สื่อมาเลย์แฉ!! กลุ่มหัวรุนแรงเตรียมตั้งเครื่อข่าย "ไอเอส" ในอาเซียน!!
วันนี้(16พ.ย.) เว็บไซต์ straitstimes รายงานว่า สมาชิกกลุ่มหัวรุนแรงมาเลเซียที่หนีไปกบดานอยู่ที่ภาคใต้ของฟิลิปปินส์มีแผนรวมกลุ่มต่างๆในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งมาเลเซีย,อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์เข้าด้วยกัน รวมถึงกลุ่มหัวรุนแรงชื่อดังอย่างญะมาอะห์ อิสลามียะห์ (Jemaah Islamiah) และอาบู ไซยาฟ ( Abu Sayyaf) เพื่อขอเข้าร่วมกับกลุ่มรัฐอิสลามหรือไอเอสอย่าง "เป็นทางการ" ต่อไป
สื่อ The Star รายงานว่านาย Mahmud Ahmad อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยแหลมมลายู,นาย Mohd Najib Husen เจ้าของร้านค้าและนาย Muhammad Joraimee Awang Raimee อดีตลูกจ้างสภาท้องถิ่นที่มีชื่ออยู่ในใบประกาศจับของมาเลเซียตั้งแต่เมื่อปีที่ผ่านมาถูกระบุว่าเป็นบุคคลสำคัญที่มีส่วนร่วมในแผนการรวมกลุ่มหัวรุนแรงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้าด้วยกัน
ด้านหัวหน้าหน่วยต่อต้านการก่อการร้ายของตำรวจมาเลเซียให้สัมภาษณ์พิเศษกับหนังสือพิมพ์ว่า นาย Mahmud ที่ตกอยู่ในรายชื่อเป็นที่ต้องการตัวมากที่สุดของมาเลเซีย ไม่พึงพอใจอยู่แค่การเข้าร่วมกับกลุ่มอาบู ไซยาฟแต่ต้องการจัดตั้งเครื่อข่ายเข้าร่วมกับกลุ่มไอเอสขึ้นในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ซึ่งหากนาย Mahmud หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อว่า Abu Handzalah ประสบความสำเร็จในการรวมกลุ่มหัวรุนแรงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้าด้วยกันได้จริงจะยิ่งทำให้ภูมิภาคตกอยู่ในอันตรายมากยิ่งขึ้น
ศาจตราจารย์ Sundramoorthy ผู้เชี่ยวชาญด้านอาชญาวิทยาให้สัมภาษณ์กับทางซันเดย์ ไทมส์ว่า เขาเชื่อว่าสาเหตุที่กลุ่มหัวรุนแรงในมาเลเซียต้องการจัดตั้งเครื่อข่ายกลุ่มก่อการร้ายระดับนานาชาติขึ้นเนื่องจากปัจจุบันขาดแคลนเงินทุนสนับสนุน
"หลายคนอาจคิดว่ากลุ่มไอเอสนั้นเป็นตัวแทนของชาวมุสลิมที่ทำหน้าที่กำจัดความอยุติธรรมในสังคม,ความไม่เท่าเทียมทางเศรษฐกิจ,การกดขี่ทางการเมืองและอีกหลายเหตุผล แต่ทว่าในความเป็นจริงแล้วทางกลุ่มเพียงแค่ใช้ข้ออ้างทางศาสนาเป็นแรงจูงใจในการก่อเหตุเท่านั้น"
โดยบทสัมภาษณ์ดังกล่าวสอดคล้องกับทางด้าน Jose Antonio Custodio นักวิเคราะห์ข้อมูลกระทรวงกลาโหมของฟิลิปปินส์ที่เชื่อว่าสาเหตุที่กลุ่มหัวรุนแรงใช้ธงสัญลักษณ์ของทางกลุ่มไอเอสนั้นก็เพื่อต้องการเงินทุนและแรงสนับสนุนทั้งจากในและนอกประเทศ