ผลวิจัยยืนยัน เลิกใช้ Facebook จะทำให้มีความสุขมากขึ้น เพราะเห็นชีวิตคนอื่นน้อยลง
ทำให้เรามีความสุขมากขึ้น มีเวลามากขึ้น แต่ก็คงต้องยอมรับความจริงที่ว่า เราคงไม่ทำแบบนั้นกันหรอก ถึงจะมีผลการทดสอบอย่างเป็นวิทยาศาสตร์มายืนยัน ก็คงไม่สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมเราได้
ตั้งแต่โลกนี้มี Twitter และ Facebook เราก็เหมือนจะรับรู้กิจกรรมในชีวิตของคนอื่นๆ ง่ายขึ้น และผลการศึกษาล่าสุดจาก Happiness Research Institute บอกว่า นั่นไม่ใช่เรื่องที่จำเป็นสำหรับมนุษย์เลยสักนิด (ชื่อสถาบันนี้แปลแบบไทยๆ ก็คงจะประมาณว่า “สถาบันวิจัยความสุข”)
จากการทดลองกับกลุ่มตัวอย่างชาวเดนมาร์กกว่า 1,000 คน แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกใช้งาน Facebook ตามปกติ และกลุ่มที่ 2 งดใช้อย่างสิ้นเชิง เป็นเวลา 1 สัปดาห์ (ก็ไม่รู้ว่าคนกลุ่มที่ 2 เขาทนได้ยังไง)
ผลที่ได้ก็ไม่ทำให้เราต้องอึ้งแต่อย่างใด เพราะมันก็เป็นไปตามคาด 88% ของกลุ่มที่งดใช้งาน Facebook พบว่าตัวเองมีความสุขมากขึ้น เทียบกับ 81% ของกลุ่มแรก
ส่วนเหตุผลที่ทำให้กลุ่มตัวอย่างกลุ่มที่ 2 มีความสุขมากกว่า ก็ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย เพราะพวกเขาเห็นชีวิตของคนอื่นน้อยลง ลดความอิจฉา ลดการเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นๆ โดยพวกเขาระบุว่า “Facebook ทำให้เราสนใจสิ่งที่คนอื่นมี มากกว่าที่จะทำให้เราใส่ใจกับความต้องการของเราจริงๆ”
นอกจากนี้ กลุ่มที่เลิกใช้ Facebook ยังบอกอีกว่า การเลิกใช้งานโซเชียลมีเดียทำให้พวกเขารู้สึกกระตือรือร้นมากขึ้น โดดเดี่ยวน้อยลง กังวลน้อยลง และตัดสินใจได้ดีขึ้น แถมยังมีเวลาให้ครอบครัวมากขึ้น ได้พบปะกับคนสำคัญในชีวิตแบบเห็นหน้าค่าตากันจริงๆ และมีสมาธิมากขึ้นด้วย
ซีอีโอของสถาบันวิจัยความสุขกล่าวว่า โลกของ Facebook เต็มไปด้วยด้านที่ดีที่สุดที่ทุกคนคัดสรรมาแล้ว ซึ่งมันอาจจะบิดเบือนไปจากความเป็นจริง มันก็น่าสนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าผู้ใช้ตัดขาดจากมัน
Sophie Anne Dornoy กลุ่มตัวอย่างวัย 35 ปี กล่าวว่า ก่อนที่จะลุกจากเตียง สิ่งแรกที่เธอทำคือการหยิบมือถือขึ้นมาดู เปิด Facebook เพื่อดูว่าเมื่อคืนนี้มีเรื่องอะไรตื่นเต้นหรือน่าสนใจบ้าง หลังจากที่เธอเลิกเล่น Facebook เธอก็พบว่ารายการต่างๆ ใน To-do list ของเธอมันเสร็จเร็วขึ้นกว่าเมื่อก่อน และรู้สึกสงบมากขึ้น เมื่อไม่ต้องเผชิญหน้ากับ Facebook ตลอดเวลา
จริงๆ แล้วโครงการวิจัยนี้ยังอยากศึกษาเรื่องผลจากการหยุดใช้ Facebook เป็นเวลา 1 ปีด้วย เพียงแต่ตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการค้นหาอาสาสมัครที่เต็มใจจะหยุดใช้ Facebook เป็นเวลา 1 ปี ซึ่งก็คงจะหายากพอสมควร