"เรือนจำในนอเวย์"แดนสวรรค์ของเหล่านักโทษ
เรือนจำนอร์เวย์ “แดนสวรรค์” ที่นักโทษทั่วโลกใฝ่ฝันหา
ขณะนี้ นายอันเดอร์ช เบห์ริง เบรวิก ฆาตกรก่อเหตุสังหารหมู่ในนอร์เวย์เมื่อ 5 ปีก่อน กำลังขึ้นศาลเพื่อฟังการพิจารณาคดีที่เขาฟ้องรัฐบาลนอร์เวย์ว่าละเมิดสิทธิมนุษยชน ด้วยการจองจำเขาในห้องขังเดี่ยวและไม่ยอมให้เขาได้รับความสะดวกสบายอีกหลายอย่าง แต่อย่างไรก็ตาม ลาร์ส บีแวนเจอร์ ผู้สื่อข่าวบีบีซีบอกว่า เรือนจำที่นอร์เวย์นั้นน่าอยู่และสะดวกสบายกว่าเรือนจำในอีกหลายประเทศมาก แม้กระทั่งอดีตผู้คุมนักโทษของสหรัฐฯ ที่เคยมาเยี่ยมชมเรือนจำของนอร์เวย์ยังต้องเอ่ยปากชมว่า เหมือนกับแดนสวรรค์ของเรือนจำทั้งหลายเลยทีเดียว
นอร์เวย์มีเรือนจำที่ขึ้นชื่อว่าสบายที่สุดและเคารพต่อหลักมนุษยธรรมมากที่สุดอยู่ 2 แห่ง หนึ่งในนั้นคือเรือนจำบนเกาะบาสตอยทางตอนใต้ของกรุงออสโล ซึ่งที่นั่นนักโทษมีอิสระในการเดินเที่ยวเล่นในสถานที่ที่ถูกสร้างขึ้นให้มีบรรยากาศแบบหมู่บ้าน พวกเขาสามารถเล่นกีฬา อย่างเช่น สกี เทนนิส หรือเล่นไพ่ รวมทั้งทำอาหารเองได้ และยังมีชายหาดส่วนตัวซึ่งมีท่าเรือรับส่งผู้โดยสารข้ามฟากด้วย ซึ่งนายทอม อีเบอร์ฮาร์ดท์ ผู้ว่าการเรือนจำบาสตอยบอกว่า ชีวิตของนักโทษในเรือนจำไม่ควรจะแตกต่างจากชีวิตของคนทั่วไป
สำหรับเรือนจำอีกแห่งที่ผู้เข้าชมชาวต่างชาติเห็นแล้วจะต้องทึ่ง คือเรือนจำฮาลเดนทางตอนใต้ของนอร์เวย์เช่นกัน โดยเมื่อปี 2014 นายเจมส์ คอนเวย์ อดีตผู้คุมนักโทษจากสหรัฐฯ ได้แวะมาเยี่ยมชมเรือนจำแห่งนี้พร้อมกับทีมถ่ายทำรายการโทรทัศน์ของฟินแลนด์ เขาถึงกับเอ่ยปากว่า ไม่เคยเห็นเรือนจำไหนให้นักโทษมีอิสรเสรีได้เหมือนที่นั่น เขายังบอกว่า “ถ้าจะให้เสรีกว่านี้ ผู้คุมน่าจะให้กุญแจกับนักโทษให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย”ทั้งนี้ ในเรือนจำฮาลเดนมีทั้งอุปกรณ์ดนตรี ห้องอัดเสียง และเครื่องไม้เครื่องมืออื่น ๆ เพื่อให้นักโทษมีกิจกรรมทำเป็นการฝึกทักษะฆ่าเวลา และยังเปิดโอกาสให้ได้ศึกษาต่ออีกด้วย
นายยาน-อิริก แซนลี รองผู้อำนวยการฝ่ายควบคุมผู้ต้องโทษของนอร์เวย์บอกว่า นักโทษคดีอุกฉกรรจ์ของนอร์เวย์จะเริ่มรับโทษในเรือนจำที่มีระบบการป้องกันสูงก่อน จากนั้นหากมีความประพฤติดีก็จะโอนย้ายไปยังเรือนจำที่มีการป้องกันระดับปานกลาง และระดับที่ก้ำกึ่งระหว่างความเป็นเรือนจำกับสังคมปกติภายนอกตามลำดับ ก่อนที่จะได้รับอิสรภาพในที่สุด
ทางการนอร์เวย์เห็นว่า นโยบายดูแลผู้ต้องขังให้เหมือนกับคนปกติทั่วไป ช่วยป้องกันไม่ให้ผู้ที่พ้นโทษไปแล้วกลับไปทำความผิดซ้ำอีก โดยนอร์เวย์มีผู้พ้นโทษกลับไปกระทำผิดซ้ำเพียงร้อยละ 20 ซึ่งนับว่าต่ำที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง ในขณะที่สถิติส่วนนี้ของสหราชอาณาจักรมีสูงถึงร้อยละ 45 ขณะที่สหรัฐฯ มีถึงร้อยละ 76 ที่นักโทษถูกจับกุมซ้ำอีกภายในระยะเวลา 5 ปีหลังได้รับการปล่อยตัว