หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Team Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
News บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ครบรอบ 1 ปี ซ่อนเงินเก็บเมียไว้ได้ 7,000,000 บาท

โพสท์โดย Fuckyou

ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา

(9 พ.ย.58) ผมตัดสินใจอยู่นานว่าจะโพสต์เรื่องราวนี้ดีมั๊ย....เพราะกลัวว่าจะโดนดราม่าหลายเรื่อง รวมถึงกลัวหาว่าไปโฆษณาแฝงอะไรหรือป่าว ตอบก่อนเลยครับว่า เรื่องที่ผ่านมาตลอด 1 ปีเป็นเรื่องที่เริ่มต้นด้วยตัวคนเดียวเป็นรายได้เสริมจากธุรกิจที่ดูแลอยุ่แล้วในปัจจุบัน แต่ได้เคยสัญญากับคนในนี้ไว้ว่างจะเอามาแชร์ให้ฟังหวังว่าจะเป็นแรงบันดาลใจสำหรับคนเริ่มต้นธุรกิจออนไลน์ จนตอนนี้ครบ 1 ปีแล้วที่เริ่มต้น ถ้าสิ้นปีนี้ก็จะ 1 ปี 2 เดือน กับรายได้โดยประมาณ 7,000,000 บาท กระทู้นี้ไม่มีผลในการโฆษณาอะไรทั้งสิ้น ไม่ได้เชิญชวนไปสัมนา ไม่ได้พาไปทัวร์ที่ไหน ไม่ได้แนะนำหลังไมค์ ไม่ได้มีเทคนิคพิเศษอื่นใดนอกจากเทคนิคที่แชร์ในนี้เท่านั้น อาศัยความสม่ำเสมอในการทำคอนเทนต์ที่มีคุณภาพเป็นหลักให้กับคนที่สนใจดู จนเกิดยอดขายได้

ย้อนกลับไปเมื่อประมาณเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ผมได้เริ่มต้นธุรกิจขายของออนไลน์เล็กๆขึ้นมาจากการที่อยากจะหารายได้เสริมไปเที่ยวปีใหม่ แต่ใจจริงๆนี่จะเอาไปซื้อ Big Bike อยากได้ Ducuti หรือ ER6N สักคัน (ซื้อไปตลาดจ่ายกับข้าวเลยล่ะครับ 555 เพราะก็ยังไม่มีกลุ่มขี่ด้วยอยู่ดี) นั่นล่ะความฝันของลูกผู้ชายคนนึงเลยล่ะ ผมเองไม่ได้อยากดึงเงินในครอบครัวหรือจากธุรกิจหลักที่ทำอยู่เอามาซื้อเพราะผมคิดว่ามันคนล่ะส่วนกัน ถ้าอยากได้ก็ควรจะหารายได้อื่นมาเสริมแล้วค่อยใช้เงินนี้ซื้อดีกว่าจะได้ไม่ไปกระทบกับรายได้อื่นๆ ก็เริ่มต้นตามที่เคยกล่าวไว้ในกระทู้ก่อนหน้านั่นล่ะครับ ผมสรุปออกมาเป็นข้อๆให้ดูแบบง่ายๆว่า วางแผนอย่างไรนะครับ และจะอธิบายเรื่อง ซ่อนเงินไว้อย่างไรไม่ให้เมียรู้มาตลอดทั้งปี ^//^

คือก่อนอื่นที่จะขายสินค้ามันเป็นเรื่องของการมองตลาดนะครับ ถ้าเป็นผม ผมมองแบบนี้ตามลำดับ

1.ตลาดมีความต้องการในสินค้ากลุ่มไหนที่เหมาะสมกับเรา และเรามองกลับไปที่ตลาดนั้นว่า เรามีความรู้และมีความสุขที่จะอยู่ในตลาดนั้นหรือป่าว

2.ถ้าเราจะเข้าตลาดนั้น เราจะต้องรู้มูลค่าตลาดและเราจะมีจุดไหนที่จะเข้าไปแชร์ตลาดได้ และรู้จุดเด่นในสินค้าที่เราจะเข้าไปตีคู่แข่ง

3.กำหนดตัวต้นทุนเราให้ออกมาให้ได้ และควรมีกำไรอย่างน้อย ไม่ต่ำกว่า 100% ในการป้องกันผลประโยชน์ที่เราควรจะได้รับและคุ้มเหนื่อยในธุรกิจ

