ฟิลิปปินส์เริ่มหันหลังให้อเมริกาจับมือจีนแทน
ฟิลิปปินส์เริ่มหันหลังให้อเมริกาจับมือจีนแทน: ปธน. Rodrigo Duterte ของฟิลิปปินส์จวกสหรัฐว่านำเข้าขบวนการก่อการ้ายในตะวันออกกลาง มันส์พะยะค่ะ!
วันที่ 9 ก.ค.59 Global Times ของจีนพาดหัวข่าวว่า "ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์กล่าวหาสหรัฐว่า 'นำเข้า' ขบวนการก่อการร้ายในตะวันออกกลาง" (Philippine president accuses US of 'importing' terrorism to Middle East)
ต่อมาวันที่ 10 ก.ค.59 RT news ของรัสเซียพาดหัวข่าวว่า "สหรัฐนำเข้าขบวนการก่อการร้ายในตะวันออกกลาง ประธานาธิบดีคนใหม่ของฟิลิปปินส์กล่าว" (US imported terrorism to Middle East, new Philippines president says)
ประธานาธิบดี Rodrigo Duterte ของฟิลิปปินส์ได้กล่าวหาสหรัฐว่านำเข้าขบวนการก่อการร้ายไปในตะวันออกกลางผ่านการแทรกแซงของสหรัฐ โดยชี้ไปที่อิรัค ลิเบีย และซีเรียเป็นตัวอย่าง
ในการกล่าวถ้อยแถลงซึ่งจัดขึ้นในเย็นวัน Eid'l Fit'r ของชาวมุสลิมในเมือง Davao เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ผู้นำฟิลิปปินส์ได้ท้าทายคำกล่าวว่า ตะวันออกกลางเป็นรากเหง้าของขบวนการก่อการร้าย (the Middle East is the root of terrorism) ด้วยการกล่าวว่า "มันไม่ใช่ตะวันออกกลางที่ส่งออกผู้ก่อการร้ายไปยังอเมริกา อเมริกานั่นแหละที่นำเข้าขบวนการก่อการร้าย (ไปยังตะวันออกกลาง)"
ประธานาธิบดี Rodrigo Duterte ได้กล่าวแดกดันสหรัฐและอังกฤษที่สร้างภาพว่าซัดดัม ฮุสเซนเป็นจอมเผด็จการก็เพื่อสร้างความชอบธรรมในการก่อสงครามในอิรัคในปี 2003 และสำหรับความล้มเหลวที่จะยอมรับความผิดพลาดของตัวเองหลังจากข้อเท็จจริง (ถูกเปิดเผย) "พวกเขาหาทางก่อสงครามในอิรัค" ปธน. Rodrigo Duterte กล่าวต่อฝูงชนชาวมุสลิม
"หลังจากการสืบสวนสอบสวนเป็นเวลาเกือบ 10 ปี ก็ปรากฎว่าไม่มีบรรทัดฐานด้านกฎหมายใดๆ ที่จะประกาศสงครามต่อต้านอิรัคเลย คุณก็เห็น มันเป็นสงครามที่ไร้ประโยชน์" ปธน. Rodrigo Duterte กล่าว
ปธน. Rodrigo Duterte กล่าวต่ออีกว่า "มองไปที่อิรัคในตอนนี้สิ ดูสิ่งที่เกิดขึ้นกับลิเบีย ดูสิ่งที่เกิดขึ้นกับซีเรีย แม้แต่พวกเด็กๆ ก็ยังถูกราดด้วยน้ำมันเบนซิน พวกเขาถูกผลักไปยังกำแพงสำหรับคำสัญญาที่ล้มเหลว"
ฟิลิปปินส์ไม่ใช่ประเทศที่ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับความไม่สงบ (issues of unrest) ภายในประเทศตนเอง เนื่องจากกลุ่มต่างๆ ในชุมชนมุสลิมซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยของประเทศได้ทำการต่อสู้เพื่อแยกปกครองตนเองในประเทศที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวคริสเตียนตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 60 เป็นต้นมา
ปธน. Duterte ต้องการที่จะจัดให้มีการเจรจาโดยสันติกับกลุ่มต่างๆ ในพื้นที่ ซึ่งได้แก่แนวร่วมปลดปล่อยแห่งชาติโมโร (Moro National Liberation Front) เพื่อหาทางออกในรายละเอียดสำหรับข้อตกลงในการกำหนดเขตปกครองตนเองที่ได้ลงนามร่วมกันในปี 2014 ผู้นำของฟิลิปปินส์ได้เรียกร้องให้ผู้นำกลุ่มต่างๆ ให้ความสนใจที่สันติภาพ "ขอให้พวกเรามาสร้างประเทศที่จะมีพื้นฐานอยู่บนสันติภาพและความเข้าใจร่วมกัน" ปธน. Duterte กล่าว
"มันจะไม่เกิดขึ้นในช่วงเวลาแค่เพียงข้ามคืน แน่นอนว่า มันจะยังไม่มาถึงในปีหน้านี้ บางทีมันอาจจะสองหรือสามปีต่อจากนี้ก็ได้ แต่ผมขอรับประกันกับพวกคุณว่าจะมีบางอย่างเปลี่ยนแปลงก่อนที่ผมจะพ้นวาระ"
ปธน. Duterte ยังกล่าวด้วยว่าตนเองจะไม่เรียกพวกกลุ่มกบฏ Abu Sayyaf ว่าเป็นพวกอาชญากร เนื่องจากพวกเขาถูกขับไปสู่ความสิ้นหวัง ขอบคุณสำหรับคำสัญญาที่ล้มเหลวและขาดการปกครองที่ดี "นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมพวกเขาถึงถูกผลักให้ติดกำแพง พวกเขาเป็นพวกหัวรุนแรง (They were radicalized.)"
รายงานข่าวกล่าวต่ออีกว่า กลุ่มดังกล่าวถูกเรียกว่าเป็นขบวนการก่อการร้ายและโจร (bandits) เนื่องจากพวกเขาทำการลักพาตัวและลอบสังหาร และรัฐบาลฟิลิปปินส์ก็ได้ทำการต่อสู้กับพวกเขามันเป็นเวลาหลายปี ในเดือนเมษายนที่ผ่านมามีรายงานข่าวว่า กลุ่มดังกล่าวได้ให้คำสาบานว่าจะจงรักษ์ภักดีต่อกลุ่มก่อการร้ายไอซิส...
The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
https://www.facebook.com/fisont
https://vk.com/theeyesproject
11/07/2559
----------
https://www.rt.com/…/350370-us-terrorism-philippine-presid…/
http://www.globaltimes.cn/content/993188.shtml
http://news.xinhuanet.com/english/2016-07/10/c_135501902.htm
https://www.facebook.com/fisont/photos/pcb.1832582820295183/1832582666961865/?type=3&theater