นาย Normand Hodges อดีตเจ้าหน้าที่ CIA ที่ปัจจุบันเกษียณแล้วมีอายุ 78 ปี เขากำลังเข้ารักษาอาการป่วยอยู่ในโรงพยาบาลเซนทารา เจเนรัล ได้แฉความจริงช็อกโลกว่า โดยเขาทำงานเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยระดับสูงให้กับ CIA มาเป็นเวลานานกว่า 41 ปี
และหนึ่งในหน้าที่การทำงานของเขาก็คือ "การลอบสังหารบุคคลต่างๆ" ให้กับรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีทั้งดารานักแสดง นักวิทยาศาสตร์ รวมถึงผู้ที่อาจจะมีภัยต่อสหรัฐอเมริกา เขาได้รับการฝึกฝนความเชี่ยวชาญมาเป็นพิเศษ ทั้งทางด้านศิลปะการป้องกันตัว มือปืนสไนเปอร์ วัตถุระเบิดและสารพิษ
และตลอดเวลาที่เขาเป็นเจ้าหน้าที่ CIA เขารับคำสั่งรัฐบาลจ้าวลัทธิประชาธิปไตย ลอบสังหารคนสำคัญในอเมริกาและทั่วโลกมาแล้วกว่า 37 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ "มาริลิน มอนโร" ดาราฮอลีวู๊ดผู้โด่งดัง โดยเขาแฉว่าทาง CIA มีหลักฐานว่า มาริลิน มีสัมพันธ์ชู้สาวกับประธานาธิบดีเคเนดี้
และเธอยังมีสัมพันธ์ชู้สาวกับ ฟิเดล กัสโตร ผู้นำคิวบาที่เป็นศัตรูกับอเมริกาอีกด้วย แค่ความกลัวว่าข้อมูลของสหรัฐอเมริกาจะรั่วไหลไปถึงพวกคอมมิวนิสต์ นายจิมมี เฮย์วอร์ธ ผู้บังคับบัญชาของเขาจึงสั่งให้เขาสังหารมาริลิน มอนโร โดยทำให้เหมือนกับว่าเธอฆ่าตัวตายด้วยการใช้ยาเกินขนาด
ในวันที่ 5 สิงหาคม 2505 เป็นคืนที่เขาลงมือลอบสังหารมาริลิน มอนโร ด้วยการลักลอบเข้าไปในห้องนอนของเธอซึ่งเป็นเวลาที่เธอกำลังนอนหลับอยู่ จากนั้นก็ฉีดยาให้เธอจนเธอถึงแก่ความตาย เขาไม่เคยลงมือฆ่าผู้หญิงเลย ดังนั้นเธอจึงเป็นผู้หญิงคนแรกและคนเดียวที่เขาลงมือสังหาร
นี่คือความจริงของลัทธิประชาธิปไตย ต้องฆ่าคนอื่น ต้องกลั่นแกล้งรังแก ต้องกดขี่ทางชนชั้นสังคม ศาสนา ชนชาติ ต้องคดโกง คอรัปชั่น..และแน่นอนว่าอเมริกา ต้องการปลูกฝังลัทธิแบบนี้ไปในทุกประเทศเพื่อตนเองจะได้ควบคุมประชากรทั้งโลกได้โดยอ้าง “ประชาธิปไตย”