4.เมื่อผมได้ตลาดได้สินค้าและได้ต้นทุนแล้ว ผมจะมองว่าเราจะเริ่มต้นแค่คนเดียวได้มั๊ยทั้งระบบในช่วง 3-6 เดือนแรกคือ สามารถทำกระบวนการตั้งแต่ต้นจนสามารถขายและรับเงินลูกค้าได้เลย โดยใช้เราคนเดียวมั๊ย

5.ถ้าเกิดว่าทำได้ ผมก็กำหนดการลงทุนไว้อีกว่า ค่าโฆษณาออนไลน์ Facebook หรือ Google Ads จะต้องสามารถทำให้คุ้มค่าใช้จ่ายใน 1 บิล หรือ 2 บิลได้หรือไม่ คือ ตัวเลขจริงๆเลยนะ ค่าโฆษณา 300 บาท/วัน Facebook Ads เดือนล่ะ 9,000 บ. แต่ต้องสามารถสร้างยอดขายใน ใน 1 บิล หรือ 2 บิล รวมกันได้เกิน 9,000 บาท คือ ขายสินค้าแค่บิลเดียวจะต้องได้ค่าโฆษณาทั้งเดือนคืนมา ต่อ 1 ช่องทางการโฆษณาน่ะ ถ้าทำได้ประมาณนี้ผมให้ลิสต์ว่าสมควรขายสินค้านี้อย่างยิ่ง (แต่ถ้าต้อง 3-5 บิล ขึ้นมาก็เหนื่อยหน่อย แต่ถ้าเกิน 7 บิล ผมว่าอยู่เฉยๆก็กำไรนะ ไม่เครียดด้วย)

6.ฉลากสินค้า กล่อง แพ็คเก็จ ต้องสามารถสั่งขั้นต่ำได้นะ อ่อสินค้าก็ต้องสั่งขึ้นต่ำแบบต่ำจริงๆด้วยนะ เพราะว่าผมให้ความสำคัญกับต้นทุนกำไรและผลของการเติบโตไปด้วยกันด้วย หากคิดจะมาฟันเราล็อตแรก ผมก็สั่งนะ แต่สั่งแล้วมีเปลี่ยนแปลงไปให้เจ้าอื่นทำให้ดีกว่าอ่ะ 555 หรือหากเราสามารถผลิตได้เองจะยิ่งดีใหญ่

7.อ่อเรื่องช่องทางจัดจำหน่ายเอาง่ายเลยนะ 3 ช่องทาง กับคน 1 คน ที่จะต้องบริหารให้ได้ ง่ายๆเลย Facebook / Adwords / Instragram ถ้า 3 รูปแบบนี้ยังโฆษณาขายของไม่ได้อีก ทำใจได้เลยว่าสินค้ามาผิดทางไม่เหมาะกับออนไลน์ล่ะ

8.สำคัญคือเรื่องการตั้งราคาให้แข่งได้ทุกกลุ่มเป้าหมาย ไม่อยากไปตัดเจ้าอื่นทำให้ราคาเสียใช่ป่ะ คือให้ทำแบบนี้ไปเลย 1 สินค้า 3 ราคา 3 แบรนด์ 3 ช่องทางการตลาด 3 กลุ่มลูกค้า แต่เงินเข้ากระเป๋าเราคนเดียว Get มั๊ยครับว่าไปแตกแบรนด์มาแข่งกันเองพอ (แต่ถ้าแม่มทุกกลุ่มยังขายไม่ได้ก็อยู่เฉยๆกำไรกว่านะ 555)

9.สุดท้ายเคล็ดลับออนไลน์ล่ะกัน : ผมให้ความสำคัญกับการตลาดในการขายที่จะทำให้ลูกค้าเป้าหมายเจอและซื้อเรา สินค้าจะดีเลิศแค่ไหน ถ้าใช้โฆษณาเดือนละ 9,000 หรือวันล่ะ 300 แล้วไม่ได้ยอดอะไรเลยและไม่ทำกำไรบ้างด้วย (อยู่เฉยๆกำไรกว่านะ) ดังนั้นแล้วไปเลือกว่าจะขายช่องไหนที่เหมาะกับสินค้าเราและขายได้ ซึ่งเราจะต้องหาและรู้ให้ได้เร็วที่สุดนะครับ

