โปลิศเมืองลุง บังคับให้หนุ่มสติไม่สมประกอบ รับสารภาพเป็น คนงัดตู้บริจาคเงิน
มีข่าวรายงานจากจังหวัดพัทลุงว่า ภาพกล้องวงจรปิดบันทึกจับภาพคนร้ายขณะขับขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้า ไม่ทราบสี และหมายเลขทะเบียน ขับวนเวียนภายในวัดเขาอ้อ ท้องที่ ม.3 ต.มะกอกเหนือ อ.ควนขนุน จ.พัทลุง และได้เข้างัดตู้บริจาคเงินภายในศาลารูปเหมือนพระเกจิ อดีตเจ้าอาวาสสายเขาอ้อ ที่วางไว้รับบริจาคจากประชาชนทั่วไป ที่เดินทางมากราบไหว้ โดยกล้องวงจรปิดจับภาพได้ขณะคนร้ายอายุประมาณ 30-35 ปี สูงราว 170 เซนติเมตร สวมหมวกกันน็อค ใส่เสื้อแจ็คเก็ต สะพายกระเป๋า ถือคีมตัดเหล็กขนาดใหญ่ ตัดกุญแจหีบรับบริจาคเงิน 2 ใบ ก่อนได้เงินสดไปกว่า 12,000 บาท เมื่อวันที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยพระลูกวัดเปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้เมื่อต้นเดือน เช่นกัน คนร้ายได้แอบเข้าไปงัดตู้บริจาคในช่วงกลางดึกแล้วหลบหนีไปอย่างลอยนวล ทางวัดจึงได้ให้ทางบริษัทมาติดตั้งกล้องวงจรปิด
จากนั้นในคืนวันที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมา กล้องสามารถบันทึกภาพขณะคนร้ายเข้าไปแอบขโมยเงินในตู้บริจาคได้ โดยขณะงัดสุนัขภายในวัดก็ไม่ได้เห่าหอน และแสดงท่าทางเหมือนจะคุ้นเคยกับคนร้าย แต่กล้องไม่สามารถจับใบหน้าได้ชัดเจน เนื่องจากคนร้ายได้แอบเดินเข้าไปปิดไฟเสียก่อน และทางวัดได้เข้าแจ้งความต่อโรงพักควนขนุน จ.พัทลุง เพื่อติดตามคนร้าย แต่คดีไม่คืบหน้าและยังไม่สามารถจับกุมผู้ต้องหารายนี้ได้ ต่อมาทางรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ได้เดินทางกราบพระรูปเหมือนอดีตเจ้าอาวาสวัดเขาอ้อ ทางเจ้าอาวาสจึงได้ร้องให้เร่งรัดและจับกุมคนร้ายโดยเร็ว และทางรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 จึงได้สั่งการให้ตำรวจ สภ.ควนขนุน เร่งดำเนินการและติดตามจับกุมโดยเร่งด่วน
และต่อมาวันที่ 27 ตุลาคม ทางชุดสืบสวน สภ.ควนขนุน นำโดย พ.ต.ท.ปัญจวิทย์ เกื้อกอบ รอง ผกก.สืบสวน ร.ต.อ.เกษม ขวัญสุด รองสารวัตสืบสวน พร้อมกำลังชุดสืบสวนกว่า 15 นาย เข้าจับกุมตัวนายวิโรจน์ เกาะทอง อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 15 ม.2 ต.มะกอกเหนือ อ.ควนขนุน จ.พัทลุง ที่บ้านพัก โดยกล่าวหาว่านายวิโรจน์ เป็นคนแอบเข้าไปขโมยตู้บริจาคเงินดังกล่าว โดยนำตัวมาสอบที่ห้องสอบสวน สภ.ควนขนุน แล้วบังคับ ข่มขู่ จะใช้กำลังข่มขืนจิตใจ เพื่อให้นายวิโรจน์ ต้องรับสารภาพ แต่เมื่อญาติรับทราบจึงได้เดินทางมาพบกับตำรวจชุดที่จับกุมว่าผู้ต้องหาที่จับมานั้นไม่น่าใช่ เพราะดูจากกล้องวงจรปิดแล้วอายุต่างกัน ลักษณะการเดินต่างกัน และนายวิโรจน์เองก็มีสติไม่ค่อยจะเต็มร้อย ซึ่งคืนเกิดเหตุนอนพักอยู่บ้านญาติและออกไปขายของในตลาดสด แต่ทางชุดจับกุมพยามยามที่จะควบคุมตัวต้องคุยกันอยู่นานกว่าจะยอมปล่อยตัวกลับ
โดยนายวิโรจน์ กล่าวว่า ตำรวจพยามยามข่มขู่และใช้กำลังบังคับให้ตนรับสารภาพ ทั้งที่ตนไม่ได้ทำ ตนจึงยอมรับ แต่โชคดีที่ญาติมาช่วยไว้ทันไม่อย่างนั้นต้องตกเป็นผู้ต้องหาอย่างไม่ผิดแน่นอน ขณะที่ญาติ ระบุว่า นายวิโรจน์ นั้นปกติเป็นคนนิสัยดี ขยันทำงาน และไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด แต่ชุดสืบสวน สภ.ควนขนุน ระบุว่า ต้องสงสัยค้ายาเสพติด ทำให้ญาติรู้สึกเสียใจต่อการกระทำและคำพูดของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำแบบนี้ เหมือนกับที่ทำกับผู้ต้องหารายอื่นที่ไม่เป็นธรรม จึงเข้าร้องต่อผู้สื่อข่าวประจำ จ.พัทลุง เพื่อขอความเป็นธรรมผ่านไปยัง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 คนใหม่ ให้ลงมาตรวจสอบพฤติกรรมตำรวจชุดสืบสวน สภ.ควนขนุน อย่างเร่งด่วน เพราะก่อนหน้านี้หลายครั้งที่ไปค้นบ้านเรือนประชาชน และแอบขโมยทรัพย์สิน สร้อยทอง และเงินสดไป และเมื่อเจ้าของบ้านทวงถาม ก็จะยัดยาเสพติดให้ จนชาวบ้านไม่กล้าเอ่ยปากพูดหรือร้องเรียนเพราะเกรงกลัวจะไม่ได้รับความปลอดภัยจากตำรวจชุดดังกล่าว