ไม่ได้ซื้อ-โบอิ้ง 747 ผู้ใหญ่ใจดีให้ฟรี! สร้างแลนด์มาร์กใหม่โคราช
นักธุรกิจหนุ่มผุดโปรเจกต์แลนด์มาร์กแห่งใหม่ ขนซากเครื่องบินโบอิ้ง 747 ไปไว้ในที่ดินทำเลทอง ระบุชัดไม่ได้ซื้อ 20-30 ล้านตามข่าวที่ออกไปก่อนหน้านี้ แต่ผู้ใหญ่ใจดีมอบให้ฟรี เพื่อทำเป็นแหล่งท่องเที่ยว สร้างความเจริญให้โคราช...
เมื่อวันที่ 5 พ.ค. ภายหลังจากโลกโซเชียลฮือฮาแห่แชร์ภาพการเคลื่อนย้ายเครื่องบินโบอิ้ง 747 จากสนามบินนครราชสีมา หรือสนามบินหนองเต็ง อ.จักราช จ.นครราชสีมา ไปยังไร่มันสำปะหลัง ต.หนองจะบก อ.เมืองนครราชสีมา ประตู 2 ก่อนเข้ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) และทำการประกอบใหม่บนเนื้อที่กว่า 100 ไร่ บริเวณสี่แยกถนนตัดใหม่ มทส.ประตู 1 เชื่อม มทส.ประตู 2 ก่อนถึงทางเข้า รพ.มหาวิทยาลัยสุรนารี พร้อมกับเปิดตัวนักธุรกิจหนุ่มผู้รับเหมาท่าทราย ‘ปราโมทย์ ริมใหม่’ เตรียมก่อสร้างแหล่งท่องเที่ยวบิ๊กโปรเจกต์แลนด์มาร์กแห่งใหม่ของโคราช "โบอิ้งแลนด์" โดยมีรายงานระบุว่าเครื่องบินโบอิ้ง 747 ดังกล่าว ถูกซื้อมาในราคา 20-30 ล้านบาท
ล่าสุด ที่บริเวณกลางไร่มันสำปะหลังเนื้อที่กว่า 100 ไร่ ต.หนองจะบก อ.เมือง จ.นครราชสีมา ใกล้ประตู 2 เข้าไปยังมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี บริเวณสถานที่ที่เตรียมก่อสร้าง มีเครื่องบินโบอิ้ง 747 ลำใหญ่ ตัวเครื่องสีขาว พร้อมปีกสองข้าง และแพนหางจอดไว้ มีช่างหลายสิบคนขะมักเขม้นเร่งดำเนินการประกอบให้สมบูรณ์ เพื่อทำเป็นแลนด์มาร์กใหม่ของ จ.นครราชสีมา ซึ่งจะสามารถเปิดให้เข้าชมได้ในช่วงปลายปี 2559
นายปราโมทย์ ริมใหม่ กรรมการผู้จัดการ หจก.ริมใหม่ คอนสตรัคชั่น ผู้จำหน่ายเครื่องจักรกลหนักในการทำธุรกิจเหมือง ดำเนินกิจการธุรกิจท่าทราย และรับเหมาก่อสร้าง เปิดเผยถึงข้อสงสัย และที่มาของการขนย้ายเครื่องบินโบอิ้ง 747 ลำใหญ่จากสนามบินหนองเต็ง อ.เฉลิมพระเกียรติ ว่า ตนได้เจรจา และได้รับความไว้วางใจจากผู้ใหญ่มอบเครื่องบินลำดังกล่าวมาจริง ตนยืนยันว่า ไม่ได้มีการซื้อมาแต่อย่างใด เนื่องจากผู้ใหญ่เห็นความตั้งใจของตน ส่วนที่มีข่าวว่า ซื้อมาด้วยงบ 20-30 ล้านบาทนั้น เป็นเรื่องเข้าใจผิด และมีความคลาดเคลื่อนอยู่บ้าง
ทั้งนี้ เครื่องบินที่ผู้ใหญ่ใจดี มอบให้มานั้น ได้นำมาไว้พื้นที่แห่งนี้ ซึ่งเป็นที่ดินมีโฉนด และเป็นทำเลที่สวยงาม ปัจจุบันเปิดให้บริการแก่กลุ่มจิตอาสาได้ใช้ประโยชน์เป็นสนามเครื่องบินเล็ก และตนกำลังมีโปรเจกต์ใหม่ เป็นโปรเจกต์ใหญ่ เพื่อจะสร้างพื้นที่บริเวณนี้เป็นแลนด์มาร์ก แหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งของโคราช จึงได้มีแนวความคิดว่าจะนำเครื่องบินที่ปลดประจำการมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในอนาคตต่อไป
"เดิมทีจะเข้าไปสอบถามและคุยงานกับทาง ผอ.ท่าอากาศยานนครราชสีมา เกี่ยวกับการทำธุรกิจอุตสาหกรรมการบิน และท่านบอกว่าตอนนี้จะมีการปรับพื้นที่ภายในสนามบินหนองเต็ง และอยากจะให้ช่วยนำเครื่องบินโบอิ้ง 747 ที่ปลดประจำการไปใช้ประโยชน์ เพราะไม่อยากให้ไปอยู่จังหวัดอื่น มีการพูดคุยกันในเบื้องต้นถึงความเป็นไปได้ที่จะนำเครื่องบินมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับอุตสาหกรรมการบิน และผลักดันให้เป็นแหล่งเที่ยวเพื่อรองรับ AEC ซึ่งก็สนใจ เพราะมีพื้นที่สวยๆ อยู่หน้า มทส.กว่า 100 ไร่ เหมาะที่จะนำเครื่องบินลำนี้ไปใช้ประโยชน์ พัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวในอนาคต จึงตัดสินใจเจรจากับผู้ใหญ่จนตกลง และได้เครื่องบินโบอิ้ง 747 มา"
