วิธีถอนคำสาปแช่ง
มีคนจำนวนไม่น้อยมีชีวิตอยู่ด้วยความทุกข์กาย ทุกข์ใจ บ้างก็ทุกข์เพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่ทุกคนมักเห็นว่าทุกข์ของตนมีมากมาย ไม่ว่าทุกข์กาย ทุกข์ใจก็ตาม และมักคิดคล้ายๆ กันว่าทุกข์ของตนมากกว่าทุกข์ของผู้อื่น
เมื่อมีความทุกข์ก็ย่อมพยายามดิ้นรนหาวิธีพ้นทุกข์ แต่ส่วนมากจะหาวิธีหนีทุกข์ในทางที่ผิดๆ แทนที่จะลดทุกข์กลับเพิ่มทุกข์ เช่นการดื่มสุราบ้าง เล่นการพนันบ้าง จนถึงฉ้อโกงลักทรัพย์ปล้นสะดม ลืมคิดถึงเวรกรรมว่าจะต้องตอบสนองแน่นอน ไม่เร็วก็ช้าเป็นการเพิ่มทุกข์ให้สาหัสขึ้น
พุทธศาสนาสอนให้เชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม ว่าทำกรรมใดไว้ (ไม่ว่าดีหรือชั่ว) ก็ตาม ผลกรรมย่อมตามสนอง บ้างก็รวดเร็วทันตาเห็น บ้างก็รอคอยตามสนองไม่ชาตินี้ก็ชาติหน้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น กรรมนั้นมีทั้ง กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม
มโนกรรมกับวจีกรรมเป็นสิ่งที่คนเราชอบกระทำมากที่สุด เมื่อยามโกรธเคืองหรือเจ็บแค้นใคร ไม่อาจตอบโต้ทางกายได้ก็กระทำทางวาจา เช่น แช่งด่า หรือทางใจก็นึกสาปแช่งให้คนที่ก่อกรรมให้ตน หรือทำให้ตนขุ่นเคืองต้องมีอันเป็นไปต่างๆ นานา จนถึงลงมือกระทำการจริงๆ จังๆ
เช่น เผาพริก เผาเกลือแช่งให้มีอันเป็นไปในทางร้ายๆ จนถึงแก่ชีวิตบ้าง จ้างวานผู้ที่ตั้งตนเป็นผู้เชี่ยวชาญทางไสยศาสตร์ หรือหมอผีทำร้ายด้วยอาคม เช่น เสกตะปู เสกสายสิญจน์ แม้แต่หนังควายเข้าท้อง โดยเชื่อว่าจะได้ผลจริงๆ จังๆ
ทางธรรมะถือว่าเป็นการประสงค์ร้ายต่อผู้อื่น แม้จะเป็นเพียงความคิดก็เป็นบาปกรรมอย่างหนึ่ง จะต้องติดตามมาสนองให้ต้องชดใช้กรรมไม่ช้าก็เร็ว
ผู้ใดมีความทุกข์กาย ทุกข์ใจ โดยจำไม่ได้ว่าเคยทำบาปกรรมใดไว้บ้าง หรือมั่นใจว่าไม่เคยได้กระทำไว้เลย อาจจะเป็นกรรมเก่าก็ได้ที่เคยสาปแช่งผู้อื่นไว้ก็เป็นไปได้
พระชุมพล พลปญโญ ได้เขียน "คำถอนอธิษฐานที่เป็นมิจฉาทิฐิ" ในนิตยสาร "ไตรรัตน์" ฉบับที่ ๙ ไว้ดังนี้
"อิมัง มิจฉา อะธิฎฐานัง ปัจจุทธะรามิ
ทุติยัมปิ อิมัง มิจฉา อะธิฎฐานัง ปัจจุทธะรามิ
ตะติยัมปิ อิมัง มิจฉา อะธิฎฐานัง ปัจจุธะรามิ"
ข้าพเจ้าขอถอนคำอธิษฐาน ถอนคำสาป ถอนคำแช่ง ที่ข้าพเจ้าได้ตั้งขึ้นถึงพร้อมแล้ว ด้วยกิเลส ด้วยตัณหา ด้วยอุปทาน ด้วยราคะ ด้วยโทสะ ด้วยโมหะ ด้วยมานะ ด้วยมิจฉาทิฐิ เป็นไปเพื่อความพยาบาทเบียดเบียน สร้างเวรสร้างกรรม ไม่ประกอบด้วยธรรม ไม่ประกอบด้วยวินัย ไม่ประกอบด้วยกุศล ไม่ประกอบด้วยปัญญา ไม่ประกอบด้วยบารมี ที่ข้าพเจ้าได้อธิษฐานไว้ สาปไว้ แช่งไว้ ในอดีตชาติก็ดี ปัจจุบันชาติก็ดี ระลึกได้ก็ดี ระลึกไม่ได้ก็ดี ทั้งหมดทั้งสิ้น
ข้าพเจ้าขออ้างเอาพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสังฆเจ้า แม่พระธรณี แม่พระคงคา แม่พระเพลิง แม่พระพาย และเทวดาทั้งหลายทั้งปวง มาเป็นพยาน ว่าข้าพเจ้าขอถอนคำอธิษฐานเหล่านั้น ถอนคำสาปเหล่านั้น ถอนคำแช่งเหล่านั้นร้อยหน พันหน หมื่นหน แสนหน ล้านหน โกฎิหน ณ กาลบัดนี้เทอญ
"นะถอน โมถอน พุทถอน ธาถอน ยะถอน
นะคลอน โมคลอน พุทคลอน ธาคลอน ยะคลอน
ถอนถ้วย นะโม พุทธายะ"
ข้าพเจ้าขอยกโทษ อโหสิกรรม และให้อภัยในความบกพร่อง ผิดพลาดของสรรพสัตว์ทั้งหลาย ทั้งปวง ทุกชีวิต ทุกจิตวิญญาน ในทุกที่สถาน ในกาลทุกเมื่อเทอญ