บทวิเคราะห์:จุดยืนสหรัฐฯและรัสเซียต่อ “แผนโจมตีกลุ่มไอเอส”
บทวิเคราะห์:จุดยืนสหรัฐฯและรัสเซียต่อ “แผนโจมตีกลุ่มไอเอส”
หลังจากที่กรุงปารีสในฝรั่งเศสโดนกลุ่มก่อการร้ายโจมตีนั้น ก็มีการเสนอให้สภาคองเกรสสหรัฐฯเพิ่มการโจมตี แต่ทว่านักการเมืองในคองเกรสทั้งจากพรรคเดโมแครตและรีพลับลิกันพิจารณาแต่ผลประโยชน์ของตัวเอง จึงเห็นได้ว่าการโจมตีกลุ่มไอเอสของสหรัฐฯนั้นเป็นการ “ส่งทหารโดยไม่มีจุดประสงค์ที่ชัดเจน”
ผู้เขียนวิเคราะห์ว่า สหรัฐฯเดินหมากเยอะเกินไป จนเป็นสาเหตุทำให้การโจมตี “รัฐอิสลาม” ไม่เป็นผล ในทางกลับกันรัสเซียที่เพิ่งจะประกาศโจมตี กลับไม่สนใจเสียงประณามและข้อสงสัยของชาติตะวันตก และปฏิบัติการอย่างไม่ยอมอ่อนข้อใดๆ ทำให้ผู้เขียนคิดว่ารัสเซียเป็น “ประเทศเดียว” ที่สามารถทำลายกลุ่มรัฐอิสลามได้
【สหรัฐฯ:เกมการเมืองภายในทำให้ตัดสินใจไม่เด็ดขาด】
โดยปกติแล้วคองเกรสนั้นจะลงมติเพื่ออนุมัติให้ทำเนียบขาวสามารถใช้กำลังในการปฏิบัติการทางทหาร แต่ทว่าสมาชิกพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแเครตที่เหลือก็ต่างคิดว่าเห็นต่างกันในประเด็นนี้มากเกินไป ดังนั้น “การไม่ลงมติ” จึงเป็นวีธีเดียวที่จะสร้างความเข้าใจร่วมกันระหว่างสองพรรคได้
สมาชิกวุฒิสภาจากพรรครีพับลิกันคนหนึ่งกล่าวว่า เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วมีการอนุมัติให้ปฏิบัติการทางทหารในอิรัก การลงมติครั้งนั้นทำให้เกิดสงครามแห่งความผิดพลาดขึ้น เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์มากมาย แต่เนื่องจากมีบันทึกการลงมติจึงไม่สามารถลบล้าง “ความชั่วร้าย” ออกไปได้ ดังนั้นเมื่อต้องเผชิญกับการลงมติแบบนี้เป็นครั้งที่สอง จึงพยายามหลีกเลี่ยงเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อผู้สมัครเลือกตั้งในครั้งต่อไป
นอกจากนี้ผู้เขียนคิดว่าพรรคเดโมแครตก็เห็นว่าโอบามาจะสามารถใช้ “การโจมตีกลุ่มไอเอส” เพื่อเรียกคะแนนเสียงหลังจากลงตำแหน่งอย่างสวยงาม และทำให้เป็นฝ่ายชนะในการเลือกตั้งครั้งหน้าได้
จากข้างต้นที่กล่าวมานั้นทำให้สมาชิกคองเกรสทั้งหมดทำเป็นไม่ไว้วางใจต่อ “แผนการปฏิบัติการทางทหารโจมตีไอเอส”ของโอบามาในที่สาธารณชน แต่กลับสนับสนุนแผนการนี้อย่างลับๆ
【รัสเซีย :กล้าที่จะตัดสินใจอย่างเด็ดขาดและไม่เกรงกลัวต่อคำวิพากษ์วิจารณ์】
รัฐเซียต่างจากสหรัฐฯที่กำลังพะว้าพะวังอยู่กับปัญหารอบด้านตรงที่รัสเซียโจมตีไอเอสได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพทำให้ได้รับการยอมรับจากหลายๆประเทศ แม้แต่ กวินเน็ธ ทอดด์ อดีตสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯยังออกปากชมว่าในบรรดาประเทศทั้งหมดที่มีการโจมตีไอเอสรัสเซียเป็นเพียงประเทศเดียวที่มีความสามารถในการทำลายกลุ่มก่อการร้ายกลุ่มนี้
