แถลงท่าทีของวัดจากกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)
วันนี้(14 มิ.ย.)ที่วัดพระธรรมกาย อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี พระสนิทวงศ์ วุฑฺฒิวํโส ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย แถลงท่าทีของวัดจากกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ได้ ส่งสำนวนคดีพิเศษที่ 27/2559 เกี่ยวกับคดีความของพระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย ไปยังอัยการเมื่อวันที่ 13 มิ.ย. ที่ผ่านมา ว่า
1. เนื้อหาในคดีดังกล่าว กรมสอบสวนคดีพิเศษได้สอบสวนแล้วในคดีพิเศษที่ 146/2556 และเสนอสำนวนการสอบสวนต่อพนักงานอัยการแล้ว พนักงานสอบสวนคดีพิเศษไม่อาจที่จะแยกเรื่องออกมาเป็นคดีใหม่ที่ 27/2559 ทั้งนี้เทียบเคียงตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9/2481 และเรื่องเสร็จที่ 766/2546 บันทึกสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา(สคก.) การกระทำดังกล่าวของกรมสอบสวนคดีพิเศษจึงอาจเป็นการปฏิบัติหน้าที่ โดยมิชอบ
2. การที่พนักงานสอบสวนได้นำหมายเรียกพระธัมมชโย มาเปิดเผยต่อสื่อมวลชนแล้วเผยแพร่ไปยังประชาชนโดยทั่วไป ก่อนที่จะนำหมายเรียกดังกล่าวมาส่งให้แก่พระธัมมชโย เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วย จรรยาบรรณของพนักงานสอบสวน แสดงให้เห็นว่าพนักงานสอบสวนอาจมีอคติต่อพระธัมมชโยและวัดพระธรรมกาย นอกจากนี้ พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ดีเอสไอ ได้ ให้ นายมโน เลาหวณิช ซึ่งเป็นผู้กล่าวหาและมีความขัดแย้งกับพระธัมมชโย เข้าร่วมประชุมกับคณะพนักงานสอบสวน ชี้นำวิธีการจัดการกับพระธัมมชโย การกระทำดังกล่าวทำให้ศิษย์ฯ วัดพระธรรมกายขาดความ ไว้วางใจในการทำงานของพนักงานสอบสวนชุดนี้
3. ดีเอสไอได้มีคำสั่งที่ 531/2559 เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. ขอความร่วมมือจาก พระเทพรัตนสุธี เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) และดร.สมศักดิ์ โตรักษา ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมาย เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ร่วมเป็นคณะกรรมการประสานงานในคดีดังกล่าว มีอำนาจหน้าที่กำหนดแนวทาง มาตรการ และวิธีประสานงาน รวมถึงประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
4. คณะกรรมการชุดนี้ได้ประชุมที่วัดเขียนเขต จังหวัดปทุมธานี ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. และครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. โดยดร.สมศักดิ์ โตรักษา ได้ประสานงานกับทางวัดพระธรรมกายมาโดยตลอด และการ เจรจามีความคืบหน้าด้วยดีโดยลำดับ เหลือเพียงประเด็นการเปลี่ยนหัวหน้าพนักงานสอบสวน ซึ่งมีการกระทำที่ไม่ชอบด้วยจรรยาบรรณของพนักงานสอบสวนดังกล่าวแล้วข้างต้น ซึ่งผู้แทนดีเอสไอ ได้แนะนำให้ทำ หนังสือขอความเป็นธรรมและขอเปลี่ยนตัวหัวหน้าพนักงานสอบสวนไปยังอธิบดีดีเอสไอ ซึ่งทางทนายความผู้รับมอบอำนาจของพระเทพญาณมหามุนีก็ได้ดำเนินการตามคำแนะนำเรียบร้อย และมีการนัดประชุมของ คณะกรรมการครั้งที่ 3 ในวันที่ 14 มิ.ย.