นักธุรกิจหนุ่ม กล่าวอีกว่า แต่การขนย้ายเครื่องบินลำใหญ่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เราต้องจ้างทีมวิศวกรและช่างมืออาชีพเข้ามารื้อถอน เพราะต้องการจะให้เครื่องบินอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์มากที่สุด โดยไม่มีการตัดต่อใดๆ นอตทุกตัวต้องผ่านการถอดที่ถูกต้อง และเราได้ขนย้ายในเวลากลางคืนเพื่อความสะดวก ไม่เกิดปัญหาการจราจร โดยได้รับการอำนวยความสะดวกจากทหาร ตำรวจ กู้ภัย ในการรื้อถอนและขนย้ายโบอิ้ง 747 ลำนี้ ซึ่งก็มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงอยู่ แต่ไม่ขอเปิดเผย
นายปราโมทย์ กล่าวต่อว่า หลังจากนำเครื่องบินโบอิ้ง 747 มาประกอบและจอดไว้บนที่ดิน 100 ไร่ ซึ่งเป็นทำเลที่โดดเด่นมากอยู่ระหว่าง มทส.ประตู 1 เชื่อม มทส.ประตู 2 ปรากฏว่ามีประชาชนที่ขับรถผ่านไปมาได้แวะลงมาถ่ายภาพและนำไปส่งต่อทางโซเชียลจนกลายเป็นกระแส เกิดคำถามมากมายว่าบริเวณนี้จะสร้างอะไร ตนขอบอกผ่านตรงนี้เลยว่า เราจะทำเป็นแลนด์มาร์กแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของโคราชภายใต้ชื่อ “โบอิ้งแลนด์” คาดว่าจะใช้เวลาปรับปรุง ตกแต่งสถานที่ และเริ่มเปิดให้บริการได้ช่วงปลายปีนี้ มีทั้งร้านอาหาร ร้านสเต๊ก ร้านกาแฟชื่อดัง โดยจะยกตู้คอนเทนเนอร์มาตกแต่งให้สวยงาม รวมทั้งปรับพื้นที่รองรับสำหรับจอดรถบ้านของนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวในภาคอีสาน ได้จอดพักรถเพื่อพักผ่อน หรือทำกิจกรรมนันทนาการต่างๆ โดยเรามีบริการห้องน้ำ ร้านอาหาร ฯลฯ
ทางด้าน นายประวัติ ดวงกันยา ผู้อำนวยการท่าอากาศยานนครราชสีมา เปิดเผยว่า เครื่องบินโบอิ้ง 747 ลำนี้อยู่คู่กับสนามบินหนองเต็งมานานเป็น 10 ปี มีนายชัชวาล วงศ์จร เจ้าของโรงแรมวีวันโคราชเป็นผู้ดูแล ต่อจากเจ้าของเดิมที่เป็นนักธุรกิจอยู่ใน จ.นครปฐม นายชัชวาล มีแนวคิดจะเอาไปทำเป็นจุดท่องเที่ยวเชื่อมโยงกับโรงแรม แต่ก็เงียบหายไป ไม่มีแผนที่จะเคลื่อนย้ายเครื่องบินออกไป ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเคยมีนักธุรกิจจากหลายพื้นที่มาดูและอยากได้ บางคนก็จะเอาไปทำเป็นเศษเหล็กขาย แต่ตนรู้สึกเสียดายเพราะสภาพเครื่องบินยังดีและสวยมาก ประกอบกับเคยไปเห็นในหลายๆ ที่เขาเอาเครื่องบินไปพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว ทำเป็นจุดเด่นของเมือง อย่างจังหวัดใกล้เคียง เขาก็มาดูและสนใจมาก
"เครื่องบินลำนี้มีสภาพสวย และหายากมาก ไม่อยากให้ทำลายทิ้งเพราะมองว่าน่าจะเอาไปทำประโยชน์ด้านการท่องเที่ยว โดยตรงกับเจตนารมณ์ก็เลยได้ร่วมพูดคุยกับคุณชัชวาลจนสำเร็จ และมอบเครื่องบินให้คุณปราโมทย์ไป เมื่อตกลงได้แล้วการขนส่ง คือปัญหาต่อไป ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะถ้ามีการตัดเรารู้สึกเสียดายก็ปรึกษากันว่าทำอย่างไรที่จะหาช่างที่มีความรู้เรื่องส่วนประกอบเครื่องบินมาถอดชิ้นส่วนโดยไม่ต้องตัด ปรากฏว่าทางคุณปราโมทย์ ก็หาช่างมาถอด และขนย้ายไปประกอบใหม่ให้อยู่ในสภาพเดิมได้" ผู้อำนวยการท่าอากาศยานนครราชสีมา กล่าว.