การทดลองทางวิทยาศาสตร์ “สุดพิลึก” ที่สุดในประวัติศาสตร์ จนคุณคาดไม่ถึง
นักวิทยาศาสตร์พยายามหาคำตอบต่างๆ เกี่ยวกับชีวิตและโลกใบนี้ ผ่านทางการ ทดลอง ทางวิทยาศาสตร์ แต่หลายๆครั้งการทดลองเหล่านั้นก็ก้ำกึ่งระหว่างคำว่ามนุษยธรรม และความกรุณา ดังเช่นการทดลองสุดพิลึกเหล่านี้
ดร.วินธอร์ป เคลล็อก ต้องการพิสูจน์ว่าลูกลิงชิมแปนซี ที่ถูกเลี้ยงโดยมนุษย์จะมีพฤติกรรมแบบเดียวกับคนได้หรือไม่ เขาจึงนำชิมแปนซีมาเลี้ยงกับลูกชายของเขาเอง หลังจาก 9 เดือนผ่านไปเขาพบว่า ลิงชิมแปนซี ผ่านการทดสอบความฉลาดด้วยคะแนนที่มากกว่าลูกของเขาเอง ขณะที่เด็กชายเริ่มส่งเสียงร้องแบบลิง นั่นทำให้เข้ายุติการทดลองนี้ทันที
ดร.โรเบิร์ต ไวท์ ใช้ข้อมูลจากงานวิจัยการผ่าตัดหมา 2 หัวในรัสเซีย มาทำการ ทดลอง ผ่าตัดเปลี่ยนหัวลิง เขาประสบความสำเร็จมนเบื้องต้น ลิงที่ถูกเปลี่ยนหัวกินอาหารได้ รับความรู้สึกได้ รับรู้รส แต่หลังจากนั้น 2 วันมันก็ตาย
ในยุคปี 1400 นักเคมีที่ไร้ชื่อเสียง นามว่าพาราเซลซัส วางแผนจะสร้างมนุษย์ขนาดจิ๋วขึ้นมา โดยการนำไข่มนุษย์ที่ได้รับการผสมแล้วไปฝังไว้ในครรภ์ของม้า แต่แม้ว่าจะ ทดลอง มาตลอดชีวิตก้ไม่ประสบความสำเร็จ แต่ก็ยังมีคนนำงานของเขามาเป็นต้นแบบทดลองต่อไปเรื่อยๆ
ดร.ดันแคน แมคดูกัลป์ ผู้หมกมุ่นกับชีวิตหลังความตาย ออกแบบการ ทดลอง ชั่งน้ำหนักของวิญญาณ โดยให้คนใกล้ตายนอนบนเครื่องชั่งน้ำหนัก เพื่อที่จะดูว่าหลังจากตายไปแล้วน้ำหนักของร่างกายเปลี่ยนแปลงอย่างไร จนเขาประกาศว่า วิญยาณของคนเรามีน้ำหนัก 21 กรัม แต่สุเท้ายการทดลองนี้ก็ถูกตราหน้าว่าไม่มีความเป็นวิทยาศาสตร์และไม่น่าเชื่อถือ
การ ทดลอง ทางทางสังคมศาสตร์ของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด โดยให้นักศึกษารับหน้าที่เป็นผู้คุมและนักโทษในเรือนจำปรากฎว่านักศึกษาที่ทำหน้าที่ผู้คุม มีแนวโน้มที่จะปฏิบัติอย่างทารุณกับเพื่อนของตัวเอง หลังจากการทดลองนี้ทำให้มีการถกเถียงในอีกหลายประเด็นเกี่ยวกับอำนาจในมือที่ทำให้มมนุษย์มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนจากปกติ
จิตแพทย์ 2 คน ทดลอง นำสารเสพติด แอลเอสดี ฉีดให้แก่ช้างอายุ 14 ปี เพื่อดูผลที่มีต่อจิตใจของช้าง แต่ปรากฏว่าเจ้าช้างกลับเดินโซเซไปมา แล้วล้มลงตาย
เควิน วอร์วิก ได้ทำการปลูกถ่ายพิเศษ เพื่อวัดความดันของระบบประสาทที่แขนของตัวเอง และที่ไม่น่าเชื่อ มันได้ผล เขาสามารถควบคุมมือของหุ่นยนต์ผ่านอินเตอร์เน็ตได้ ทำให้ความหวังของยุคอวกาศน่าจะอยู่อีกไม่ไกล
นักวิทยาศาสตร์รัสเซีย ทำการ ทดลอง ช็อคโลกในปี 1959 ด้วยการปลูกถ่ายหัวของหมาอีกตัวหนึ่ง เพิ่มลงบนร่างของหมาอีกตัว กลายเป็ฯหมา 2 หัว ที่มีชีวิตอยู่จริง โดยหัวทั้ง 2 ต่างมีความรู้สึกของตัวเอง แต่มันมีอายุได้เพียง 4 วันก็ตาย แม้ว่าจะเป็นการทดลองที่ทารุณ แต่ก็ช่วยให้ความรู้เกี่ยวกับการปลูกถ่ายอวัยวะเป็นรูปเป็นนร่างมากขึ้น
การค้นพบร่างของสัตว์ดึกดำบรรพ์อยางแมมมอธ ในสภาพที่สมบูรณ์ ทำให้เกิดความคิดการโคลนนิ่งสัตว์ในตำนานนี้ขึ้น โดยการสกัดเอาดีเอ็นเอของมันออกมาจากศพ และนำพันธุกรรมที่ได้ไปปลูกฝังไว้ในครรภ์ของช้างเอเชีย แต่การทดลองนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการ
ที่มา: WittyFeed