ทักษิณกับอเมริกา อันตรายมากกว่าที่คิด โดย สุทิน วรรณบวร
ทักษิณ ชินวัตร กับอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู.บุช
Last updated: 24 March 2016 | 20:23
สุทิน วรรณบวร สื่อสารมวลชนอาวุโสเขียนไว้ในคอลัมน์ “วิภาคสื่อเทศ วิเทศสื่อไทย”ที่นสพ.แนวหน้า ออนไลน์วันที่ 24 มีนาคม 2559 ด้วยการนำบทวิเคราะห์ของ โทนี่ คาตาลุชชี่ นักวิเคราะห์อเมริกันออกมาชี้ว่าเหตุที่ทักษิณ ชินวัตรไปพูดที่ WPI นั้น กระทรวงต่างประเทศสหรัฐและกลุ่มทุนวอลสตรีท จัดฉากพยายามให้ทักษิณได้รับความชอบธรรมและออกมาโจมตีรัฐบาลคสช. เพื่อผลประโยชน์ของสหรัฐเอง สหรัฐพยายามผลักดันให้ไทยจัดการเลือกตั้ง เพราะหากระบอบทักษิณกลับมามีอำนาจ ประสานเข้ากับนางออง ซาน ซู จี ในพม่า จะเป็นแนวหน้าปิดกั้นจีนในหมู่ประเทศอาเซียน ดังนี้.....
คนไทยพูดกันมากแล้ว เรื่องแม้วสัญชาติมอนเตเนโกร เปิดเวทีคุยโม้ในอเมริกา แล้วถูกคนไทยรักชาติโห่ฮาแช่งด่าขับไล่คนทำลายชาติ วันนี้เปิดโอกาสให้อเมริกันชนชื่อโทนี่ คาตาลุชชี่ ใช้พื้นที่นี้ชำแหละลากไส้คนพาลสันดานไพร่รับใช้สหรัฐอเมริกา มาทำลายประเทศไทยและเพื่อนบ้านในภูมิภาค หลังฉากสงครามตัวแทนมหาอำนาจชาติตะวันตก
นายคาตาลุชชี่ อดีตผู้สื่อข่าวสงครามชาวอเมริกันที่ผันตัวมาเป็นนักวิเคราะห์การเมืองในภูมิภาค และนักเขียนวารสารการเมืองออนไลน์ New Eastern Outlook ได้วิเคราะห์เรื่องนักโทษหนีคุกทักษิณ ชินวัตร ไปบรรยายที่สถาบันนโยบายโลก (World Policy Institute) ในหัวข้อ “เมื่ออเมริกา เชิญฆาตกรสังหารหมู่สู่นิวยอร์ก”
นายคาตาลุชชี่ เปิดโปงว่า ทุนสามานย์ในวอลสตรีทกับกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอยู่เบื้องหลังการจัดฉากให้นักโทษหนีคุกได้ใช้เวที WPI พบปะ สื่อมวลชนจัดตั้งในนิวยอร์ก เพื่อสร้างความชอบธรรมให้ใช้โอกาสนี้โจมตีรัฐบาลไทย และสมคบกันกดดันให้รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จัดให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว เพื่อให้ทักษิณหรือสมุนบริวารกลับมามีอำนาจเพื่อรับใช้ผลประโยชน์ของอเมริกา และตะวันตก
นายคาตาลุชชี่ เริ่มต้นบทวิเคราะห์ว่า วาระพิเศษที่สหรัฐอเมริกาทำมาอย่างต่อเนื่องตลอดเวลาหลายทศวรรษในภูมิภาค เอเชียอาคเนย์ คือ สร้างหุ่นเชิดตัวแทนไว้เผชิญหน้ากับปักกิ่ง รายงานของเพนตากอน เมื่อปี 1970 เปิดเผยว่า แนวหน้าที่มีอยู่สามด้านต้องปฏิบัติการพร้อมๆกับที่สหรัฐแสวงหาลู่ทางปิด กั้นจีน แนวหน้าทั้งสามทางได้แก่ แนวหน้าทางญี่ปุ่น–เกาหลีใต้, แนวหน้าอินเดีย-ปากีสถาน และ แนวหน้าทางเอเชียอาคเนย์