5. แต่แล้วในวันที่ 13 มิ.ย. ทางดีเอสไอ กลับสั่งฟ้องและส่งสำนวนคดีดังกล่าวไปยังอัยการ โดยไม่รอการประชุมในวันที่ 14 มิ.ย. ทำไมกรมสอบสวนคดีพิเศษจึงรีบร้อนรวบรัดกระบวนการผิดปกติ ทั้งการออกหมาย จับและการสั่งฟ้องคดีนี้ ทำไมดีเอสไอไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงการประชุมแม้แต่ข้อเดียว 6. วัดพระธรรมกายรู้สึกเสียใจและขาดความเชื่อมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ของดีเอสไอที่ไม่รักษาข้อตกลง ไม่ให้เกียรติพศ.และ คณะสงฆ์ มีพฤติกรรมที่น่าสงสัยว่าอาจมีเล่ห์กลอุบาย
7. พระธัมมชโย ได้รับบริจาคโดยเปิดเผยและสุจริต ทรัพย์ทั้งหมดได้ใช้ไปเพื่อสร้างศาสนสถานตามเจตนารมณ์ของผู้บริจาค ไม่ได้นำไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตนแม้แต่บาทเดียว มีหลักฐานเส้นทางการเงินที่ชัดเจน เพราะไม่เคยถอนเป็นเงินสดออกมาเลย ซึ่งสำนักงานปปง. ได้ตรวจสอบเส้นทางการเงินทั้งหมดโดยชัดเจนและส่งให้ดีเอสไอ แล้ว ยิ่งกว่านั้นเมื่อเกิดเป็นคดีความขึ้น มีข้อสงสัยถึงที่มาของทรัพย์ที่ได้รับบริจาค
คณะศิษย์ฯ ยังได้ตั้งกองทุนเยียวยาแก่สหกรณ์เครดิต ยูเนี่ยนคลองจั่นจนครบจำนวน และสหกรณ์ซึ่งเป็นผู้เสียหายที่แท้จริงได้มีหนังสือขอบคุณและแสดงเจตนารมณ์ ไม่ติดใจเอาความทั้งทางแพ่งและอาญา ทำไมดีเอสไอ กลับมุ่งมั่นดำเนินคดีในประเด็นที่ไม่เกิดประโยชน์ใดๆกับสมาชิกสหกรณ์
8. การดำเนินคดีนี้กับพระธัมมชโย จะสร้างผลกระทบต่อพระพุทธศาสนาอย่างใหญ่หลวง ต่อไปการรับบริจาคของวัดและองค์กรสาธารณะอื่นๆ ก็อาจถูกดำเนินคดีว่าเป็นการรับของโจรและฟอกเงินได้เช่นเดียวกัน“ วัดพระธรรมกายยืนยันเคารพกระบวนการยุติธรรม และจะขอความเป็นธรรมจากพนักงานอัยการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป” พระสนิทวงศ์ กล่าว
พระสนิทวงศ์ กล่าวด้วยว่า สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ได้ส่งหนังสือมาขอบคุณทั้งทางวัด ทางพระธัมมชโย และทางคณะศิษย์ฯ ที่เยียวยาให้ ซึ่งเงินก้อนนี้เป็นก้อนหลักในปัจจุบันที่ทางสหกรณ์ฯ ได้ดำเนิน การทำกิจกรรมของตนเองได้ จึงขอความเป็นธรรม และขอความเห็นใจ จากทุกท่านด้วยว่า วัดพระธรรมกาย ลูกศิษย์พระธัมมชโย ได้ให้ความร่วมมือกับทางราชการมาโดยตลอด ทั้งไม่ได้นิ่งนอนใจ ลูกศิษย์ต่างก็ สละทรัพย์อันมีค่าของตนเองที่ได้ด้วยความยากลำบาก แต่เห็นว่าสมาชิกสหกรณ์ฯบางส่วนมีความเดือดร้อนก็ตั้งกองทุนเยียวยา และก็ได้ช่วยเป็นอย่างดีมาโดยตลอด ซึ่งจะนำเรื่องนี้ชี้แจงไปที่พนักงานอัยการอีก
ต่อข้อถามว่าพระธัมมชโยจะมอบตัวไหมหากมีการแจ้งข้อกล่าวหา พระสนิทวงศ์ กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า จริงๆ ที่ผ่านมาก็ให้ความร่วมมือกับทางรัฐบาลมาโดยตลอด อย่างที่ทราบพระธัมมชโยยังอยู่ในอาการอาพาธอยู่ ทางหมอก็ให้พักรักษาตัว ตอนนี้ก็ยังพักรักษาตัวอยู่.