พอผมได้เงื่อนไขและกฏเกณฑ์ในตอนนั้นเรียบร้อยแล้วก็เริ่มต้นทำการตลาดและขายด้วยตัวคนเดียวมาตลอดครับ ทุกวันนี้ก็มีทีมงานเพิ่มมาช่วยในการส่งของและจัดการในเรื่องต่างๆบ้างทำให้เราสามารถทำให้ธุรกิจนี้กลายๆว่าจะเป็น Passive Income อีกช่องทางหนึ่ง หลายคนถามว่าสินค้าขายดีขนาดนี้ในช่วงปีที่ผ่านมาจะไม่มีคู่แข่งมาตัดราคา หรือแย่งตลาดเพิ่มมากขึ้นเลยเหรอ ตอบได้เลยครับ ว่ามีเพิ่มขึ้นแน่นอนแต่ ผมมีทัศนคติแบบนี้และก็แก้ปัญหาไปตามความคิดผมเองว่าควรจะทำอย่างไร ผมอธิบายไว้อย่างนี้ล่ะกันครับ

เกี่ยวกับคู่แข่งที่เยอะขึ้น มันยิ่งทำให้เรารวยและเด่นยิ่งขึ้น

ปัญหาที่คนทำธุรกิจออนไลน์และทั่วไปเจอก็คือ มีคู่แข่งขันในสินค้าที่ทำกำไรเพิ่มมากขึ้นๆทุกปีและทุกปีก็มีคนล้มหายตายจาก จากธุรกิจที่แข่งขันกันเองนั้นอยู่เสมอ แต่ในความคิดผมนั้น คิดว่ามันดีมากที่เกิดคู่แข่งมากขึ้น ซึ่งจะช่วยทำให้กระตุ้นตลาดได้ดียิ่งขึ้น ทำให้คนรู้จักสินค้ามากขึ้น มีความต้องการมากขึ้น มีคนพูดถึงมากขึ้น สินค้าหรือบริการเป็นที่ยอมรับมากขึ้น และทำให้เราขึ้นเป็นเบอร์ 1 ได้ง่ายขึ้นด้วยซ้ำ หากเรามั่นใจว่า สินค้าหรือบริการที่เราทำอยู่นั้นแตกต่างกับของคู่แข่งอย่างสิ้นเชิง โดยหากเราได้วางแผนตำแหน่งของสินค้ามาแล้วตั้งแต่ต้นก็แทบจะไม่กลัวอะไรเลยว่าจะมีคนขายแข่งกับเรา
ถ้าถามผมโครตชอบเลยที่มีคู่แข่งเกิดขึ้นมาเยอะๆ ไม่ว่าจะเกิดขึ้นแล้วตัดราคา เสนอบริการอะไรที่แตกต่างจากเรา หรือแม้กระทั่งโดนด่าหรือโจมตีจากคู่แข่ง

#จากประสบการณ์ที่ผ่านมา
-ยิ่งผมมีคู่แข่งมากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้เรามีจุดแข็งมากกว่าคู่แข่งที่เปิดใหม่ (ใช้เรื่องนี้อธิบายกับลูกค้าได้เลยว่า ทำไมเราดีกว่า)
-ยิ่งมีคนโจมตีเรามากเท่าไหร่ (ยิ่งทำให้เราการันตีกับลูกค้าได้เลยว่า คนเลือกบริการเรามีเยอะมากกว่าเท่านั้น)
-ยิ่งคู่แข่งตัดราคา (เรายิ่งสร้างข้อเปรียบเทียบให้เห็นได้ชัด)
-ยิ่งมีคนเลียนแบบมากเท่าไหร่ (ออริจินอลยิ่งดีกว่าเสมอ)
-ยิ่งเกิดคู่แข่งเยอะมากเท่าไหร่ (เรายิ่งพัฒนาให้นำคู่แข่งเสมอ)

