วอลเล่ย์บอลไทยแลนด์กับอนาคต

"วอลเล่ย์บอล" ถือว่าเป็นกีฬาที่นิยมมากๆ ในปัจจุบัน ซึ่งประเทศไทยนั้น ในอดีตวงการวอลเล่ย์บอลอาจไม่ค่อยโดงดังมากนัก เพราะยังไม่มีผลงานที่ดีเท่าที่ควร จะมีสนใจเฉพาะกลุ่มคนรักวอลเล่ย์เฉพาะกลุ่มเท่านั้น จนกระทั่งการคว้าแชมป์เอเชียสมัยแรก ปี 2009 ที่เมืองฮานอย ประเทศเวียดนาม ด้วยการล้มยักษ์ใหญ่อย่างจีนไป 3-1 เซต คว้าแชมป์เอเชียสมัยแรกและประวัติศาสตร์แรก

หลังจากนั้น วงการวอลเล่ย์บอลในประเทศไทยจึงเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มมีแฟนคลับมากขึ้น และเริ่มมีแบรนด์ดังๆ สนับสนุนมากขึ้น เช่น แกรนด์สปอร์ต(สนับสนุนชุดกีฬาทีมชาติ) ช้าง(โลโก้บนเสื้อปี 2010-2015) เอส EST(โลโก้บนเสื้อปัจจุบัน) และการสนับสนุนจากหน่วยงานอื่นๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนมากมาย เนื่องจากทีมชาติไทยสร้างผลงานดีขึ้นเรื่อยๆ 

ไทย : เวียดนาม เจอกันล่าสุด...

หลายคนบอก "ทีมเวียดนาม" อนาคตจะแซงทีมชาติไทย จริงเหรอ ??? ต้องบอกก่อนเลยว่า วงการวอลเล่ย์บอลของไทยนั้น ดีดตัวออกห่างเพื่อนบ้านในย่านอาเซียนไปไกลมากๆ เรียกได้ว่าตีคู่ในระดับแนวหน้าของเอเชียและระดับโลกแล้ว ทำไมถึงคิดว่าเวียดนามอนาคตจะแซงเรา??? คิดว่า วงการวอลเล่ย์บอลจะหยุดพัฒนาแค่นี้เหรอ??? 

ปัจจุบันนั้น มีตัวแปรหลายอย่างมากที่ทำให้มั่นใจได้ว่า วงการวอลเล่ย์บอลไทยนั้น จะพัฒนาไปไกลกว่านี้ นั้นคือ...การได้รับการสนับสนุนจากหลายหน่วยงาน อย่างคัดโอลิมปิกส์ที่ญี่ปุ่นเสร็จ กลับมาได้รับเงินอัดฉีดจาก Truemove ประเทศไทย 1 ล้านบาท ผู้สนับสนุนโลโก้บนเสื้อปัจจุบันอย่าง Est ไม่น้อยหน้าอัดไป 10 ล้านบาท ประธานบริษัทวันแชมป์เปียนชิพ(มวย) บริจาคให้อีก 1 ล้านบาท ยังไม่รวมเงินอัดฉีดแต่ละปีที่ทางสมาคมให้อีกนะ 

การจัดลีกอาชีพก็เช่นกัน ซึ่งปี 2015 การกีฬาแห่งประเทศไทยได้อนุมัติให้ วอลเล่ย์บอล เป็นลีกอาชีพแบบเต็มตัวแล้ว (ก่อนหน้านั้นยังจัดแข่งขันแบบยังไม่เปิดกว้าง) เริ่มมีการซื้อนักตบต่างชาติมากขึ้น ซึ่งสโมสรยักษ์ใหญ่ที่เงินหนาอย่าง "Bangkok Glass-VC" ถือว่าเป็นยักษ์ใหญ่ของลีกไปแล้ว ทั้งการเปิดตัวใหม่ ก็สามารถคว้าแชมป์ได้สมัยแรก อีกทั้งยังคว้าแชมป์ซูปเปอร์ลีกได้อีก เท่านั้นยังไม่พอ สามารถคว้าแชมป์ สโมสรชิงแชมป์เอเชีย ที่เวียดนามได้ ด้วยการเอาชนะแชมป์เก่าของรายการอย่าง "Hisamitsu Springs" แชมป์ขาโหดหลายสมัยจากประเทศญี่ปุ่นไปได้ 3-2 เซต ได้สิทธ์ไปแข่งสโมสรชิงแชมป์โลกทันที 

