แจส ผู้ฆ่ายักษ์กับทุขลาภ 4 จี
น่าจะถือเป็นมหกรรมคืนความสุขแก่คนในชาติที่ทุกฝ่ายเพรียกหาอย่างแท้จริง! กับตลาดมือถือ 4 จีในบ้านเรายามนี้ที่กำลังระอุแดด แต่ละค่ายต่างงัดกลยุทธ์ลดแลกแจกแถม อัด “โปรโม่” เพื่อช่วงชิงลูกค้ากันสนั่นเมือง หลังคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดประมูลคลื่นความถี่ 1800 เมกกะเฮิรตซ์ (MHz) เพื่อออกใบอนุญาต 4 จีปลายปีที่ผ่านมา
ล่าสุด 2 ค่ายยักษ์ “เอไอเอส”และ“ดีแทค”ได้เปิดให้บริการ4 จีเต็มรูปแบบแล้วโดยเอไอเอสชูแพ็คเกจแจ้งเกิด 4 จี Advanced New World New Experience แบบจุใจเริ่มต้นการใช้งานดาต้า 1.5 กิกะบิต/วินาทีที่ 299 บาทโทรฟรี ทุกเครือข่าย 100 นาที สูงสุด 1,888 บาท ใช้งานได้ 75 GB ที่นัยว่าถูกกว่าค่ายอื่นๆ แถมยังร่วมกับองค์กรปกครองท้องถิ่น อบต.ให้ลูกค้า 2 จีคลื่น 900 เก่ามาแลกเครื่องใหม่ไปฟรีๆ อีกด้วย
ขณะที่“ดีแทค” ไม่ยอมน้อยหน้า จัดโปรโม่ “เลิฟแอนด์โรล นันสต๊อป” เริ่มต้นที่ 399 ใช้เงินอินเตอร์เน็ต 3GB โทรได้ 150 นาที และสูงสุด 1,999 ใช้งานได้ 12 GB โทรได้ 2,200 นาที ทั้งยังมีส่วนลดการซื้อเครื่อง 4 จีใหม่สูงสุดถึง 2,500 บาท ส่วน “ทรูมูฟ เอช” ที่ถือครองคลื่นความถี่ 4 จีไว้ในมือมากที่สุดนั้นก็จัดแพ็คเกจสุดแรงส์ 4G iSmart เริ่มต้นที่ 399 โทรฟรี 100 นาทีทุกเครือข่ายใช้งาน 3 จีและ 4 จีได้ 1.25 GB และเพิ่มฟรี 1 GB และแพ็คเกจสูงสุด 1,899 บาทโทรฟรี 2,000 นทที ใช้งานอินเตอร์เน็ตได้ 20 GB
ทำเอาประชาชนผู้ใช้บริการละลานตากับโปรโมชั่นที่แต่ละค่ายจัดเต็มจนแทบสำลัก!
อย่างไรก็ตามผลพวงของสงครามมือถือข้างต้นกำลังทำเอาค่ายมือถือน้องใหม่ “แจส โมบาย บรอดแบรนด์” ที่เพิ่งสร้างปรากฏการณ์เป็น “แจสผู้ฆ่ายักษ์” ด้วยการเคาะราคาและคว้าใบอนุญาต 4 จีบนคลื่นความถี่ 900 เมกกะเฮิรตซ์ (MHz) ไปด้วยวงเงินค่าธรรมเนียมสูงกว่า 76,000 ล้านบาท ร่วมกับบริษัท “ทรูมูฟ เอช” ในเครือทรูคอร์ปนั้นอยู่ในภาวะ “หืดจับ-หายใจไม่ทั่วท้อง” ขึ้นมาทันทีทันใด
เพราะกว่าขวบเดือนไปแล้วนับตั้งแต่ กสทช.รับรองผลการประมูล 4 จีบนคลื่น 900 MHz ที่นัยว่าทุบสถิตโลกไปถึง 151,952 ล้านบาทนั้น จนถึงวันนี้ดูเหมือนจะมีเพียงค่ายทรูมูฟ เอชเท่านั้นที่ได้รับการตอบรับจากสถาบันการเงิน 5 แห่งจะร่วมปล่อยกู้โดยออกแบงก์การันตีให้ แต่กระนั้นก็ตั้งเงื่อนไขปล่อยกู้ที่ทำเอาค่ายทรูมูฟเองถึงกับต้องสะอึก เพราะถูกบีบให้ต้องเพิ่มทุนจดทะเบียนไปถึง 60,000 ล้านบาท ทำเอาผู้ถือหุ้นแต่แต่เดิมก็หายใจไม่ทั่วท้อง แทบจะไม่เคยได้รู้จักกับเงินปันผลอยู่แล้ว ต้องหาวเรอรอไปอีกไม่รู้เท่าไหร่ อย่าลืมว่าเม็ดเงินที่กำลังระดมทุนไปกว่า 75,000-76,000 ล้านบาทนี้ ไม่ได้เอาไปลงทุนในกิจการ แต่ต้องเอาไปเป็นค่าต๋งจ่ายค่าประมูลเข้ารัฐ หายเข้ากลีบเมฆเท่านั้น ยังจะต้องไประดมทุนอีกนับหมื่นล้าน เพื่อมาก่อสร้าง ขยายโครงข่ายเพื่อแข่งขันกับผู้ให้บริการรายอื่นๆ ที่ล้วนแต่เขี้ยวลากดินกันทั้งนั้น