#สิ่งที่เราแก้ปัญหาคือ
1.ทำเช็คลิสต์ข้อเปรียบเทียบกับคู่แข่งให้เรียบร้อยให้ลูกค้าตัดสินใจได้เลยว่าเราดีกว่าอย่างไร
2.เปรียบเทียบให้เห็นว่าราคาถูกกว่าไม่ได้เป็นตัวตัดสินว่าคุณภาพสินค้าหรือบริการจะดีกว่าเสมอไป
3.ใจกว้างกับลูกค้าเสมอหากอยากไปซื้อกับคู่แข่ง แต่ต้องยื่นข้อเสนอทุกครั้งว่าหากคิดว่าของเราดีกว่า กลับมาหาเรานะเพราะเราให้ส่วนลดเลยหากตัดสินใจซื้อกับเรา
4.กล้าที่จะกดดันคู่แข่งด้วยช่องทางการตลาดที่มากกว่า
5.กล้าที่จะยื่นข้อเสนอพิเศษให้กับลูกค้าที่มั่นใจสินค้าของเรา
6.กล้าอย่างสุดท้ายที่ควรทำคือ "กล้าที่จะร่วมมือกับคู่แข่ง"
#ทุกอย่างอยู่ที่ทัศนคติในการแก้ปัญหา หากอยู่รอดได้แสดงว่าคุณมีทัศนคติที่ดีในการมองปัญหาเป็นโอกาส

นั่นคือสิ่งที่ผมวางแผนและก็ทำมาตลอดในปีที่ผ่านมาครับ จนทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้ซื้อ Big Bike  เลยสักที มองกลับไปว่าเก็บเงินไว้ดีกว่า น่าจะเอาเงินก้อนนี้เป็นเงินที่เอาไว้ “สอนให้ลูกลงทุน เจ็บกับการขาดทุนด้วยเงินของป๊าเค้าเอง เรียนรู้ด้วยตัวเค้าเองว่าบริหารเงินผิดแล้วเจ๊งเป็นอย่างไร เค้าจะได้มีภูมิคุ้มกันทางการเงิน”  

กลับมาที่เรื่องของเมียว่าทำไมเค้าไม่รู้และผมทำอย่างไร เริ่มเกริ่นนำก่อนนะครับว่า “ คนเราทุกคนมีความเก่งที่แตกต่างกันออกไปในแต่ล่ะด้าน “ พอดีว่าภรรยาผมเค้าเป็นคนที่สวยน่ารักมาก ชอบเรื่องที่ผู้หญิงทุกคนชอบคือการช็อปปิ้ง แต่ไม่ได้ชอบไปเที่ยวไหนมากเท่าไหร่ เป็นคนอยู่ติดบ้าน ทำอาหารโครตเก่งแถมอร่อยมาก การเลี้ยงดูลูกนี่เค้าสุดยอดเลยล่ะครับ ผมนี่วางใจได้เลยว่าเค้าจะเป็นแม่ที่ดูของลูกผมได้แน่นอน ส่วนเรื่องการดูแลผมก็ทำได้เป็นอย่างดี เตรียมอาหารทำกับข้าว ไม่มีที่ติ ที่บ้านจะมีแม่บ้านคอยดูแลบ้านและทำความสะอาดอยู่แล้วเค้าจะเป็นคนบอกและกำหนดอาหารและลงมือทำ ส่วนผมต้องไปซื้อกับข้าวให้เค้าตลอด (นี่ล่ะความฝัน Biker ล่ะว่าจะได้โอกาสซิ่งก็ตอนนี้) แต่เค้าเองจะไม่ได้เก่งเรื่องการบริหารธุรกิจหรือเรื่องการเงินเลย อย่างเรื่องตลาดหุ้นผมเคยให้เค้าลองลงทุนและศึกษาดูเรื่องตัวเลขเค้าก็ไม่เข้าใจ เรื่องการวิเคราะห์ธุรกิจว่าจะต้องทำอย่างไร นี่ก็แล้วใหญ่เลย อาจจะเป็นเพราะว่าสิ่งแวดล้อมที่โตมาแตกต่างกัน ผมทำธุรกิจมาตั้งแต่เด็กเลยชินกับเรื่องพวกนี้ แต่ภรรยาผมโตมาจากสายงานเกี่ยวกับโรงแรมเลยมีความคิดเห็นในธุรกิจที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง มีหลายครั้งที่เราทำงานร่วมกัน และก็ต้องทะเลาะกันทุกครั้งไป บางครั้งมันก็ทำให้ความสัมพันธ์มันแย่ไปเลยก็มี ผลเลยตกลงกันว่า ธุรกิจใครธุรกิจมัน บริหารกันเอง แต่ให้คำปรึกษาซึ่งกันและกันขอความเห็นร่วมกันได้ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน แต่จะไม่ลงทุนร่วมกัน เพื่อป้องกันปัญหาการทะเลาะกัน  เมื่อเราตกลงกันแล้วผมก็เลยเริ่มต้นดังที่กล่าวมาข้างต้น โดยผมไม่ได้บอกว่ายอดขายเท่าไหร่ ต่อวันนึงเงินเข้าเท่าไหร่ กำไรเท่าไหร่ โดยผมก็มีวิธีการหลบซ่อนรายได้ที่เข้ามาดังนี้ครับ

ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา

1.ลูกค้าที่ติดต่อเข้ามาส่วนใหญ่ก็ใน facebook Line หรือ โทร ซึ่งผมเองก็เล่นโซเชียลและก็มีเช็คงานผ่านเรื่องพวกนี้อยุ่แล้วทำให้เป็นเรื่องปกติที่ผมจะตอบลูกค้า ซึ่งจำนวนการตอบก็ไม่ได้เยอะมากจนน่าสงสัย แต่มีตอบทุกวัน แต่ควรบ่นเสมอว่าลูกค้าไม่เยอะ ลูกค้าน้อย คู่แข่งตัดราคา เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมให้ดูว่าขายได้แต่ไม่มาก

2.ตั้งแต่เวลาเช้าจนถึง บ่าย 3 จะเป็นเวลาทำงานของผม ส่วนภรรยาจะดูแลลูก เล่นกับลูก สอนหนังสือลูก ทำให้ผมมีเวลาเต็มที่ในการจัดการงานทุกอย่างได้เสร็จทัน อ่อผมไม่ต้องเดินทางไป office  ครับ เรื่องงานออนไลน์สามารถใช้คอมทำได้อยู่แล้ว ส่วนบริษัทอื่นๆก็มีระบบและพนักงานเข้าทำงานกันตามปกติและคอยส่งรายงานให้ตลอดเป็นรายสัปดาห์ 1 เดือนผมถึงจะเข้า กทมประมาณ 4-5 วันในการประชุมและจัดการงานทุกอย่างให้เสร็จเรียบร้อยและค่อยบินกลับบ้าน

3. ก่อนหน้านี้ผมแพ็คของส่งเอง โดยขนาดกล่องจะเป็นขนาดเดียวกันหมดทำให้ภรรยาไม่รู้ว่า ของที่ส่งยอดเยอะหรือน้อย เพราะว่าผมแพ็คของในช่วงเวลาเช้าตอนที่ภรรยาดูลูก และก็รีบเอาไปใส่รถเตรียมออกจากบ้าน เพราะว่าผมจะไปส่งของและเดินจ่ายตลาดทีเดียว เลยทำให้ต้องออกจากบ้านเกือบทุกวัน แต่เดี๋ยวนี้จะมีทีมงานคอยแพ็คคอยส่งให้แล้วครับ ผมทำตลาดในออนไลน์อย่างเดียว และส่งออร์เดอร์ให้เค้าแพ็คส่งให้

4.เวลาเงินที่เข้ามาจะมีเสียงเตือนในมือถือ ผมตั้งเสียงเตือนให้เหมือนกันหมดเหมือนกับว่าก็เป็นข้อความทั่วไปเข้ามารวมถึงเสียงโซเชียลต่างด้วย บางครั้งตั้งสั่นไปเลย เดี๋ยวลูกค้าโอนมาเค้าก็มาแจ้งเราเอง

5. โดยปกติภรรยาผมจะไม่เช็คมือถือ ไม่เช็คโซเชียลผมอยู่แล้วครับ เพราะว่าเราทำตัวให้หน้าไว้ใจตั้งแต่เริ่มคบกันตั้งแต่แรกแล้วครับ เลยไม่มีปัญหาถ้าจะซ่อนเงินไว้ในออนไลน์ หุหุ

6.ผมทำตัวจนตลอดเวลาครับเหมือนไม่มีตังค์ ประหยัดในส่ิงที่ประหยัด ฟุ่มเฟือยกับอาหารการกิน ผมบอกที่บ้านเสมอว่า เรื่องอาหารการกินนี่ต้องสมบูรณ์นะ คนจีนเค้าถือ 555

7.ผมทำตัวประหยัดให้ลูกเห็นว่าบ้านเราไม่มีตังค์มาก ปลูกฝังเค้าในเรื่องคุณค่าของเงิน ให้เค้ารับรู้ว่าป๊าม๊าเค้าหาเงินได้ยากลำบาก เค้าจะได้รู้ว่าเค้าจะต้องพึ่งตัวเองมากกว่าพึ่งคนอื่น

