คุณยายเก็บเงินมาทั้งชีวิต วอนขอพนักงานธนาคาร อย่าหลอกขายประกันให้ผู้สูงอายุอีกเลย

สมัยนี้มีหลายๆคนพูดว่าทำงานธนาคาร ไม่ต่างจากการเป็นคนขายประกัน นี่เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่คุณ "แก้มเปื้อนยิ้ม" สมาชิกเวบไซต์พันทิป นำมาบอกเล่าให้เป็นอุทาหรณ์และวิงวอนพนักงานธนาคาร ว่าอย่าหลอกขายประกันให้ผู้สูงอายุเลย เพราะคนที่อายุเยอะๆ ไม่อาจเข้าใจเงื่อนไขประกัน คนแก่ๆบางคนจิตใจดีงามเห็นพนักงานธนาคารเป็นลูกเป็นหลานมาบอกว่าดี ก็เชื่อโดยไม่ได้เอะใจอะไร โดยหารู้ไม่ว่ากว่าจะได้รับสิทธิประโยชน์นั้น ต้องผ่านเงื่อนไขต่างๆมากมายเหลือเกิน โดยได้เล่าไว้ดังนี้

อยากจะเตือนทุกๆ ท่านนะคะว่า ถ้าไม่จำเป็นอย่าปล่อยผู้สูงอายุไปฝากเงินที่ธนาคารคนเดียว เจอมาหลายครั้งมากจนต้องมาตั้งกระทู้เพื่อขอความเห็นใจจากพนักงานธนาคารผู้ที่ต้องทำยอดประกันชีวิต

เหตุเกิดจาก วันนี้แม่เราซึ่งอายุ 75 ปี แกอยู่ต่างจังหวัด โทรมาคุยกับเรา แล้วบอกว่า แม่ทำประกันไว้นะลูก ถ้าแม่เป็นอะไรไป หนูจะได้เงินก้อน 400,000 บ. ... ฟังปุ๊บตกใจทันที เพราะแกอายุ 75 และเป็นโรคหัวใจผ่าตัดบายพาสมาแล้ว ที่ไหนจะรับ พอซักรายละเอียด ได้ความว่า...
1. หัวหน้าสาขาเค้าบอกว่าทำได้ อายุ 75 เป็นเกณฑ์สูงสุดที่ประกันรับ และไม่ต้องตรวจสุขภาพ

2. ประกันนี้เป็นเงินออม ฝาก 8 ปี คุ้มครอง 15 ปี ระหว่างนี้มีปันผลปีละ 1,000 บ. (แต่ไม่ได้บอกว่าปีที่ 3 ถึงจะได้ ซึ่งแม่คิดว่าได้เลย) ครบอายุประกันได้อีก 190% (ซึ่งแม่แกไม่เข้าใจหรอก แต่แกบอกว่าเค้าบอกว่าดี ได้เยอะทำไปเถอะ) .. ไม่ได้แช่งแม่ตัวเองนะ แต่คนเป็นโรคหัวใจ จะอยู่ให้ได้ถึงอายุ 90 เนี่ย ความเป็นไปได้มีเท่าไหร่

3. ถ้าแกเสียชีวิตก่อน ลูกหลานจะได้เงินก้อนถึง 400,000 บ.

4. ช่วยหนู (หัวหน้าสาขาธนาคาร) ด้วย เพราะหนูต้องทำยอด ยังขาดอีกเยอะ ช่วยๆ กัน ได้ทั้งคู่
แม่ก็ทำไปด้วยความเกรงใจ (แม่บอก) เค้าจัดให้เบี้ยราคา 50,000 บ./ปี ... เอาอีกแล้ว นี่เป็นธนาคารที่ 2 แล้วที่ทำแบบนี้ ครั้งแรกฝากเงินไว้กับธนาคารแรก ก็ให้ทำ ก็ต้องตามไปยกเลิก เผลอหน่อยเดียวแนะนำให้แม่ซื้อกองทุน 300,000 บ. ตอนนี้ขาดทุนอยู่ก็เลยต้องเก็บไว้ จากนั้น เราก็ให้แม่เอาเงินที่เหลือออก ย้ายที่ฝากมา ธ.ที่สอง สุดท้ายก็เจอเหมือนกัน

