อิสลามอินโดนีเซียเตรียมประกาศว่าบุหรี่มีเลือดหมูผสมใช้จับเคมีสารอันตราย อิสลามถือเป็น "ฮะรอม"

SCTV ของอินโดนีเซีย รายงานว่า ในบุหรี่อาจมีการปนเปื้อนของเลือดหมู ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ฮาลาลสำหรับมุสลิม รวมทั้งในคนที่นับถือบางศาสนาด้วย

นักวิจัยจากประเทศออสเตรียและประเทศเนเธอร์แลนด์ระบุว่า: ในบุหรี่มีส่วนประกอบจากเลือดหมูเพื่อจับสารเคมีที่อันตราย
ทางคณะกรรมการอิสลามอินโดนีเซียเตรียมประกาศว่า: บุหรี่เป็นสิ่งฮะรอม
ข่าว SCTV ของอินโดนีเซีย รายงานว่า:นักวิจัยจากประเทศออสเตรียและประเทศเนเธอร์แลนด์ระบุว่า: ในบุหรี่มีส่วนประกอบจากเลือดหมูเพื่อจับสารเคมีที่อันตราย ทางคณะกรรมการอิสลามอินโดนีเซียเตรียมประกาศว่า: บุหรี่เป็นสิ่งฮะรอม

     โดยศาสตราจารย์ไซมอน แชพแมน แห่งมหาวิทยาลัยซิดนี่ย์ ได้อ้างถึงการศึกษาวิจัยของผู้วิจัยชาวดัทช์ที่ระบุว่า มีอุตสาหกรรมผลิตบุหรี่ 185 แห่ง ที่ใช้หมู ซึ่งรวมทั้งการนำฮีโมโกลบิน (สารสีแดงในเม็ดเลือดแดง มีหน้าที่นำออกซิเจนสู่หัวใจ) ของหมูมาเป็นส่วนผสมของก้นกรองบุหรี่

     กลุ่มชาวมุสลิม ชาวยิว และมังสวิรัติ ซึ่งล้วนไม่บริโภคหมู และรังเกียจที่จะยุ่งเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ที่มีการปนเปื้อนจากสัตว์ดังกล่าว กำลังพิจารณาเรื่องนี้กันอย่างจริงจัง

     สาเหตุที่นำฮีโมโกบิลหมูมาเป็นส่วนผสมในก้นกรอง เพราะมีการค้นพบว่าสามารถดักจับสารเคมีจากควันบุหรี่ ที่จะเข้าไปสู่ปอดของผู้สูบได้ดี

     แชพแมนกล่าวว่า ไม่อาจระบุได้ว่าบุหรี่ยี่ห้อไหนที่มีการผสมปนเปื้อน แต่บริษัทผลิตบุหรี่กล่าวว่า อาจจะมีการใช้ผลิตภัณฑ์จากหมูในขั้นตอนเตรียมการผลิต แต่สิ่งปนเปื้อนดังกล่าวจะไม่ปรากฏ เมื่อถึงขั้นที่ผลิตออกมาเป็นบุหรี่สำเร็จรูปแล้ว โดยบริษัทไม่ยอมเปิดเผยส่วนผสมต่างๆ ของบุหรี่ อ้างว่าเป็นความลับของกิจการ และเป็นสูตรเฉพาะ

     รายงานดังกล่าวทำให้ชาวอาหรับกว่า 100 ล้านคน รู้สึกกระอักกระอ่วนใจอย่างยิ่ง โดยเฉพาะก่อนหน้านี้เคยมีฟัตวาของอุละมะอฺหลายท่าน ที่ชี้ให้เห็นโทษภัยของบุหรี่ และชี้แนะว่าควรละเว้นการสูบ และนำเงินที่จะซื้อบุหรี่ไปใช้ทำอย่างอื่นที่มีคุณค่าต่อชีวิต

     ก้นกรองในบุหรี่คิดค้นขึ้นเป็นครั้งแรกโดยชาวฮังการี่ ชื่อ Boris Aivaz ในปี 1925 บุหรี่ก้นกรองผลิตครั้งแรกในปี 1927

      ในปี 1935 บริษัทผลิตบุหรี่ในอังกฤษคิดค้นเครื่องผลิตบุหรี่ก้นกรองได้ และหลังจากปี 1960 เป็นต้นมา บุหรี่ที่ติดก้นกรองก็เข้ามาครองตลาด