8.ความซวยและความอดทนเลยมาตกที่ผมครับ เพราะว่าอะไรที่อยากได้อดหมดครับ ต้องรอเทศกาลสำคัญ วันเกิดหรือปีใหม่ถึงผมถึงจะหาเรื่องซื้อแบบจัดหนัก 555 และก็ซื้อไปเซ่นเค้าด้วยนะครับ บอกว่านี่เงินเก็บที่เราตั้งใจจะซื้อเป็นของขวัญให้เค้า ปลื้มเลยสิครับทีนี้ เพราะเค้ารับรู้ว่าเราลำบากในการทำงานกว่าจะหาเงินมาได้

9.อ่อตอนที่คบกันก่อนแต่งงานผมก็ไม่ได้บอกเค้าเรื่องรายได้ผมเท่าไหร่ เค้ารับรู้เพียงแค่ว่า เราเคยประสบความสำเร็จสูงสุดและก็เคยล้มเหลวในธุรกิจเหมือนกันซึ่งก็เป็นเรื่องปกติของคนทำธุรกิจ

10.ค่าใช้จ่ายของครอบครัวผมรับผิดชอบหมด 100% ภรรยาแทบจะไม่ได้ออกอะไรเลยครับ ผมจัดการให้หมด เรื่องลูก เรื่องอาหาร ค่าโน่นนี่นั่นก็จัดการให้หมดครับ ทำให้ปีๆนึงเราคุยกันเรื่องเงินน้อยมาก เราไม่ค่อยมีประเด็นเรื่องเงินเท่าไหร่

11.เค้ามีถามมีแซวบ้างครับว่า แหม!! ขายดีจังเลยนะ ผมก็ตอบกลับไปเสมอว่า ขายดีจริงแต่ก็เอามาเป็นค่าใช้จ่ายในบ้าน ซื้อของให้ลูกหมดนั่นล่ะ ทั้งที่ความเป็นจริง นี่เหลือเพียบ (จำใจโกหก เพราะอนาคตของครอบครัว)

12. ภรรยาผมก็มีงานของเค้าในการทำแบรนด์สินค้าของตัวเอง ก็ใช้เวลาว่างในช่วงกลางคืนในการทำคอนเทนต์ขายของ ก็ดำเนินไปได้เรื่อยๆแต่ไม่แรงเท่าธุรกิจผม อาจจะเป็นเพราะว่า “เค้าทำตลาดจากความชอบในสินค้า แต่ผมทำตลาดจากสินค้าที่แก้ปัญหาให้ลูกค้าได้” เลยทำให้ยอดแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

13.ทุกวันนี้ก็ยังดำเนินไปเหมือนเดิมแต่ที่เพิ่มเติมคือเรามีเวลาได้ดูแลและอยู่กับลูกตลอด 24 ชม.เลยครับ ผมเก็บเงินออมได้เพิ่มขึ้นทุกเดือนทุกปี ผมอดได้ของที่อยากได้ต้องอดทนรอช่วงเทศกาล ผมใช้ชีวิตที่ประหยัดพอเพียงกับครอบครัวเล็กๆที่มีความสุขมากๆ กับบรรยากาศรอบบ้านที่หาไม่ได้ที่กรุงเทพ (ตื่นมาหน้าหนาวนี่เจอทะเลหมอกเลยครับ)

14.ผมตั้งใจไว้ว่าอีกสัก 5 ปีค่อยเฉลยกับภรรยาว่าที่ผ่านมาขายของออนไลน์เป็นอย่างไร ช่วงนั้นธุรกิจหรือสินค้าผมอาจจะขายไม่ดีเหมือนทุกวันนี้แล้วก็ได้ เดี๋ยวนี้จะไม่เคยประมาทเลยว่าจะขายดีแบบนี้ตลอดไป มีสติอยู่เสมอว่าธุรกิจมีขึ้นมีลง แต่ตอนนั้นครอบครัวเราก็คงจะมีเงินเก็บสบายๆมีเงินปันผลจากการลงทุนที่ผมลงทุนไปไม่ต่ำกว่า 5 ปีแล้ว และเดี๋ยวค่อยเซอร์ไพร์เค้าด้วยเงินเก็บที่จะให้เป็นของขวัญของลูกทั้งหมด เพราะในความเป็นแม่คนเป็นภรรยาของเรา ความสุขที่สุดของเค้าคงจะเป็น “ความมั่นคงในชีวิตที่จะได้เห็นลูกเติบโตไปอย่างการมีชีวิตที่มีคุณภาพ”