เขากล่าวในขณะให้สัมภาษณ์กับสื่อรัสเซียว่า โลกของเราต้องการ “ประเทศที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง”สักประเทศในการต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้ายที่ “มีอาวุธครบมือและมีเงินทุนสนับสนุน” และประเทศที่ว่านี้ควรกล้าที่จะออกมาทำใน “สิ่งที่จำเป็น” ซึ่งรวมถึงการไม่แยแสต่อคำวิพากษ์วิจารณ์ของประเทศตะวันตก และการออกมายับยั้งการสนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายของตุรกีและประเทศอาหรับบางประเทศอย่างเปิดเผย
กวินเน็ธ ทอดด์ยังกล่าวอีกว่า การโจมตีกลุ่มก่อการร้ายไอเอสของสหรัฐฯนั้นดูเหมือนจะลำบากยากเข็ญเสียเหลือเกินเพราะ “ประชาชนชาวอเมริกันส่วนใหญ่คิดว่าตนเองมีหน้าที่ในการไม่ให้พลเรือนได้รับบาดเจ็บหรือแม้แต่เป็นห่วงว่าผู้ร้ายจะถูกทารุณ ส่วนฝรั่งเศส อังกฤษและเยอรมันนีนั้นก็ค่อนข้างใจกว้าง เน้นแต่การหาผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ละเลยพฤติกรรมการสนับสนุนเงินทุนให้กลุ่มก่อการร้ายของบางประเทศ”
“ในการรับมือกับกลุ่มก่อการร้าย วิธีการเหล่านี้มันใช้ไม่ได้ผล เมื่อประเทศยุโรปเริ่มที่จะแก้แค้นกลับ พวกกลุ่มก่อการร้ายเหล่านี้ก็รู้ดีว่าตัวเองจะต้องไปหลบซ่อนอยู่ตามบ้านเรือนของชาวบ้านเพื่อให้ตัวเองปลอดภัย” เขากล่าวเสริมว่า พวกกลุ่มก่อการร้ายเหล่านี้ก้โง่เขลาที่คิดไปเองว่ารัสเซียจะใจดีเหมือนชาติยุโรปซึ่งเป็นความคิดที่ผิด
เขากล่าวว่าการโจมตีเครื่องบินรัสเซียและเหตุระเบิดในกรุงปารีสทำให้การโจมตีของรัสเซียได้รับการยอมรับจากนานาประเทศมากยิ่งขึ้น ซึ่งรัสเซียเองก็ชัดเจนว่า ถึงแม้ว่าทางตะวันตกจะยอมรับการโจมตีของรัสเซียแบบเสียมิได้ แต่เสียงวิพากษ์วิจารณ์ของตะวันตกที่มีต่อรัสเซียก็จะยังมีออกมาเรื่อยๆ ถ้าหากรัสเซียตัดสินใจใช้มารตรการ “ยอมเสียสละส่วนน้อยบางส่วนเพื่อรักษาส่วนมาก”ทำให้รัสเซียต้องใช้วิธีที่โหดร้ายในการถอนรากถอนโคนไอเอสขึ้นมาเมื่อใด แม้ประเทศตะวันตกจะออกตัวว่าไม่เห็นด้วยแต่ก็จะรู้สึกขอบคุณอยู่ในใจ
ทอดด์กล่าวว่า ประเทศตะวันตกลึกๆแล้วรับรู้ถึงการช่วยเหลือและให้การสนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายของตุรกีและประเทศอาหรับแต่ก็ทำเป็น “เอาหูไปนาเอาตาไปไร่” และถ้าหากตุรกียังคงจะขัดขวางรัสเซียในเรื่องปัญหาซีเรีย กลุ่มประเทศตะวันตกก็อาจจะไม่ออกมาปกป้องตุรกี(ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศสมาชิกนาโต) ทำให้ตุรกีคงไม่กล้าเสี่ยงที่จะออกมาแสดงตัวเป็นศัตรูกับรัสเซีย
(ผู้เขียน : โจว เซวี่ยถิง / สำนักข่าวซินหัวต่างประเทศ รายงาน)
https://www.facebook.com/XinhuaNewsAgency.th/posts/1691518977730784