จากนั้น เราก็โทรไปหาหัวหน้าสาขา คนที่ขายประกันให้แม่เพื่อยกเลิก ... บอกเค้าว่า คุณแม่อายุ 75 ปี แล้ว แกคงมีแรงทำงานได้อีกไม่เกิน 2 ปี เพราะตอนนี้ก็ทำแก้เหงา ได้เดือนละไม่กี่พัน ได้รับคำตอบว่า "ไม่เป็นไรค่ะ ประกันเป็นแบบตัดบัญชี เงินในบัญชีแกมีพอ" ขอบอกว่าตกใจมากค่ะ ดูให้ขนาดนั้นเลย เราก็เลยถามไปว่า เค้าเป็นโรคหัวใจด้วย ถ้าต้องเข้ารพ.ฉุกเฉินก็ต้องใช้เงินก้อนนี้ ถ้ามันหมดไม่มีให้หักจะทำยังไง ทางธนาคารบอกว่า "ก็ให้ลูกชำระต่อ" เราก็เลยบอกว่าไม่ไหวหรอก ลูกตอนนี้รายได้ก็น้อย บางเดือนยังต้องยืมแม่จะเอาที่ไหนมาจ่าย ยกเลิกให้เลยละกัน ทางธนาคารกลับโวยมาว่า "ยกเลิกประกันคุณป้า ทางสาขาก็ไม่ได้ยอดสิคะ"

อ้าว ... แล้วคุณได้ยอด 1 เดือน แต่คนแก่ 1 คนต้องมาทนจ่ายเบี้ยไป 8 ปี คุณจะบ้าหรือปล่าว ไม่ว่าจะพูดอะไร เค้าก็ยืนยันแต่ว่ายอดเค้าหาย เถียงกันพักใหญ่ เค้าบอกว่า เค้ามีวิธีแก้โดยให้ประกันเป็นชื่อเรา แต่ตัดบัญชีแม่แทน ลดทุนประกันลง จ่ายเบี้ยปีละ 10,000 บ. เพื่อที่เค้าจะยังได้ยอดอยู่บ้าง ...เฮ้ย! คุณช่วยห่วงลูกค้าบ้างได้ไม๊ ว่าเงินที่เค้าหามาทั้งชีวิต เค้าควรจะเก็บไว้ใช้ตอนป่วย ตอนแก่ ถ้าเอาไปจ่ายประกันหมด แล้วฉุกเฉิน ลูกหลานไม่มีช่วยเค้าจะทำยังไง เพราะประกันนี้ไม่ได้คุ้มครองเจ็บป่วย คิดถึงใจเขาใจเราบ้าง ถ้าเป็นพ่อแม่คุณเองจะยอมให้ทำไม๊ สุดท้ายทนไม่ไหวค่ะ บอกว่าทำเรื่องยกเลิกให้เดี๋ยวนี้ ตอนบ่ายจะให้แม่ไปเซ็นต์ไม่งั้นจะแจ้งสำนักงานใหญ่  เค้าถึงได้ยอม

เหนื่อยมากค่ะ เพราะเรากับแม่อยู่กันคนละจังหวัด เกิดเรื่องแบบนี้มาหลายรอบ อยากขอวิงวอนพนักงานธนาคารทั้งหลายว่า ถ้าคุณจะทำยอดประกันช่วยไปขายคนวัยทำงานเถอะค่ะ อย่าทำร้ายคนชราที่เค้ามีโอกาสจะต้องใช้เงินฉุกเฉินเลย เงินเค้าเก็บมาทั้งชีวิต เค้าไม่รู้เรื่องหรอกค่ะว่าส่งเบี้ยกี่ปีได้กี่ % คุ้มจริงหรือไม่ ... เค้าได้แต่เชื่อพนักงานว่า คุ้ม เป็นเงินออมไว้ให้ลูกหลาน ไม่เป็นภาระใคร มีปันผล มีไว้ให้ลูกหลานยามไม่อยู่ และที่สำคัญเค้าก็ขี้เกรงใจ คุณตื๊อเค้าเยอะๆ เค้าก็ทำให้ พอจะให้ยกเลิกก็เกรงใจ ...

ขอร้องนะคะ อย่าทำแบบนี้กับผู้สูงอายุอีกเลย มันบาป