สถาบันวิจัยยาง ชี้เศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวกับความตึงเครียดในตะวันออกกลางส่งผลต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงซึ่งรวมถึงยางพารา ด้านบริษัทซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์คาดว่าราคายางพาราจะตกลงต่อเนื่อง
ข้อมูลในเว็บไซต์ของสถาบันวิจัยยาง การยางแห่งประเทศไทย ระบุถึงสถานการณ์ยางพาราเมื่อวันที่ 5 ม.ค.ที่ผ่านมาว่า ราคายางแผ่นดิบและยางแผ่นรมควันตลาดกลางยางพาราสงขลาปรับตัวลดลงกิโลกรัมละ 1.26 บาท และ 1.23 บาท แตะระดับ 34.23 บาท/กก. และ 35.36 บาท/กก. ตามตลาดโตเกียวและราคาน้ำมัน ประกอบกับเงินเยนแข็งค่า นอกจากนี้ภาคการผลิตจีนที่หดตัวลงในเดือนธันวาคม ทำให้นักลงทุนวิตกกังวลว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนอาจจะฉุดรั้งการเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลก ขณะที่สถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางทำให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง เช่นตลาดหุ้น และตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งรวมทั้งยางพาด้วย
ด้านสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่าเมื่อวันอังคารราคายางที่ตลาดซื้อขายล่วงหน้าโตเกียวปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 7 ปี นักลงทุนยังคงเทขายท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับสภาพการณ์ตลาดหุ้นในจีนและญี่ปุ่น รวมทั้งความต้องการที่ลดลงในประเทศผู้ซื้อยางพารารายใหญ่อย่างจีน ราคายางที่ตลาดซื้อขายล่วงหน้าโตเกียวงวดส่งมอบเดือนมิถุนายน ปิดตลาดที่ 150.6 เยนต่อกิโลกรัม (ประมาณ 45.70 บาท) ลดลง 1.4% โดยระหว่างการซื้อขายราคาได้ตกลงไปแตะ 149.1 เยน (45.24 บาท) ซึ่งถือว่าต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2552 ขณะที่ราคายางพาราที่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์สิงคโปร์และตลาดล่วงหน้าเซี่ยงไฮ้ก็ลดลงเช่นกัน
นายฮิโรยูกิ คิคุคาวา ผู้จัดการทั่วไปบริษัท Nihon Unicom Inc. บอกกับรอยเตอร์ว่าโดยปกติแล้วตลาดยางจะกระเตื้องขึ้นในช่วงเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์เพราะเข้าใกล้ฤดูหนาว อย่างไรก็ดีเขาคาดว่าราคายางจะยังตกลงต่อเนื่องไปจนแตะระดับต่ำสุด
รอยเตอร์รายงานด้วยว่าเกษตรกรกรีดยางตลอดทั้งปี แต่ปริมาณน้ำยางจะลดลงในช่วงฤดูหนาวซึ่งสภาพอากาศแห้งแล้ง และเป็นฤดูที่ยางผลัดใบ ซึ่งจะตรงกับช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายนในประเทศผู้ผลิตยางอย่างไทยและมาเลเซีย
ในส่วนของไทย มีรายงานว่าเกษตรกรชาวสวนยางพาราในภาคใต้เตรียมหารือกำหนดแนวทางเคลื่อนไหวเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาราคายางตกต่ำ เพิ่มเติมจากการให้เงินช่วยเหลือตามโครงการสร้างความเข้มแข็ง 1,500 บาทต่อไร่