สหรัฐใช้กำลังทหารเข้ายึดครองอัฟกานิสถาน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ถึงแม้ว่าปักกิ่งได้ขยายอิทธิพลในทะเลจีนใต้ออกไปได้มากกว่าที่อเมริกาคิด ไว้ตั้งแต่ 1970 แล้วก็ตาม แต่อเมริกา ก็ยังเดินหน้าหาทางปิดล้อมจีนตามแผนการแนวหน้าสามประสานเช่นเดิม
ตามแผนแนวหน้าสามประสาน ประเทศไทยต้องสยบอยู่ใต้บาทา ผ่านขี้ข้าทักษิณ ชินวัตร เพราะก่อนก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในปี 2544 ทักษิณ ได้รับการล้างสมองตั้งแต่เรียนในอเมริกา นายทักษิณเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวของกลุ่มบริษัทคาร์ลีน และมีความสัมพันธ์เป็นส่วนตัวอย่างใกล้ชิดกับตระกูลบุช ดังนั้น เมื่อได้เป็นนายกฯ เขาจึงส่งทหารไทยจำนวนหนึ่งเข้าทำสงครามรุกรานอิรักอย่างผิดกฎหมายในปี 2546 และอนุญาตให้ซีไอเอ เข้าทำปฏิบัติการที่เรียกว่า “น่ารังเกียจ” ในประเทศไทย
*ปฏิบัติการน่ารังเกียจตามคำนิยามของวุฒิสภาอเมริกา คือ การอนุญาตให้ซีไอเอ ใช้ประเทศไทยเป็นคุกลับทรมานนักโทษอย่างโหดร้ายทารุณตลอดถึงการใช้วิธี waterboard คือการกดให้สำลักน้ำ
*นายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ประกาศว่าถ้าได้เป็นประธานาธิบดีจะนำวิธีทรมานแบบ water board มาใช้อีก*
ทักษิณ ชินวัตร ไปพูดให้กับสถาบันนโยบายโลกฟังที่นิวยอร์กเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2016
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
นอกจากนั้น นายทักษิณ ยังให้ความร่วมกับสหรัฐในการจับผู้ต้องหาก่อการร้ายอัล-เคดา เช่น นายฮัมบาลีส่งตัวไปขังคุกนรกในอ่าวกวนตานาโม่ โดยไม่ได้ตั้งข้อหาดำเนินคดี และในปี 2547 ทักษิณ พยายามผลักดันให้ทำการค้าเสรีกับอเมริกา โดยไม่ผ่านความเห็นชอบจากสภา
การบริหารงานแบบรวบอำนาจและใช้อำนาจโดยมิชอบของนายทักษิณ เป็นเรื่องที่น่าตื่นตระหนกมาก และที่สุดเขาก็ถูกขับออกจากอำนาจในปี 2549 แต่ถึงแม้เขาต้องลี้ภัยในต่างประเทศเพราะหนีการถูกจำคุก 2 ปี ตามคำสั่งศาล เพราะความมั่งคั่งและได้รับการอุปถัมภ์ค้ำชูจากต่างประเทศ ทำให้เขายังสามารถแสดงอิทธิพลในประเทศได้ เขาจัดการให้น้องเขย และน้องสาวได้เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นหุ่นเชิดของเขา แต่ด้วยผลแห่งกรรมชั่วหุ่นเชิดของทักษิณ ก็ถูกขับออกจากตำแหน่งด้วยอำนาจศาลตามกฎหมายและตามมาด้วยทหารยึดอำนาจตาม ลำดับ
