Valentine's day Massacre แด่ศัตรูที่รักด้วยรัก จาก.. อัล "สการ์เฟซ" คาโปน ..
Valentine's day Massacre แด่ศัตรูที่รักด้วยรัก จาก.. อัล "สการ์เฟซ" คาโปน ..
ช่วงปี1924-1930 ชิคาโกถูกปกคลุมด้วยความรุนแรง และความไม่ยำเกรงกฏหมาย โดยชาย ผู้ที่อยู่ตำแหน่งสูงสุดแห่งโลกอาชญากรแห่งมหานครชิคาโก ก็คือ อัล คาโปน ยุค"Phohibition Era" หรือ ยุคห้ามขาย,ห้ามดื่ม,ห้ามส่ง,ห้ามเคลื่อนย้าย เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (1920-1933)
เป็นช่วงที่คาโปนรุ่งสุดขีด เขาสร้างเครือข่ายใต้ดินในการลักลอบขน และขายเหล้าเถื่อน บวกกับธุรกิจมืดอย่าง ค้าโสเภณีและการพนันผิดกฏหมาย จนในช่วงปี 1927 เขามีรายได้คร่าวๆประมาณ 1ร้อยล้าน USD.และด้วยความสัมพันธ์แนบแน่นกับ นายกเทศมนตรี และตำรวจ ยิ่งทำให้ คาโปน อยู่เหนือกฏหมายไปอีก .
แต่ เพราะคดีหนึ่ง ที่สร้างแรงกระเพื่อมไปทั่วประเทศ จนรัฐบาลกลางต้องลงมาเล่นเองส่งผลให้ คาโปนกลายเป็น "Public Enemy No.1" หรือ ผู้ต้องหาที่เป็นภัยต่อมวลชนหมายเลข 1คือคดีที่เรียกกันว่า Saint Valentine's Day Massacre..สังหารหมู่ในวันวาเลนไทน์ ! ..
เป็นเวลานานเเล้ว ที่คาโปน ขัดแย้งกับไอริชแกงค์ ที่นำโดยจอร์จ "บักส์" มอแรน ซึ่งก็ทำธุรกิจเหล้าเถื่อนเหมือนกัน และมอแรนก็ยังทำตัวเหมือนจะวัดรอยเท้าคาโปนอยู่อย่างไม่เกรงเขาเทคโอเวอร์ธุรกิจหลายๆอย่างที่คาโปนเป็นเจ้าของ และยังมีส่วนรู้เห็นกับการพยายามฆาตกรรมคนใกล้ชิดของคาโปน แผนการถูกวางไว้ อย่างเงียบๆจนเวลานั้นก็มาถึง บั๊ก มอแรน ถูกล่อให้มาที่โกดัง SMC Cratage บนถนน คลาร์ค สตรีท
โดยมอแรนได้รับการติดต่อว่ามีเหล้าที่ถูกขโมยมาจากแกงค์ในเครือของคาโปน มอแรนก็ไม่รอช้า เขาและพรรคพวกอีก7คน แต่งตัวในชุดที่ดีที่สุดพร้อมรถบรรทุกเปล่าๆ2คัน ตรงดิ่งไปยังที่นัดหมาย ในดีทรอยท์ คนของมอแรน ไปถึงที่นัดราวๆ10.30
ขณะที่มอแรนมาสาย ปีเตอร์ และ แฟรงค์ กูเซนเบิร์ก พี่น้องหน่วยหน้าของมอร์แกนก็อยู่ในที่นัดแล้ว ระหว่างทั้ง 7กำลังรอ ก็มีรถแคดิแลคมาจอดหน้าโกดัง ชาย4คนลงมาจากรถ 2คนแต่งเครื่องแบบตำรวจถือปืนลูกซอง เดินเข้ามาข้างในโกดังทางด้านหลัง
เมื่อพบกับคนของมอแรน ก็สั่งให้พวกเขา ยืนเรียงแถวติดกับผนัง จากนั้น ชายในเครื่องแบบก็ส่งสัญญาณให้ชายในชุดพลเรือนอีก2คน ส่งกระสุนจากปืนกลทอมป์สันใส่ร่างของเหยื่อทั้ง7 จนหมดแม๊กกาซีน20นัด และแม๊กกาซีนวงกลมอีก 50นัด จนเหยื่อกระสุดร่วงกับพื้นทั้ง2 ก็ยังสาดกระสุนจากปืนทอมสันใส่ไม่หยุด ก่อนที่ชายในชุดตำรวจ เดินมาปิดจ๊อบด้วยการยิงปืนลูกซอง ใส่เหยื่อทั้ง 7อีก หลังเสียงกระสุนปืนหยุด ชายในชุดพลเรือน ก็เดินออกมาจากโกดังโดยยกมือขึ้น ให้ชายในเครื่องแบบ ทำทีว่ากำลังคุมตัวอยู่ แล้วก็ขึ้นรถขับออกไป ..
มีผู้ที่รอดชีวิตในโกดังอยู่ 2ชีวิตคือ HighBall หมาของคนในแกงค์ และ แฟรงค์ กูเซ็นเบิร์ก ที่ยังมีชีวิตอยู่ ทั้งๆที่โดนยิงไป 14นัดแต่ก็ไม่สามารถให้การอะไรได้ และตายไปในอีก3ชม.ต่อมา มอแรน ที่รอดชีวิตเพราะมาสาย ไม่รอช้า ชี้นิ้วกล่าวหาว่าเป็นฝีมือคาโปนแต่คาโปนก็อ้างว่าช่วงที่เกิดเหตุ เขาอยู่ที่ฟลอริด้า และด้วยขาดพยานและหลักฐานตำรวจก็ไม่สามารถทำอะไรได้ และไม่สามารถหาตัวผู้กระทำผิดในคดีนี้ได้เลย แต่ คดีนี้ มันก็ส่งผลอย่างมาก
รัฐบาลกลางมองว่า ปัญหาเรื่องแกงค์รุนแรงใหญ่โตจึงหันมาจับตา และมุ่งสืบสวนคาโปน และนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้น ของการล่มสลายของอาณาจักรอาชญากรรม ของเจ้าพ่อใหญ่ อัล คาโปน ..