รัสเซียยิงมิสไซล์ใส่ฐานที่มั่นไอเอสจากเรือดำน้ำในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
ภาพจาก AP
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมรัสเซียเซอร์เก ซอยกู กล่าวเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่ารัสเซียโจมตีที่มั่นของไอเอสในซีเรียด้วยการยิงขีปนาวุธKalibr จากเรือดำน้ำที่อยู่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
สำนักข่าว Tass รายงานว่าซอยกูกล่าวในขระประชุมกับประธานาธิบดีปูตินว่าขีปนาวุธดังกล่าวถูกยิงออกมาจากเรือที่ดำอยู่ใต้น้ำและโจมตีเป้าหมายที่เป็นกลุ่มไอเอสถึงสองแห่ง พร้อมกล่าวว่านี่เป็นครั้งแรกที่เรือดำน้ำRostov-on-Donของรัสเซียยิงขีปนาวุธจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
“เป้าหมายของเราคือสองจุดสำคัญในจังหวัดRaqqaของซีเรียซึ่งเป็นดินแดนของผู้ก่อการร้าย...เรามีความมั่นใจที่จะบอกว่าการโจมตีครั้งนี้สร้างความเสียหายอย่างมากต่อคลังแสงและโรงงานเหมืองรวมถึงคลังน้ำมันของผู้ก่อการร้าย " ซอยกูกล่าว
จากคำกล่าวของซอยกู รัสเซียได้แจ้งสหรัฐฯและอิสราเอลถึงแผนการโจมตีโดยเรือดำน้ำในครั้งนี้แล้ว
นอกจากนี้เขายังกล่าวว่าในช่วงเวลาสามวันที่ผ่านมา เครื่องบินทิ้งระเบิดระยะยาว Tu-22 และเครื่องบินรบรัสเซียที่ประจำการในฐานทัพอากาศเฮไมมีม ได้ทำผลงานไปแล้วกว่า 300 ครั้ง และโจมตีเป้าหมายแล้วกว่า 600 เป้า
ในระหว่างการประชุม ปูตินได้สั่งให้วิเคราะห์ความเสียหายและการทำงานต่างๆของอาวุธที่มีความแม่นยำสูงที่ถูกใช้ในปฏิบัติการทางอากาศในซีเรีย
“ขีปนาวุธทั้ง Kalibr และ Kh-101 มีการทำงานที่ดี อาวุธเหล่านี้เป็นอาวุธใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูง และตอนนี้เราก้ได้เห็นถึงประสิทธิภาพของมันแล้ว”
ปูตินกล่าวพร้อมเสริมว่า“อาวุธเหล่านี้สามารถติดตั้งได้ทั้งแบบธรรมดาและพิเศษแม้แต่หัวรบขีปนาวุธนิวเคลียร์ เพราะโดยธรรมชาติแล้วอาวุธเช่นนี้ไม่จำเป็นจะต้องนำมาใช้ในการสู้ก่อการร้ายและผมหวังว่าจะไม่จำเป็นต้องใช้มันอีกตลอดไป”
ทั้งนี้ในระหว่างการประชุมยังมีการนำกล่องดำของเครื่องบินรบ Su-24 ของรัสเซียที่ถูกยิงตกมาให้ปูตินได้ดูในที่ประชุมอีกด้วย
“ตามที่ผมเข้าใจ บันทึกข้อมูลการบินจะทำให้สามารถยืนยันวิถีการบินของ Su-24 ตั้งแต่ตอนออกบินจนถึงตอนที่ตก ซึ่งหมายความว่าเราจะสามารถเข้าใจว่าเครื่องบินอยู่ที่ไหน(ตอนที่ถูกยิง) และการโจมตีแบบลอบกัดของกองทัพอากาศตุรกีได้เกิดขึ้นในช่วงใด" ปูตินกล่าว