ขณะที่แจสโมบายนั้นยังคงเงียบสนิท แม้ก่อนหน้าผู้บริหารแจสโมบายจะยืนยัน นั่งยันว่ามีแบงก์พร้อมจะลงขันปล่อยกู้ให้ แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป แถมค่ายมือถือยักษ์ใหญ่เบอร์ 1-2-3 ต้อนรับน้องใหม่ชนิด “ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต” แบบนี้ขึ้นมา สถาบันการเงินทั้งหลายจึงต่างผวาไม่กล้าเสี่ยงที่จะออกแบงก์การันตีกว่า 73,000 ล้านบาทให้ เพราะวิตกว่าหากแผนธุรกิจของบริษัทไม่สามารถดำเนินการได้ ธนาคารจะต้องรับผิดชอบไปเต็มๆ
อีกทั้งบทเรียนในอดีตที่ผู้บริหารค่ายนี้เคย “ล้มบนฟูก” จากการดำเนินโครงการโทรศัพท์ขั้นพื้นฐาน “ทีทีแอนด์ที” ที่ล้มทั้งยืนลากเอาแบงก์เจ็บตัวกันระนาวนั้น ก็ทำให้ทุกแบงก์ต้อง “คิดหนัก” เพราะคิดสารตะแล้วมือถือน้องใหม่ “แจส โมบาย” มีความเสี่ยงสูงกว่าค่ายอื่นๆ จะเอาชนะมือถือรายอื่นๆ ได้ก็คงมีแต่ทีโอทีและแคทที่มีฐานลูกค้ามือถืออยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น การจะเบียดแทรกเจ้าตลาดเดิมอย่างเอไอเอส ดีแทค และทรู คงเป็นเรื่องที่ยากลำบากและในขณะที่แจสโมบาย ยังไม่มีความพร้อมในเรื่องของอุปกรณ์ แม้ว่าจะมีการแจกเบอร์ฟรี ผู้บริโภครับมาแล้ว ก็คงนำมาเป็นเบอร์สำรองเท่านั้น
ล่าสุดยังมีนักวิเคราะห์ออกมาตีปี๊บ แม้ “แจสโมบาย” จะจ่ายค่าสัมปทานงวดแรก 8,040 ล้านบาท และเช่าเสาสัญญาณจากผู้ประกอบการรายเดิมก็ยังต้องมีภาระในการซื้ออุปกรณ์มาติดตั้งเพื่อให้บริการอยู่ดี ที่สำคัญในช่วงปีที่ 4 ที่ต้องจ่ายเงินค่าสัมปทานก้อนโตสูงถึง 59,000 ล้านบาทนั้น หากแจสโมบายไม่มีพันธมิตรเข้ามาร่วมทุนหรือเข้ามาร่วมแบกรับภาระหนี้อย่าง “ทรูมูฟ” ที่มี “ไชน่า เทเลคอม” ถือหุ้นเป็นแบ๊คอัพให้ก็เป็นเรื่องที่ยากที่ธนาคารพาณิชย์จะออกหนังสือค้ำประกันทางการเงินให้
แถมยังสำทับซ้ำ หากแจสทิ้งใบอนุญาต 4จี 900 MHz ไปจะส่งผลดีต่อสถานะของบริษัทถึงขั้นจะทำให้ราคาหุ้นจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล ที่เป็นบริษัทแม่วิ่งฉิวทันที 4 บาท ทำเอาภาพของแจส โมบายหืดจับหนักเข้าไปอีก!
อยากลงจากหลังเสือก็ไม่ได้ เพราะนอกจากจะถูก กสทช.ริบแบงก์การันตีการประมูล 600 ล้านบาท ยังอาจเจอแบลกลิสต์ห้ามเข้าประมูลคลื่นความถี่อื่นๆ อีก จะกัดฟันเดินหน้าต่อแบงก์หรือสถาบันการเงินที่จะปล่อยกู้ก็ครุ่นคิดหนัก กลัวแบงก์การันตีที่หลวมตัวปล่อยกู้ไปจะหายเข้ากลีบเมฆซ้ำรอยทีทีแอนด์ทีเอาอีก
แค่คิดก็ขนหัวลุกซู่แทน!