รู้ไว้ บริหารรอยหยักและป้องกันอัลไซเมอร์!!! กีฬาบริดจ์ไม่ใช่การพนัน
"กีฬาบริดจ์ไม่ใช่การพนัน กับกรณีบุกจับฝรั่งเล่นไพ่บริดจ์ที่พัทยา" คือกระทู้พันทิปที่ตั้งขึ้นมาเพื่อให้ข้อมูลในกรณีนี้ และนี่คือความคิดเห็นอีกมุมที่น่าสนใจ จากนักศึกษามหาวิทยาลัยภาคเหนือแห่งหนึ่ง ซึ่งออกตัวว่าเป็นนักกีฬาบริดจ์มาได้ 5 ปีแล้ว
“สองวันก่อนผมเห็นข่าวตำรวจจับฝรั่งเล่นบริดจ์ที่พัทยาแล้วก็รู้สึกตกใจ แต่ก็คิดว่าคงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร คงเป็นแค่การเข้าใจผิดแต่นั้น แต่พอผ่านไปกลับรู้สึกว่าเรื่องนี้มันใหญ่กว่าที่คิด แถมดูท่านายอำเภอยังจะยัดเยียดให้บริดจ์เป็นการพนันให้ได้เลยด้วย
หลายคนอาจจะได้เห็นสื่อต่างๆ นำเสนอมาบ้างแล้วว่าการเล่นไพ่บริดจ์ไม่จำเป็นต้องขออนุญาตจากทางสมาคม แต่สามารถจัดได้เลย โดยตรงนี้ทางฝ่ายผู้จับกุมได้ให้ความเห็นว่าเป็นการเล่นในที่สาธารณะ ซึ่งไม่เข้าข่ายตามกฎหมายข้อนี้ แต่จากที่ผมทราบมา ผู้จัดการแข่งขันคือกลุ่มสมาชิกภาคีของสมาคมบริดจ์ ซึ่งผมเข้าใจว่าทำให้เขามีสิทธิ์จัดการแข่งขันได้ครับ และนอกจากนี้สถานที่ซึ่งไปบุกจับกุมคือ พัทยาบริดจ์คลับ ด้วยครับ ซึ่งถ้าใครดูในเว็บของสมาคมบริดจ์แห่งประเทศไทย จะมีลิงก์เข้าไปยัง “พัทยาบริดจ์คลับ” ด้วยครับ
ประเด็นต่อมาเห็นมีการพูดถึงมีเครื่องบันทึกประจำตัวอยู่ เลยบอกว่าอาจจะมีการจดแต้มไปขึ้นเงินกันภายหลัง (นอกเรื่องนิดนึงครับ การพูดแบบนี้เนี่ย ผมว่าถ้าจะคิดแบบนี้ ทุกกีฬาก็เข้าข่ายหมดหรือเปล่า ทุกกีฬาก็มีการเก็บคะแนนไว้ ไม่ว่าจะฟุตบอล วอลเลย์ ว่ายน้ำ กอล์ฟ หรืออื่นๆ ต่างมีการบันทึกไว้ทั้งนั้น เพราะมันเป็นกีฬาไงครับ มันต้องมีคนแพ้ คนชนะ การจะบันทึกคะแนนไว้ไม่ใช่เรื่องแปลกครับ)
เครื่องที่ตำรวจพูดถึงนั้นเรียกว่า BridgeMate ครับ เป็นเครื่องที่ใช้บันทึกผลการเล่นในแต่ละบอร์ดเอาไว้เพื่อส่งไปเปรียบเทียบกับคนอื่นๆ หน้าตาของเครื่องนี้จะคล้ายๆ กับเครื่องคิดเลข
อีกประเด็นหนึ่งที่เป็นข้อหาคือไพ่ผิดกฎหมายครับ ซึ่งอันนี้ผิดจริงครับ แต่เพราะว่าไพ่ที่มีขายไม่สามารถนำมาใช้แข่งบริดจ์ได้ครับ เนื่องจากไพ่บริดจ์เราจะเก็บไว้ใส่บอร์ดไพ่เอาไว้ เพื่อความสะดวกในการพกพาและจัดไพ่ตามคอมพิวเตอร์โดยใช้เครื่องจัดไพ่ครับ ซึ่งไพ่บริดจ์มีขนาดเล็กกว่าไพ่ทั่วไป เลยไม่สามารถนำไพ่ทั่วไปมาใช้ได้ครับ ซึ่งตรงนี้ทางสมาคมกำลังประสานงานอยู่ครับ”
อย่างไรก็ตาม เจเรมี วัตสัน เจ้าของคลับ หนึ่งในผู้ถูกจับกุม ผู้ย้ายมาอยู่ไทยตั้งแต่ปี 1969 เพื่อมาทำงานให้บริษัทขนส่งสินค้าสัญชาติอังกฤษ และทำงานให้บริษัทผลิตจักรเย็บผ้าในเวลาต่อมา กระทั่งเป็นนักร้องในปัจจุบัน ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอาไว้ว่าเขาไม่โทษเจ้าหน้าที่ตำรวจในการจับกุมครั้งนี้ เพราะพวกเขาต้องทำไปตามหน้าที่ และดูเหมือนว่าเขาต้องขึ้นศาลอีกตลอด 2 เดือนนี้เพื่อสู้คดี “มันก็คงน่าสนุกดีเหมือนกัน” เขาพูดปิดท้าย แต่ไม่รู้ว่าภาพลักษณ์ตำรวจที่ถูกนำเสนอเสียๆ หายๆ ไปทั่วโลกในครั้งนี้ จะน่าสนุกเหมือนกันบ้างหรือเปล่า ในสายตาของผู้สั่งการและผู้จับกุม