"ภาพแห่งความประทับใจ""น้องดูคุณลุงไว้เป็นแบบอย่างนะ ทำงานต้องทำให้ได้แบบนี้
"ภาพแห่งความประทับใจ"
เป็นภาพของชายสูงวัย อายุน่าจะประมาณเลยวัยเกษียณ ขับรถตู้มาจอดหน้าร้านที่ผมนั่งรับประทานอาหารอยู่อย่างช้าๆ รถตู้ที่ว่านี้ไม่ใช่รถตู้ส่วนตัวยี่ห้อแพงๆ แต่ทว่าเป็นรถตู้ที่มีเครื่องหมายการค้าชัดเจนเพราะที่บริเวณรอบๆรถตู้ที่มาจอด บ่งบอกถึงรถส่งของ ของบริษัทฯที่เราคุ้นเคยกันดี
ชายสูงวัยเปิดประตูรถลงมาจากที่นั่งคนขับอย่างช้าๆ แล้วเดินไปยังประตูท้ายรถ เปิดท้ายรถและประตูด้านข้าง หยิบสินค้าแต่ละกล่องอย่างระมัดระวังและทนุถนอม ใส่รถเข็นคันเล็กๆเข็นเข้ามาส่งในร้านที่ผมนั่งอยู่ โดยมีพนักงานยกมือไหว้อย่างนอบน้อม ในฐานะผู้มีอาวุโสน้อยกว่า พร้อมคอยช่วยรับของอีกทีหนึ่ง
ใบหน้าของชายผู้สูงวัยที่ทำหน้าที่ขับรถนำสินค้ามาส่ง มิได้มีสีหน้าที่เหน็ดเหนื่อยอิดโรยแต่อย่างใด ตรงกันข้ามเขากลับมีสีหน้าที่สดใส แววตาสดชื่น มีพลังและดูมีความสุขกับสิ่งที่ได้ทำงานที่ตนรักมายาวนาน
ผมนั่งทานอาหารพลางแอบกดชัตเตอร์ไปพลาง ด้วยความอิ่มเอมและความสุข ที่เห็นคนหลังวัยเกษียณทำในสิ่งที่ตนเองรักและผูกพันมายาวนาน จนรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จขององค์กร
ที่สำคัญต้องขอบคุณและชื่นชมผู้บริหารและเจ้าขององค์กร ที่หยิบยื่นความสุข ความมีคุณค่า ในความรับผิดชอบที่มอบให้อย่างเหมาะสมพอดี พอควร ต่อวัยที่ล่วงเลยมาพอสมควรแล้ว
ผมเชื่อเหลือเกินว่า หากชายผู้นี้เกษียณอายุงานอยู่กับบ้าน นอกจากจะมองตนเองอย่างไร้ค่าไร้ความหมายแล้ว คนในครอบครัวก็อาจจะมองลุงแก่ๆนี้ไม่ต่างกันกับที่แกมองตนเอง นั่นยิ่งจะบั่นทอนขวัญและกำลังใจของลุงผู้นี้ให้สั้นลงไปอีกก็เป็นได้
ต้องขอขอบคุณผู้บริหารและเจ้าขององค์กรแห่งนี้ที่ทำให้ผมและคุณลุงได้มีความสุขไปพร้อมๆกัน มิเสียทีที่ผมเป็นลูกค้าของแบรนด์นี้มายาวนานมาก นี่ละครับ"คือการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กร"โดยไม่ต้องใช้สื่อโฆษณาแต่อย่างใด แต่ทำขึ้นมาจากภายในที่เป็นส่วนลึกของ"วัฒนธรรมองค์กร"ที่ไม่อาจลอกเลียนแบบได้เพียงข้ามคืน
ก่อนออกจากร้านผมได้บอกกับพนักงานในร้านที่มาเก็บเงินค่าอาหารว่า
"น้องดูคุณลุงไว้เป็นแบบอย่างนะ ทำงานต้องทำให้ได้แบบนี้" ทำตนให้เป็นสินทรัพย์(Asset)ที่มีค่าขององค์กร แล้วองค์กรก็จะไม่ยอมสูญเสียเราไปง่ายๆ
ดร.พนม ปีย์เจริญ
9/12/2015