สุดท้ายนี้ผมก็อยากฝากสำหรับคนเริ่มต้นออนไลน์อีกรอบครับว่า เงื่อนไขที่ผมทำมาเป็นเรื่องที่หากทุกคนใส่ใจกับมันและค้นหาอย่างจริงจัง ไม่ยากหรอกครับที่จะทำให้ “งานออนไลน์ ทำรายได้มากกว่างานประจำ”

ปล.ตอนนี้ผมก็ยังอยากได้ Big Bike สักคันอยู่ดี แต่ยังหาวิธีซื้อไม่ได้เลยครับ ใครรู้ช่วยบอกที ^^

ที่มา: http://www.pantip.com/topic/34420314
ขอบคุณกระทู้จากคุณ DrD สมาชิกเว็บพันทิป (เว็บโพสท์จังได้ขออนุญาตเรียบร้อยครับ)
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
Fuckyou's profile


โพสท์โดย: Fuckyou
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
24 VOTES (4/5 จาก 6 คน)
VOTED: ซาอิ, Asuka
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
🇰🇭 “เคลมไปก็ไม่ดัง ขายกินเลยละกัน” Pich Chanai อินฟลูเขมรดังจากชุดนักรบอังกอร์ ตั้งขาย 1 ล้านดอลลาร์ จุดกระแสฮือฮาในโซเชียลญี่ปุ่นเผย "พม่าทำเหมืองแร่หายาก กระทบไทยหนัก!!"หนุ่มสุดงง! เจอหญิงวัย 60 ตามตื้อ บอกอยากมีลูกด้วยโลกออนไลน์ถล่มยับ คู่รักตาบอดตีสุนัขนำทาง แค่เพราะมันยืนขวางทางปีนเขารวมภาพเรียกรอยยิ้มประจำวันนี้ 23/09/68 วันที่มีพายุเข้าหลากหลายพื้นที่ในบ้านเรา ขอให้ปลอดภัยน๊าทุกๆคนนักท่องเที่ยวแตกตื่น พบหัวงูเหลือมยักษ์โผล่กลางน้ำ ที่เมืองจีนชวนดู “THE DARK DICE เกมทอยทะลุมิติ” ซีรีส์แนวแฟนตาซีใหม่แกะกล่องจาก GMMTVอัปเดตอาการ! “ทักษิณ ชินวัตร” ป่วยจริงหรือ? หลังลือส่ง รพ.นักโทษที่ถูกตัดสิน “จำคุกนานที่สุดในโลก”เปิดชีวิตสุดหรู "ไป่ ทาคน" เปิดสวนสัตว์บนดาดฟ้าว่าน รนกฤต น้ำตาคลอ ได้เป็นแฟน บีบี หลังเคยคิดว่าจะไม่รักใครอีกงานเข้ายัยตัวร้าย!!! "จอน จีฮยอน" ถูกแฟนๆ ชาวจีนแห่แบนอย่างหนัก เพียงเพราะเนื้อหาบางตอนจากซีรีย์ "Tempest" เท่านั้น
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
ญี่ปุ่นเผย "พม่าทำเหมืองแร่หายาก กระทบไทยหนัก!!"ชวนดู “THE DARK DICE เกมทอยทะลุมิติ” ซีรีส์แนวแฟนตาซีใหม่แกะกล่องจาก GMMTV3 โรงแรมชื่อดังในประเทศไทย ที่ถูกยกให้เป็นโรงแรมที่หรูหรามากที่สุด
กระทู้อื่นๆในบอร์ด ข่าววันนี้
มาเลเซียส่งสินค้าบุกตลาดเขมร!!! หลังแห่แบนสินค้าไทยญี่ปุ่นเผย "พม่าทำเหมืองแร่หายาก กระทบไทยหนัก!!"ชวนดู “THE DARK DICE เกมทอยทะลุมิติ” ซีรีส์แนวแฟนตาซีใหม่แกะกล่องจาก GMMTVตำรวจภูเก็ต รวบตัวนักท่องเที่ยวคลั่ง เดินllก้ผ้าบนถนน หืม!! มันน่าทุบให้หลังขาด 😅
ตั้งกระทู้ใหม่