ตั้งแต่ถูกขับออกจากอำนาจในปี 2549 ระบอบทักษิณและสมุนบริวารของเขาได้ก่อเหตุการณ์ร้ายกระทำการรุนแรงสังหาร ประชาชนด้วยปืน ระเบิด ลอบสังหาร ก่อจลาจลเผาบ้านเผาเมืองเป็นเหตุให้คนตายไปแล้วกว่า 100 ศพ
นอกเหนือจากความชั่วร้ายที่ถูกชักนำให้ทำเพื่อผล ประโยชน์ของต่างชาติแล้ว นายทักษิณยังมีความผิดละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง สงครามยาเสพติดในปี 2546 มีคนถูกฆ่าตายเกือบ 3,000 คน ในปี 2547 ตามคำสั่งการของทักษิณ ผู้ประท้วงมุสลิมถูกกระทำให้เสียชีวิตในวันเดียว 85 คน (คงหมายถึงกรณีตากใบ) องค์กรนิรโทษกรรมสากลรายงานว่า ในห้วงเวลาที่เขาเป็นผู้นำรัฐบาล มีทนายความ นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนถูกลอบสังหารและลักพาตัวหายไป 18 คน
นายคาตาลุชชี่ สาธยายต่อว่า “อาจ เป็นเพราะทักษิณรับใช้ผลประโยชน์ ตะวันตกอย่างไร้ขีดจำกัด จนบัดนี้ทักษิณ และนักการเมืองบริวารของเขา ยังคงได้รับการสนับสนุนอย่างแข็งขันจากสื่อตะวันตก จากองค์กรสิทธิมนุษยชนต่างๆ รวมถึงกองทัพลอบบี้ยิสต์ในวอชิงตันและลอนดอน”
ภายใต้หน้ากากปกป้องสิทธิมนุษยชน สหรัฐอเมริกาและอียู พากันให้ทุนเอ็นจีโอ และสื่อฝ่ายทักษิณ ดำเนินการโจมตีทำลายความน่าเชื่อถือของกองทัพและราชวงศ์อย่างต่อเนื่อง เหตุที่มุ่งเป้าโจมตีราชวงศ์และกองทัพ เพราะสองสถาบันนี้ คือ ป้อมปราการแข็งขันป้องกันการตักตวงผลประโยชน์จากต่างชาติ ที่พยายามสร้างความแตกแยกทำลายชาติ
ด้วยเบื้องหลังฉากเป็นอย่างนี้ เดือนมี.ค. 2559 ทักษิณ จึงได้พบตัวเองอยู่ในนิวยอร์ก ท่ามกลางการห้อมล้อมของสื่อซึ่งจัดฉากขึ้นโดยสถาบันนโยบายโลก (World Policy Institute) เป็นสถาบันที่ได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงต่างประเทศอเมริกา และฟอร์จูน 500 สปอนเซอร์จัดฉากครั้งนี้มี มูลนิธิ Heinrich Boll ที่มีประวัติให้การสนับสนุนองค์กรต่างๆ ภายใต้อิทธิพลทางการเมืองของทักษิณ และสถาบันการเงินใหญ่ๆ อย่าง เจพี มอร์แกน Northrup Grumman, Raytheon และ Citi Bank ก็ร่วมเป็นสปอนเซอร์ด้วย
