หญิงสาวกินยา แล้วช็อก เสียชีวิตที่บ้าน
วันที่ 23 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 22 มี.ค. ที่ผ่านมา ร.ต.อ.บุญเลิศ รัตนเมือง รองสว.สอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งมีหญิงสาวกินยา แล้วช็อก เสียชีวิตที่บ้าน เขตเทศบาลนครอุดรธานี จึงรุดไปตรวจสอบ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน , ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน , แพทย์เวรโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี และมูลนิธิอุดรส่งเสริมธรรม
ที่ เกิดเหตุเป็นบ้านปูน 2 ชั้น บนพื้นห้องนอน พบร่างของ น.ส.ปนัดดา (สงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี อยู่ ต.ขอนยูง อ.กุดจับ จ.อุดรธานี เจ้าของบ้าน สวมเสื้อกล้ามแขนสั้นสีเขียว ไม่สวมกางเกง มีเพียงกางเกงในสีดำ นอนหงายเสียชีวิตอยู่ สภาพศพน้ำลายฟูมปาก ตามตัว พบรอยช้ำทั่วร่างกาย บริเวณหัวเตียง พบยาจำนวนมาก พบว่าเป็นยาที่กิน เพื่อเสริมความงาม ทำให้ผิวขาว ยาลดหุ่น และยารักษาโรคหอบหืด กระจายเต็มห้อง จากการสอบสวน นายอรศรี อายุ 55 ปี บิดาของผู้ตาย ให้การว่า ลูกสาวเคยไปทำงานที่ประเทศมาเลเซีย แล้วไปพบรักกับหนุ่มชาวมาเลเซีย จากนั้นก็ได้พากันกลับมาอยู่ที่บ้านอุดรฯ โดยลูกสาวได้ไปทำงานที่ร้านขายทองในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลนคร อุดรฯ แต่ช่วง 2 สัปดาห์ ที่ผ่านมา ทั้ง 2 คน มีเรื่องไม่เข้าใจกัน จึงได้แยกกันอยู่ ตนและภรรยาก็จะแวะเวียนมาเยี่ยมลูกสาวเป็นประจำ เนื่องจากลูกสาวมีโรคประจำตัว คือ โรคหอบ หืด ซึ่งเป็นมาตั้งแต่เกิด ซึ่งต้องกินยาและใช้ยารักษาตลอด
นายอรศรี ให้การอีกว่า วันนี้ได้มาเยี่ยมลูกสาวเพื่อพูดคุยเรื่องของการเตรียมกำหนดวันแต่งงาน ซึ่งลูกสาวกับแฟนหนุ่มจะจัดงานแต่งกันในอีก 2 เดือนข้างหน้านี้ แต่เมื่อมาถึง เห็นบ้านเปิดอยู่ ก็ร้องเรียกลูกสาวแต่ไม่มีเสียงตอบ ตนจึงเดินเข้ามาเคาะห้อง แต่ลูกสาวไม่เปิด ตนจึงพังประตูเข้ามา พบว่าลูกสาวนอนเสียชีวิต ที่พื้นห้องนอนดังกล่าว ขณะเดียวกัน หลังแฟนหนุ่มทราบข่าวก็รีบมาที่บ้านดังกล่าว ตรงเข้ากอดนายอรศรี แล้วก็ร้องไห้โฮออกมา ด้วยความเสียใจ ก่อนที่จะก้มลงไปจูบหน้าผากแฟนสาว ที่เสียชีวิต
หลังจากนั้นแพทย์ได้ทำการชันสูตรพลิกศพ พบว่าผู้ตายคงเสียชีวิตมาแล้วมากกว่า 5 ชั่วโมง ที่บริเวณร่างกายที่เป็นรอยช้ำ เนื่องจากปฏิกิริยาของเลือด ไม่พบบาดแผลถูกทำร้ายแต่อย่างใด เบื้องต้นคาดว่าเสียชีวิตด้วยสาเหตุ การกินยาหรือใช้ยาเสริมความงาม มากเกินไป อีกทั้งผู้ตายมีโรคประจำตัว จึงทำให้ช็อก จนเสียชีวิต
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งทางญาติไม่ได้ติดใจในการเสียชีวิต และมอบศพให้ญาติไปบำเพ็ญกุศลต่อไป โดยแพทย์ได้ฝากเตือนผู้มีโรคประจำตัว ควรเลี่ยงการใช้ยาเสริมความงามประเภท ยากลูต้าหรือยาที่มีผลกระทบต่อโรคประจำตัว ซึ่งเป็นอันตราย อาจจะทำให้เสียชีวิตดังกล่าว