คดีฆาตกรรมอำพรางศพโฮสท์ (ผู้ชายบริการ) ที่ฮะจิโอจิ เมื่อปี 2013
คดีฆาตกรรมอำพรางศพโฮสท์ (ผู้ชายบริการ) ที่ฮะจิโอจิ เมื่อปี 2013 (โดยเพจ นี่ห้องโชว์ไก่ 日本紹介)
หลังจากจับผู้ต้องหาทัท้งข้อหาทำลายศพ และทิ้งศพกับนายเออิจิโร่ เกนจิ (อายุ 31 ปี) ผู้บริหารร้านร่วมกันและอดีตพนักงานที่ร้านคือนายทะคุยะ อะเบะ (อายุ 26 ปี) และพ่อของนายทะคุยะคือนายฮิเดะกิ (อายุ 59 ปี) และผู้เกี่ยวข้องอีก 2 คน เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2013ได้กลับมาอีกเลย หลังจากเกิดเหตุเป็นเวลา 2 ปี 10 เดือนก็ได้มีการจับตัวผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้อง 5 คน
โดยหน่วยสอบสวนได้ตั้งข้อหาทำลายศพ และทิ้งศพกับนายเออิจิโร่ เกนจิ (อายุ 31 ปี) ผู้บริหารร้านร่วมกันและอดีตพนักงานที่ร้านคือนายทะคุยะ อะเบะ (อายุ 26 ปี) และพ่อของนายทะคุยะคือนายฮิเดะกิ (อายุ 59 ปี) และผู้เกี่ยวข้องอีก 4 คน เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2013
โดยนายมะสะมิจิได้โอนอำนาจการบริหารให้กับนายเออิจิโร่ แล้วถูกเรียกเก็บเงินค่าตกแต่งร้าน ส่วนนายทะคุยะนั้นไปทำการเรียกแขกแบบผิดกฎหมายเลยโดนจับทำให้ร้านต้องปิดบริการชั่วคราว นายมะสะมิจิก็เลยเรียกค่าเสียหายเป็นจำนวนร้อยล้านเยนจากนายทะคุยะ
ในเดือนเมษายน ปี 2013 หน่วยสอบสอนได้เข้าไปค้นบ้านนายฮิเดกิ และพบกับชิ้นส่วนกระดูกใบหน้ากับรากฟันเทียมที่ไปอุดมา ทางตำรวจไม่สามารถตรวจหา DNA จากกระดูกได้ แต่พบหลักฐานว่ารากฟันเทียมที่พบนั้นได้ทำในประเทศขึ้นมาเพียงแค่ 600 ชิ้นเท่านั้น ทางหน่วยสืบสวนจึงส่งให้โรงพยาบาลตรวจสอบดูและพบว่าเป็นของนายมะสะมิจิจริง จึงได้ลงความเห็นว่านายมะสะมิจิตายไปแล้ว และศพก็ถูกจัดการไปด้วย
หลังจากจับผู้ต้องหาทั้ง 5 แล้ว ในวันที่ 19 ก็ได้มีการจับภรรยาเก่านายเออิจิโร่คือนางซากิ เกนจิ (อายุ 28 ปี) ทำงานบริหารร้านอาหาร และน้องสาวของนายเออิจิโร่ นางเอมิ เกนจิ (อายุ 28 ปี) ในข้อหาให้ความช่วยเหลือการทำลายศพและทิ้งศพโดยการไปซื้อน้ำยามาจัดการศพ
หน่วยสืบสวนรายงานว่าน้ำยาที่ใช้นั้นคือ "โซดาไฟ" ซึ่งทางกรมตำรวจก็ได้ยืนยันว่ามีผลทำให้ร่างกายคนละลาย และทำให้กระดูกแตกได้
หลังจากที่นายมะสะมิจิหายตัวไป ก็มีหลักฐานว่าผู้หญิงทั้ง 2 คนได้ไปซื้อโซดาไฟเป็นจำนวนมาก
และบ้านของนายฮิเดะกิที่พบรากฟันนั้นมีการใช้น้ำมากกว่าปกติถึง 3 เท่า โดยทั้ง 7 คนให้การปฏิเสธว่า "จำไม่ได้" แต่ทางตำรวจเชื่อว่าอาจมีการใช้โซดาไฟละลายศพและมีการใช้น้ำเพื่อระบายทิ้ง
