกับอาการหงุดหงิด เขาพูดว่า “มันเป็นเรื่องที่ยากมากจริงๆ”
ปัญหาที่เกิดขึ้นกับร่างกายของเขาคือ น้ำตาลและรสหวานของมันทำให้เขาต้องการความหวาน การบริโภคน้ำตาลมาก ๆ ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง และร่างกายก็มีการผลิตอินซูลินออกมามากเพื่อรับมือกับน้ำตาลที่มากขึ้นเช่นกัน และสิ่งนี้เองที่ทำให้ร่างกายกระหายน้ำตาล ยิ่งเราพยายามหลีกเลี่ยง เราก็จะรู้สึกไม่ต่างอะไรกับ Harland เลย
แผนควบคุมอาหารของ Sacha
ตั้งแต่Sacha ไม่ได้รับประทานอาหารที่มีส่วนผสมของน้ำตาล และแอลกอฮอล์ เขาจึงจำเป็นต้องปรึกษากับนักโภชนาการเพื่อวางแผนในการควบคุมอาหารของเขา ซึ่งแผนการที่นักโภชนาการวางไว้มีดังนี้
อาหารที่ควรรับประทาน ได้แก่ ผลไม้สด ผักสด น้ำมันปลาเช่นปลาแซลมอนถั่วไข่โยเกิร์ต
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง ได้แก่ อาหารแปรรูปเช่นพิซซ่าและเบอร์เกอร์ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เช่นเบียร์และไวน์ อาหารว่างจำพวกบาร์ช็อคโกแลตและป๊อปคอร์น
ผลที่เกิดขึ้นในวันที่ 5
ในวันที่ 5 ของการทดลอง Sacha หมดหนทางและเขาเริ่มจะเก็บตัวอยู่ในห้องเพื่อหลีกเลี่ยงที่จะทำร้ายคนอื่นจากความหงุดหงิดของตัวเอง
เขาตัดขาดตัวเองจากผู้คนและรู้สึกหงุดหงิดตลอดเวลา เขาได้ปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารและข่าวดีก็เกิดขึ้น เมื่อผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารอนุญาตให้เขารับประทานอาหารที่มีส่วนผสมของน้ำมันมะกอก น้ำมันปลา ถั่ว ซึ่งเป็นอาหารประเภทไขมันไม่อิ่มตัวได้แล้ว นั่นเป็นประโยชน์กับเขาอย่างมากในขณะนี้
เข้าสู่วันที่ 25
กระโดดข้ามมาวันที่ 25 เลยแล้วกัน!
Sacha บอกว่า “เขาเพิ่งทำอาหารเช้าเสร็จและมีอะไรบางอย่างอยากจะบอกกับเรา” เขาบอกกับกล้องว่า “นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่เริ่มการทดลองซึ่งเขาไม่ต้องการอาหารหวานๆ ในตอนเช้าเลย”
“สัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นอะไรที่สุดๆ ผมตื่นง่ายและมีพลังงานสำรอง มันเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจ และฉันไม่คิดว่ามันจะสร้างความแตกต่างให้กับร่างกายของผมมากขนาดนี้” กับ 30 วันที่กำลังจะจบลงนี้ เขาต้องไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย มาดูกันว่าร่างกายของเขาจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง?
จากผลการตรวจร่างกาย เขามีน้ำหนักลดลง ความดันเลือดและระดับโคเลสเตอรอลลดลงอย่างมีนัยสำคัญ รวมไปถึงระดับน้ำตาลในเลือดก็ลดลงเช่นกัน
ก่อนจบวิดีโอนี้เขากล่าวว่า “ผมกำลังงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับผมในเดือนที่ผ่านมา การที่ผมไม่ได้รับสารปรุงแต่งอาหารและน้ำตาลทำให้ร่างกายของผมมีสุขภาพดีขึ้น ผมมีพลังมากขึ้นแม้จะสูญเสียน้ำหนักไป 8 ปอนด์ก็ตาม”
"ความดันโลหิตดีขึ้นจากเดิม 135/75 เป็น 125/75 ระดับคอเลสเตอรอลลดลงไปประมาณ 8% จาก 4.6 เหลือ 4 และระดับน้ำตาลในเลือดก็ลดลงเช่นกัน ซึ่งจากการทำการทดสอบนี้ ข้อสรุปที่ได้จากประสบการณ์ของเขา เขากล่าวว่า "จุดเริ่มต้นเป็นเรื่องยากมาก แต่ในที่สุดผมก็สามารถดีท็อกซ์น้ำตาลออกไปได้และมันก็ทำให้สุขภาพดีขึ้นด้วย"
วิดีโอที่จะทำให้คุณรู้ว่า ทำไมน้ำตาลจึงจะไม่ดีต่อร่างกาย?
และนี่เป็นวิดีโอที่ทำขึ้นโดย Sacha แลเพื่อนของเขา ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่เขาอาศัยอยู่ได้เป็นเวลา 30 วันโดยไม่ต้องมีน้ำตาลและแอลกอฮอล์ คุณจะเห็นได้ชัดเจนถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพจิตใจและอารมณ์ของ Sacha ผ่านการรับมือของร่างกายที่การขาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง “น้ำตาล”
และนี่เป็นเหตุผลว่าทำไมน้ำตาลจึงไม่ดีสำหรับเรา?
น้ำตาลประกอบด้วย กลูโคส 50% และฟรุกโต 50% และไร้ซึ่งคุณค่าทางสารอาหารใดๆ คุณสามารถอยู่รอดได้อย่างมีความสุขโดยไม่ต้องเติมน้ำตาลลงในอาหารของคุณ ในขณะเดียวกัน คุณสามารถรับน้ำตาลได้ตามที่ร่างกายต้องการจากน้ำตาลธรรมชาติในอาหารหลายๆ ชนิด
ร่างกายสามารถเปลี่ยนคาร์โบไฮเดรต อย่างเช่น แป้ง ขนมปังพาสต้า และน้ำตาลไปเป็นกลูโคสซึ่งจะช่วยให้เรามีพลังงานในการทำกิจกรรมต่างๆ ตลอดทั้งวัน แต่กลูโคสที่มากเกินไปจะเป็นอันตรายต่อเรา ด้วยเหตุนี้ร่างกายจึงตอบโต้มันโดยที่ตับอ่อนของราจะสร้างอินซูลินมาเปลี่ยนกลูโคสให้เป็นไขมันและจัดเก็บไว้ในกล้ามเนื้อ แต่โชคร้ายสำหรับเราที่หากมีไขมันที่มากเกินไป จะส่งผลต่อรอบเอวที่เพิ่มขึ้นและยังเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานและโรคอื่น ๆ ที่เป็นอันตรายตามมา