แป้งยี่ห้อดังจ่ายค่าชดเชย 72 ล้าน$ เหตุให้สาวป่วยมะเร็งรังไข่ ไม่แปะฉลากเตือน!!!
เว็บไซต์เดอะ การ์เดี้ยน และเทเลกราฟ รายงานว่า บริษัท จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ต้องจ่ายค่าชดเชย 72 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ กรณีแป้งฝุ่นเป็นเหตุให้เกิดมะเร็งรังไข่ในสาวรายหนึ่ง
คณะลูกขุนในรัฐมิสซูรี่ ตัดสินให้บริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน บกพร่องในการเตือนผู้บริโภคถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นและให้จ่ายค่าเสียหายให้แก่ครอบครัวของแจ็คกี้ ฟ็อกซ์ หญิงสาวที่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งรังไข่ โดยเธออ้างว่าแป้งฝุ่นของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันเป็นตัวการทำให้เกิดโรค
ฟ็อกซ์อ้างว่าเธอใช้ผลิตภัณฑ์แป้งฝุ่นของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันมาเป็นเวลานานกว่า 35 ปีเป็นประจำ ก่อนจะได้รับการวินิจฉัยโรคเมื่อ 3 ปีที่แล้วว่าเธอป่วยเป็นมะเร็งรังไข่ และเสียชีวิตในที่สุดเมื่อปี 2015 โดยลูกชายบุญธรรมของเธอ มาร์วิน ชาลเตอร์เป็นผู้รับช่วงต่อในการฟ้องร้องคดีต่อศาล โดยกล่าวว่า ฟ็อกซ์ แม่อุปถัมภ์ของเขานั้นใช้แป้งยี่ห้อนี้อยู่เสมอในชีวิตประจำวัน
“สำหรับแม่แล้ว การทาแป้งฝุ่นเหมือนกับการแปรงฟันทุกวัน” ชาลเตอร์กล่าว
โดยคริสตา สมิธ หัวหน้าคณะลูกขุน กล่าวว่าบริษัท จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ซึ่งเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสุขภาพระดับโลกนั้น ไม่เที่ยงตรงต่อผู้บริโภคมากพอ “มันชัดเจนอยู่แล้วว่าบริษัทพยายามปกปิดบางอย่างไว้” สมิธกล่าว “ที่เขาควรจะทำคือแปะฉลากเตือนไว้บนผลิตภัณฑ์ค่ะ”
ก่อนหน้านี้ ปี 1970 แป้งฝุ่นเหล่านี้ปนเปื้อนด้วยเส้นใยจากแร่ใยหินซึ่งเป็นที่รับรู้กันดีว่าเป็นสาเหตุของการก่อมะเร็ง และนับแต่นั้นเป็นต้นมา ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับแป้งฝุ่นภายในบ้านที่ถูกกฎหมาย ระบุให้ต้องไม่ปนเปื้อนจากแร่ใยหินใดๆ
กระทั่งเดือนพ.ค. 2009 มีกลุ่มรณรงค์เพื่อความปลอดภัยในเครื่องสำอาง Campaign for Safe Cosmetics ผลักดันให้บริษัท จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน นำส่วนผสมที่น่าสงสัยบางอย่างออกจากผลิตภัณฑ์สำหรับทารกและผู้ใหญ่ออก โดยหลังจากเรียกร้อง รณรงค์ และคว่ำบาตรผลิตภัณฑ์ของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันอยู่ 3 ปี บริษัทยักษ์ใหญ่ก็ยินยอม ในปี 2012 ที่จะนำส่วนผสมอย่าง 1,4-ไดออกซินและฟอร์มาลดีไฮด์ ซึ่งเป็นสารเคมีที่ก่อให้เกิดความระคายเคืองและเป็นเหตุของการเกิดมะเร็งได้อีกด้วย ออกจากผลิตภัณฑ์ในเครือดังกล่าว
ขณะที่นักวิทยาศาสตร์บางรายให้ความเห็นว่า อนุภาคของแป้งฝุ่นนั้นสามารถเดินทางไปจนถึงรังไข่และสร้างความระคายเคืองได้จนเกิดการอักเสบในเวลาต่อมา ซึ่งการอักเสบเหล่านี้สามารถเป็นส่วนหนึ่งของการเกิดมะเร็งรังไข่ได้ อย่างไรก็ตาม ข้อสันนิษฐานเหล่านี้ยังมีข้อมูลสนับสนุนอยู่น้อยทีเดียว