นายเออิจิโร่ เกนจิที่คาดว่าเป็นผู้คิดแผนฆาตกรรมนั้นได้ฆ่าตัวตายในคุกที่ทะจิคะวะ ส่วนนายทะคุยะนั้นต้องโทษอาญาจำคุก 20 ปี
ในคืนเกิดเหตุนายทะคุยะได้ทะเลาะกับนายมะสะมิจิและได้ใช้ปืนยิงจนเสียชีวิต หลังจากนั้นนายทะคุยะและภรรยาได้นำศพของนายมะสะมิจิมาไว้ที่บ้านนายฮิเดะกิ หลังจากนั้นนายฮิเดะกิกับนายทะคุยะก็ได้นำกระดูกไปทิ้งในแม่น้ำ
และตอนให้การที่ศาลนายฮิเดะกิได้กล่าวถึงตอนจัดการกับศพว่าดังนี้
"วันนั้น ตอน 8 โมงเช้าผมกลับมาบ้าน ทะคุยะก็อยู่ และที่ครัวก็มีหม้อตั้งไว้"
หลังจากที่นายทะคุยะได้ฆ่านายมะสะมิจิแล้ว นายทะคุยะก็ได้นำศพ หม้อขนาดใหญ่ และเตามาไว้ที่บ้านนายฮิเดะกิ จากนั้นก็ได้นำศพลงหม้อ ใส่โซดาไฟจำนวนมากและจุดไฟต้มหม้อนั้น
ภรรยานายทะคุยะบอกว่า "นายทะคุยะบอกฉันให้พาพ่อไปดื่มหน่อย และในระหว่างนั้นจะทำการละลายศพ" และภรรยากับพ่อของนายทะคุยะก็ออกไปข้างนอกทั้งวัน
แต่ทว่าจนถึงเช้าแล้วศพก็ยังละลายไม่หมดทำให้นายฮิเดะกิกลับมาเจอลูกชายที่กำลังใช้หม้อต้มละลายศพอยู่
"ผมคิดว่าปล่อยลูกชายไว้แบบนั้นไม่ได้ แต่ก็จะให้ลูกชายกลายมาเป็นคนร้ายก็ไม่ได้ ทั้งหม้อ ทั้งศพ ก็อยู่ที่นั้น ผมทำอะไรไม่ได้เลย และลูกชายก็บอกว่าขอร้องให้ทำต่อไปเถอะ ผมจึงไม่ได้แจ้งความ"
หลังจากที่นายฮิเดะกิฟังคำขอร้องของนายทะคุยะ เขาก็ได้แต่รอ "ผมไม่ได้เข้าไปในครัวและไม่เห็นศพในหม้อ แต่ะได้ยินเสียงตอนที่มันละลายมีเสียง "ซู่" ดังมาก
จากนั้นนายฮิเดะกิก็นั่งรออยู่ในห้องนั่งเล่น แต่จนรุ่งเช้าอีกวันนายทะคุยะก็ยังจัดการไม่เสร็จ ผลเลยทำให้นายฮิเดะกิต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับการทำลายศพด้วย
"ผมช่วยทำกระดูกให้แตกเป็นชิ้นเล็ก ๆ ตอนแรกทะคุยะก็บอกว่าไม่ต้องทำอะไรก็ได้ แต่ก็ดูเหมือนจะเริ่มลน จึงได้เอากระดูกออกมาจากหม้อและเริ่มทำลาย เมื่อผมเห็นก็เลยบอกว่ามาเดี๋ยวช่วย"
ทนายความก็ถามว่า "คุณรู้สึกอย่างไรตอนนั้น?"
นายฮิเดะกิบอกว่า "ผมไม่ได้รู้สึกแย่เลย ผมว่าผมต้องทำ และก็ไปล้างหม้อ"
หลังจากนั้นก็ได้นำศพที่เหลือแต่กระดูกไปทำลายในอ่างอาบน้ำ ส่วนกระดูกชิ้นใหญ่ก็ได้นำไปทิ้งในแม่น้ำกับนายทะคุยะโดยแสร้งทำเป็นว่าไปบาร์บีคิวเพื่อจะได้นำกระดูกไปทิ้ง คนที่ออกไอเดียเรื่องบาร์บีคิวนั้นก็คือนายฮิเดะกิ
นายมะสะมิจิ ทสึจิดะ ผู้ตาย
สถานที่พบรากฟันเทียม
นายเออิจิโร่ เกนจิ ผู้ต้องหาที่ได้ฆ่าตัวตายในคุก