ยล 'วัดโดเรม่อน' วัดสำปะซิว สุพรรณบุรี
มีผู้เฒ่าผู้แก่เล่าขานต่อๆกันมาว่า เดิมสถานที่แห่งนี้ เป็นสถานที่ ที่กองทัพไทย ใน “ องค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ” ได้มาหยุดพักรบ เพื่อตรวจสอบบัญชีจำนวนทหารในกองทัพว่า มีจำนวนทหารที่สูญหายจากการทำศึก
เท่าใด และมีจำนวนทหารเหลืออยู่เท่าใด ซึ่งประชาชนในสมัยนั้นเรียกสถานที่แห่งนี้ว่า “ สางบัญชี “ จึงตั้งชื่อวัดแห่งนี้ว่า “ วัดสางบัญชี “ เนื่องจากสาเหตุอันใดไม่ทราบ ได้ทำให้การเรียกชื่อวัดแห่งนี้ผิดเพี้ยนไปจากเดิม จากชื่อว่า “ วัดสางบัญชี “ เป็น “ วัดสำปะซิว “ มาจนถึงทุกวันนี้
วัดสำปะซิว สร้างเมื่อปีพุทธศักราช ๑๘๕๗ ยุคสมัยประวัติศาสตร์ ( อยุธยาตอนต้น) ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อพุทธศักราช ๑๘๖๐ ตั้งอยู่เลขที่ ๑๐๑ หมู่ ๓ ตำบลสนามชัย อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี เนื้อที่ประมาณ ๒๐ ไร่เศษ
ภายในวัดสำปะซิว ยังมีการขุดพบแหล่งโบราณคดี เป็นแหล่งที่ตั้งเตาเผาภาชนะดินเผา ( ประวัติศาสตร์สมัยอยุธยา ) ซึ่งเตาเผาอิฐเป็นแบบระบายความร้อนผ่านเฉียงขึ้น ซึ่งสามารถเผาภาชนะดินเผาเนื้อแกร่งแบบเคลือบและแบบไม่เคลือบได้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำท่าจีนทั้ง๒ฝั่งเพราะสะดวก ในการขนส่งวัตถุดิบต่างๆทางเรือนับว่าเป็นสินค้าส่งออกลักษณะของดินเกิดจากวัตถุต้นกำเนิดดินที่ถูกการเคลื่อนย้ายพัดพามา จึงทำให้ดินมีคุณภาพดีเหมาะสำหรับในการทำภาชนะดินเผาเคยขุดค้นพบเศษเครื่องสังคโลกและเครื่องถ้วยจีนซึ่งนำมาเป็นตัวอย่าง ในการผลิตประเภทถ้วยชามส่วนหม้อไหมีลักษณะเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวเอง
เป็นที่รู้จักในฐานะวัดที่มีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่เขียนถึงตัวละครการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่องโดราเอม่อน ปรากฏขึ้นที่อุโบสถวัด อาทิ โดเรม่อนตกกระทะทองแดง , โดเรม่อนเฝ้าพระพุทธเจ้า , โดเรม่อนเล่นน้ำ , โนบิตะตกนรก หรือแม้กระทั่งการ์ตูนยอดฮิตของเด็กๆในยุคนี้อย่างเบนเท็น(Ben10) และ แองกี้เบิร์ดก็ยังแอบมีให้เห็นกัน
สำหรับความเป็นมาของภาพจิตกรรมฝาผนังร่วมสมัยดังกล่าว วัดสำปะซิวได้ดำเนินมาตั้งแต่ปี 2545 โดยฝีมือการวดภาพของนายรักเกียรติ เลิศจิตกุล อายุ 39 ปี ที่เรียนจบจากพานิชการเชตุพน และวิทยาลัยช่างหลวง ปัจจุบันประกอบอาชีพจิตรกร ซึ่งเคยบวชอยู่ที่วัดสำปะซิว 1 พรรษา หลังจากสึกไปได้มาทำการเขียนภาพจิตรกรรมร่วมสมัยถวายให้เจ้าอาวาส โดยใช้เวลาในการวาดภาพทั้งสิ้นรวม 8 ปีจากนั้นจึงเปิดให้เข้าชม และก็ได้รับความสนใจอย่างท่วมท้นมาตลอดจนถึงปัจจุบัน
*เข็มกลัดรูปโดเรม่อนติดปัญหาลิขสิทธิ์จึงหยุดแจกจ่าย*