จากการสัมภาษณ์โค้ชไทยที่ไปรับหน้าที่คุมนักกีฬาที่เวียดนามนั้น ประเทศเวียดนามวงการวอลเล่ย์บอลถือว่ายังตามไทยอยู่มากๆ เพราะพื้นฐานประชากรหัดเด็กเล่นวอลเล่ย์ตอนอายุ 10-12 ปีขึ้นไป รายการแข่งขันต่างๆ ก็ไม่ค่อยมี จะมีแค่ 2-3 รายการเท่านั้น แตกต่างจากไทยที่มีการจัดแข่งขันหลายรายการมากๆ ทั้งระดับยุวชน เยาวชน และรายการระดับประเทศ พื้นฐานการปลูกฝังและการกีฬาและวิทยาศาสตร์ยังใช้ไม่มากเท่าไทย จะสังเกตุว่า...นักกีฬาเวียดนามตัวสูงๆ เยอะแยะ แต่ทำไมแข่งกับไทยทีไรถึงแพ้ไทยตลอด แม้กระทั้งชุดเยาวชนและชุด B ของไทยยังสู้ได้แบบแพ้บ้าง ชนะบ้าง เพราะเทคนิคเขายังเป็นรองเรา

การที่เราจะชนะทีมอื่นที่รูปร่างสูงใหญ่ ต้องอาศัยเทคนิคและพละกำลังมหาศาลจริงๆ

เนื่องจากนักกีฬาไทยรูปร่างเสียเปรียบคู่ต่อสู้ต่างประเทศมากๆ ทางสต๊าฟโค้ชและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงต้องทำงานหนักเพื่อวางแผนการเล่นให้แก่นักกีฬา ซึ่งต้องอาศัยเทคนิค แผน และวิทยาศาสตร์การกีฬาเข้ามาช่วย จะเห็นได้ว่า ทีมไทยสไตล์การเล่นค่อนข้างรวดเร็วและจับทางยากขึ้นเรื่อยๆ ต้องเล่นบอลสูตร ตัวหลอกเยอะๆ เพื่อให้คู่แข่งจับทางยาก

ปัจจุบันจะเห็นได้ว่านักวอลเล่ย์บอลหญิงทีมชาติไทยนั้น เป็นที่ยอมรับในสายตาต่างชาติแบบเต็มตัวแล้ว แต่ละปี จะได้รับคำชมจากเว็บวอลเล่ย์โลกอย่าง "Volleyballwood" ชื่นชมในแต่ละปี อีกทั้งล่าสุดยังได้รับเชิญไปรายการพิเศษจากประเทศสวิสเซอร์แลนด์ "Montreux Volley Masters 2016" เป็นรายการรับเชิญชื่อดังระดับโลก เชิญเฉพาะทีมดังๆ ที่ผลงานดีๆ ทั้งนั้น ซึ่งถ้าใครคิดไม่ออกว่ารูปแบบรายการเป็นแบบไหน ให้นึกถึงรายการ "VTV Cup" ที่ประเทศเวียดนามเชิญไปนั้นแหละ เพียงแค่รายการ Montreux Volley Masters นั้นจะโด่งดังมากกว่าเท่านั้นเอง

อีกทั้งรายการระดับโลกอย่าง World Grand Prix ที่เราสามารถเข้าไปเล่นได้ทุกๆ ปี โดยปัจจุบันปรับกฏใหม่คือ แบ่งเป็น 3 ดิวิชั่น โดยไทยจัดอยู่ในดิวิชั่นที่ 1 คือ อันดับดีที่สุด 1-12 ของโลกนั้นเอง โดยล่าสุดปี 2015 เราสามารถจบอันดับที่ 9 ได้ และปี 2016 นี้ เราได้เสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันรอบท้าย (6 ทีมสุดท้าย) โดยถือว่าทาง FIVB มั่นใจในศักยภาพประเทศเราสุดๆ เพราะประเทศที่จะจัดรอบสุดท้ายของ WGP ได้นั้น ต้องพร้อมในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นสนาม ระบบภายในสนาม ที่นั่ง สิ่งอำนวยความสะดวก และโรงแรมที่พักต่างๆ ถือว่าเรามีพร้อมทุกด้านจริงๆ

อีกทั้งนักกีฬาไทยเลือดใหม่หลายๆ คน ก็สามารถก้าวมาแสดงฝีไม้ลายมือในระดับนานาชาติให้เห็นอีก ซึ่งเรื่องของการปรับตัวนั้นสำคัญมาก เพราะเลือดใหม่อาจจะต้องใช้เวลาขัดเกลาและเรียนรู้ประสบการณ์อีก อาจมีเปลี่ยนเข้า เปลี่ยนออกบ้าง ก็อยู่ที่การตัดสินใจของโค้ชเขาละ ที่เราเห็นได้ชัดคือ อัจฉราพร คงยศ / ทัดดาว นึกแจ้ง / พรพรรณ เกิดปราชญ์ / หัตถยา บำรุงสุข 4 คนนี้ถือว่าไว้ใจได้แน่นอนที่สุดในเวลานี้แล้ว เพราะผลงานมองเห็นได้ชัดเจน ส่วนตำแหน่งอื่นที่เหลือ ก็ต้องจับตาดูต่อไป ซึ่งมั่นใจได้ว่า รุ่นใหม่จะสามารถไปไกลได้...

(เราใช้ภาษาไทยไม่วิบัติแล้วนะ โดนติเรื่องนี้เยอะมาก พอดีขี้เกียจพิมพ์ เลยใช้ภาษาพูดเยอะเลย)