ข้อคิดดีๆจากเรื่องเล่า เศรษฐีเห็นบ้านหลังเก่าโทรมมาก ทนไม่ไหวตัดสินใจไปถามซื้อ
ความสุขของแต่ละคน ล้วนมีความแตกต่างกัน แต่ไม่ว่าจะแตกต่างกันขนาดไหน การให้เกียรติคน ไม่ดูถูก ถือเป็นสิ่งที่ควรยึดถือ บางคนอาจเกิดมาร่ำรวยชนิดที่ตายไปก็ยังใช้เงินไม่หมด ในขณะที่บางคนก็ลำยากแสนเข็ญ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่วัดความเป็นมนุษย์ บางคนอาจไม่มีเงินทองแต่เขามีความสุข ยกตัวอย่างเรื่องเล่าต่อไปนี้ เป็นการนำเสนอเพื่อให้หลายคนอ่านเป็นแนวคิดในการใช้ชีวิตประจำวัน เรื่องมีอยู่ว่า
"มีเศรษฐีรายหนึ่งมองเห็นบ้านของตาสีตาสาซึ่งดูทรุดโทรมมาก ทนไม่ไหวจึงเข้าไปขอซื้อบ้าน...ขายเท่าไร ? กูเห็นทุกวันอุบาทว์ตามาก จะขายเท่าไรก็ซื้อเจ้าของบ้านสังกะสีอันซอมซ่อ เงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับพูดจานุ่มนวลอ่อนโยนว่า.. ท่านผู้มีอันจะกิน ไม่ขายขอรับ ทุกเช้าผมตื่นขึ้นมา ก็ได้เห็นปราสาทที่งดงามของท่าน ผมมีความสุขที่ได้เห็นแต่สิ่งที่สวยงามตระการตา ทุกเช้าสายบ่ายเย็น ถ้ากระผมขายบ้านให้ท่านไป กระผมก็จะไม่ได้เห็นสี่งที่งดงามตระการตานี้อีกต่อไป มหาเศรษฐีถามต่อ แล้ว...ไม่ดูบ้านตัวเองว่า อุดจาดตาแค่ไหน อยู่ได้ยังไงนี่"
"เจ้าของบ้านสังกะสีอันซอมซ่อ ตอบว่า..ขอรับกระผม กระผมก็แค่อาศัยอยู่ด้วยจิตที่เสาะแสวงหาแต่ความดี และความงาม อะไรที่มันไม่งาม กระผมก็ไม่สนใจดู กระผมดูแต่ความงามความดีเท่านั้น อะไรที่ไม่ดีไม่งามกระผมก็ไม่ใส่ใจขอรับ กระผมก็ไม่เข้าใจท่านเหมือนกัน บ้านท่านออกใหญ่โตงดงาม แต่ท่านกลับไม่สนใจ ตื่นเช้ามาก็สนใจแต่บ้านเฮงซวยของกระผม ถ้ากระผมเป็นท่าน จะชื่นชมความงามพร้อมของบ้านตัวเอง และไม่สนใจบ้านที่เฮงซวยของคนอื่น"
"ท่านเศรษฐี ได้คิดว่า.. จริงด้วย เราคงบ้าไปแล้ว
ที่เอาจิตของตัวเองไปจับแต่เรื่องเลวร้าย บ้านของตัวเองที่สวยงามมากกลับไม่สนใจ แถมยังไปวุ่นวายกับของนอกกายรอบข้างที่สกปรก นับตั้งแต่นั้นมา ท่านมหาเศรษฐีก็เข้าใจในธรรมของผู้ยากไร้ และกลายเป็นกัลยาณมิตรกัน จวบจนสิ้นอายุขัย"