นัยสำคัญที่ซ่อนอยู่ในการซ้อมรบของซาอุฯครั้งใหญ่คืออะไร？

เจ้าหน้าที่ซาอุฯเผยว่า การซ้อมรบครั้งใหญ่นี้จะมีทหาร 150,000 นาย เครื่องบิน 300 ลำ รถถังหลายร้อยคัน และอาวุธยุทโธปกรณ์ชั้นนำอีกมากมาย

สำนักข่าวของซาอุฯกล่าวว่าการซ้อมรบครั้งนี้จะส่ง “ข้อความ” อย่างชัดเจนว่า ซาอุฯและพันธมิตรของซาอุฯ “จะรวมกันผนึกกำลังเพื่อเผชิญหน้าต่อการท้าทายต่างๆรวมถึงรักษาสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาค”

ผู้สังเกตการณ์และนักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่าการที่ซาอุฯตัดสินใจจะจัดการซ้อมรบครั้งนี้เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ในซีเรียและเยเมน

โดยกองกำลังของรัฐบาลซีเรียที่ได้รับการสนับสนุนจากการโจมตีทางอากาศของรัสเซียอยู่ได้ยึดพื้นที่ในหลายเมืองทางตอนเหนือคืนจากกลุ่มกบฏที่ซาอุฯสนับสนุนอยู่

นักวิเคราะห์ให้ความเห็นว่า การซ้อมรบนี้ต้องการจะกดดันรัฐบาลซีเรีย โดยซาอุฯได้แถลงการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ยินยอมที่จะส่งกองทัพภาคพื้นดินเข้าไปในซีเรียหากว่าจำเป็น ดังนั้นการซ้อมรบครั้งนี้อาจจะเป็นบททดสอบความพร้อมของซาอุฯสำหรับการปฏิบัติการภาคพื้นดิน

ในขณะเดียวกัน การเชิญประเทศทั้ง 19 ประเทศให้เข้าร่วมการซ้อมรบด้วยนั้น อาจจะเป็นเพราะซาอุฯต้องการส่งข้อความให้รัสเซียและอิหร่านทราบว่าควรจะปฏิบัติการในซีเรียอย่างระมัดระวังมากขึ้น

หลังจากกองทัพของซาอุฯเข้ามาเกี่ยวข้องในเยเมนมาเป็นเวลาเกือบหนึ่งปี แต่ก็ยังไม่สามารถเอาชนะกลุ่มกบฎฮูติ หรือกลุ่มกบฏอื่นๆได้

การซ้อมรบครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์นี้ เพราะซาอุฯต้องการจะข่มขู่ศัตรูในเยเมน จึงเรียกได้ว่าเป็นการแก้ไขสถานการณ์วิกฤตที่เลวร้ายลง อีกทั้งยังเป็นการเคลื่อนไหวอย่างมีนัยสำคัญเพื่อฟื้นฟูบทบาทของตัวเองในภูมิภาคด้วย

ในขณะนี้ ซาอุฯมีเป้าหมายด้านการเมืองสามอย่าง ซึ่งก็คือ การขับไล่ประธานาธิบดีบาซาร์ อัล อัสซาด การยึดเยเมนกลับคืน และทำให้อิหร่านอ่อนแอ แต่ Nabeel Abdu นักวิเคระห์ข่าวให้ความเห็นว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับซาอุฯที่จะบรรลุเป้าหมายทั้งหมดนี้ได้

หากซาอุฯไม่ปฏิบัติการภาคพื้นดินในซีเรีย ซาอุฯก็อาจจะสนับสนุนทางการเงินและส่งอาวุธให้กับพันธมิตรเพื่อปฏิบัติการภาคพื้นดินในซีเรียแทน หรืออย่างมากสุดก็ส่งกองทัพกองเล็กๆให้เพียงเท่านั้น