ทีโอทีระส่ำขาดรายได้จ่อโล๊ะพนักงาน 1,000 คน หลังไอ้โม่งสื่อสารบีบบอร์ดทีโอทีล้มข้อตกลงกับพันธมิตร

พันธมิตรทีโอทีส่อวุ่นอีก หลังบอร์ดทีโอทีเจอใบสั่งล้มข้อตกลงกับเอไอเอส ยกกรณีแก้สัญญาในอดีตจนถูก ป.ป.ช.ชี้มูลขู่ จนทำเอาบอร์ดลังเลต้องส่งเรื่องให้กฤษฎีกาตีความอีกหน ขณะสหภาพฮึ่มผลงานบอร์ด-ฝ่ายบริหารมัวเล่มเกมการเมืองทำทีโอทีสูญประโยชน์ไปร่วมหมื่นล้าน คาดผลพวงขาดทุนจ่อโละพนักงานนับพันปีนี้

แหล่งข่าวจากบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) นัดพิเศษเมื่อ 21 มิ.ย.59 ที่ผ่านมา ที่ประชุมบอร์ดได้พิจารณาเปลี่ยนแปลงมติเดิมเมื่อ 9 มิ.ย.59 ที่อนุมัติให้ทีโอทีลงนามในสัญญาทดสอบฯ กับบริษัทแอดวานซ์ ไวร์เลสเน็ทเวิร์ค (AWN ) ในการให้บริการ 3จี 2100 โดยบอร์ดทีโอทีได้ขอให้ฝ่ายบริหารระงับการลงนามในข้อตกลงไว้ก่อน และให้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความก่อนว่าการดำเนินการดังกล่าว เข้าข่ายการดึงเอกชนร่วมดำเนินธุรกิจตามนโยบาย PPP หรือไม่

แหล่งข่าวกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ฝ่ายบริหารทีโอทีได้เคยสอบถามไปยังกระทรวงการคลัง และสำนักงาน กสทช.แล้ว หากทีโอทีจะลงนามร่วมกับพันธมิตรธุรกิจเช่นเดียวกับที่บริษัท กสท โทรคมนาคม ทำกับกลุ่มทรูมูฟจะทำได้หรือไม่ซึ่ง กสทช.ก็มีหนังสือตอบกลับว่าทำได้ แต่กระนั้นบอร์ดทีโอทีก็ยังไม่กล้าตัดสินใจและยังคงเล่นเอาเกิดสอบถามความเห็นกรณีดังกล่าวไปทั่วสารทิศอยู่อีก

ขณะที่สหภาพรัฐวิสาหกิจทีโอทีนั้น ได้เตรียมออกโรงเรียกร้องให้ฝ่ายบริหารและบอร์ดทีโอทีเร่งดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการ รวมทั้งการแสวงหาพันธมิตรธุรกิจโดยเร็ว เพราะเป็นเรื่องที่ยืดเยื้อมากว่า 2 ปีแล้ว นับตั้งแต่ทีโอทีได้ดำเนินการสรรหาพันธมิตรธุรกิจเมื่อกลางปี 2556 ทำทีโอทีสูญเสียโอกาสในการแข่งขันและสูญเสียผลประโยชน์ไปนับหมื่นล้านบาท โดยเฉพาะผลประโยชน์ที่องค์กรควรจะได้รับจากการให้เอไอเอสเช่าคลื่นความถี่ 2100 MHz ปีละ 3,900 ล้านและโครงข่ายโทรคมนาคม 2 จีอีกปีละกว่า 3,600 ล้านไม่รวมผลประโยชน์อื่นๆ

เบื้องหน้าเบื้องหลังที่ทำให้เส้นทางการแสวงหาพันธมิตรธุรกิจทีโอทีต้องยืดเยื้อออกไปนั้น ก็เพราะถูกบริษัทสื่อสารยักษ์รายหนึ่งที่มีสายสัมพันธ์แนบแน่นอยู่กับรัฐบาลชุดนี้ได้เรียกบอร์ดทีโอทีไปล็อบบี้ และทั้งขู่ทั้งปลอบให้ล้มเลิกข้อตกลงที่ว่านี้ไปเสีย โดยหยิบยกเรื่องที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติเชือดอดีตผู้บริหารทีโอทีในอดีตกรณีแก้ไขสัญญาสัมปทานกับบริษัทเอไอเอสมาเป็นตัวอย่าง ทำให้บอร์ดทีโอทีต้องหวนกลับไปล้มมติของตนเอง

แหล่งข่าวยังกล่าวด้วยว่า แม้ก่อนหน้านี้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ หรือ “ซูเปอร์บอร์ด” ประกาศจะใช้ ม.44 เพื่อเร่งรัดให้ 7 รัฐวิสาหกิจที่อยู่ในแผนฟื้นฟูกิจการให้เร่งรัดดำเนินการแก้ไขปัญหาขาดทุนบักโกรกขององค์กรโดยเร็ว โดยได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ใช้ผลงานแก้ไขปัญหาองค์กรเป็นตัวชี้วัดการทำงาน (KPI) ของทั้งคณะกรรมการ (บอร์ด) รัฐวิสาหกิจ และฝ่ายบริหาร รวมไปถึงกระทรวงต้นสังกัด

แต่ก็ดูเหมือนจะมีเพียงบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ที่ดำเนินการฟื้นฟูองค์กรได้ตามเป้าหมายของซูเปอร์บอร์ด โดยผลการดำเนินงานล่าสุดเมื่อสิ้นไตรมาสแรกของปี 59 ที่ผ่านมาสามารถพลิกกลับมามีกำไร 7,180 ล้าน จนสามารถกู้หน้าให้กับซูเปอร์บอร์ดได้ ขณะที่รัฐวิสาหกิจอื่นๆ โดยเฉพาะบริษัททีโอทียังคงย่ำอยู่กับที่ ผลประกอบการของทีโอทีที่ขาดทุนต่อเนื่องมาหลายปีนั้น ล่าสุดมีกระแสว่าอาจจะต้องมีการโละพนักงานในสิ้นปีนี้กว่า 1,000 คน ตามมาจากผลพวงที่ไม่สามารถฟื้นฟูองค์กรตามมติคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ได้”

“ล่าสุด รมต.ไอซีทีก็เพิ่งจะเรียกบอร์ดทีโอทีและแคทเทเลคอมไปให้นโยบาย ให้ทั้งสององค์กรได้เร่งรัดปรับโครงสร้างองค์กรและจัดทัพธุรกิจใหม่ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพลิกฟื้นองค์กรเพื่อให้มีรายได้อย่างยั่งยืน แต่ก็กลับเป็นเรื่องที่น่าแปลกที่ในส่วนของทีโอทีนั้น แม้ฝ่ายบริหารและสหภาพจะเห็นชอบร่วมกันที่จะต้องเร่งแสวงหาพันธมิตรธุรกิจเข้ามาร่วมงาน แต่ก็ถูกทุนการเมืองเล่นเอาเถิดจนล้มลุกคลุกคลานอย่างที่เห็น”