เมื่อพบสื่อมวลชน นายทักษิณใช้โอกาสนี้โจมตีรัฐบาลไทยซึ่งความจริงคือจัดฉากขึ้นมาเพื่อโจมตีประเทศไทยโดยเฉพาะ “พูด อีกอย่างหนึ่งคือ กระทรวงต่างประเทศสหรัฐและทุนสามานย์วอลสตรีท เป็นเจ้าภาพจัดเวทีสื่อให้ฆาตกรสังหารหมู่ ทำลายความน่าเชื่อถือรัฐบาลไทย และสร้างความชอบธรรมให้ฆาตกรสังหารหมู่คนนี้ได้กลับมามีอำนาจอีก”
การจัดฉากเวทีสื่อดังกล่าว ทำให้ชาวโลกได้เห็นธาตุแท้ที่ไม่รับผิดชอบเรื่องสิทธิมนุษยชนของอเมริกา ชาวโลกทั่วไปได้ตระหนักว่า เมื่อถึงเวลาต้องเลือกระหว่างผลประโยชน์ตัวเอง กับการปกป้องสิทธิมนุษยชนในกรณีทักษิณ เป็นที่ชัดเจนว่าอเมริกา เลือกที่จะมองข้ามความชั่วของทักษิณ เพื่อแลกเปลี่ยนกับการรับใช้ผลประโยชน์ตะวันตกอย่างไร้ขอบเขต
สหรัฐอเมริกาพยายามกดดันทุกวิถีทางให้จัดการเลือก ตั้งโดยเร็ว โดยหวังจะผลักดันตระกูลชินวัตรให้กลับมามีอำนาจอีกครั้งไม่ว่าโดยตรงหรือการ ใช้ตัวแทน และนั่นคือสัญญาณของความรุนแรงและความไร้เสถียรภาพรอบใหม่ บางทีอาจเป็นอีกโอกาสหนึ่งที่ได้บ่อนทำลายและล้มล้างสถาบันเป้าหมายเดิม เพราะที่ผ่านมา สถาบันเป็นอุปสรรคความต้องการกลืนชาติของตะวันตก
วันนี้พม่าอยู่ในมือ นางออง ซาน ซู จี วีรสตรีประชาธิปไตยที่ได้รับการหนุนหลังจากอเมริกา-อังกฤษและถ้าประเทศ ไทยอยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลชินวัตรก็เท่ากับวอชิงตันและวอลสตรีท ได้ควบคุม 2 ชาติที่มีความสำคัญทางภูมิศาสตร์การ เมืองในภูมิภาคไว้ปิดกั้นจีนตลอดถึงใช้เป็นหน้าม้าต่อกรกับประเทศอาเซียน อื่นๆ ที่ขัดขืนไม่ให้ตะวันตกแทรกแซง
ท่ามกลางความร่วงโรยของอิทธิพลตะวันตกในเอเชีย แปซิฟิก เมื่อเปรียบเทียบกับปักกิ่งที่กำลังขยายอิทธิพลในภูมิภาค เกมส์รุกทางเมืองกับประเทศอาเซียนอื่นๆที่เหลือต้องรุนแรงขึ้นตามลำดับ เพราะอเมริกาทำให้ฆาตกรหนีคุกโดดเด่นขึ้นมาจากเวทีสื่อในนิวยอร์ก ความโดดเด่นที่มีอเมริกาเป็นเงาอยู่เบื้องหลังจะเป็นแรงกระตุ้นสร้างความแตก แยกในประเทศไทยและในภูมิภาคมากขึ้นตามอุดมการณ์แบ่งแยกแล้วปกครองของอเมริกา
คนที่เห็นการเดินหมากการเมืองเพียงชั้นเดียว อาจคิดไปว่า ทักษิณไปอเมริกาเพื่อหาทางช่วยเหลือน้องสาวและคนในครอบครัว แต่นักวิเคราะห์อย่างนายคาตาลุชชี่ผู้รู้เช่นเห็นชาติเจ้าตำรับประชาธิปไตย เลือด มองข้ามช็อตไปว่า อเมริกา พยายามหาทางให้ระบอบทักษิณได้กลับมามีอำนาจ เพื่อผลประโยชน์ของตัวเองในประเทศไทยในเวลาเดียวกันได้ใช้ระบอบทักษิณและนาง ออง ซาน ซู จีในพม่า เป็นแนวหน้าปิดกั้นจีนในหมู่ประเทศอาเซียน