ค้นรัง 'หมอหยอง' อึ้งข้อมูลรีดเงิน จ่อหมายจับนายพล-นายพันเอี่ยว
จากกรณีการจับกุมตัวนายสุริยัน หรือหมอหยอง สุจริตพลวงศ์ นักโหราศาสตร์ พร้อมด้วยนายจิรวงศ์ หรืออาท วัฒนเทวาศิลป์เลขานุการของหมอหยอง และ พ.ต.ต.ปรากรม หรือสารวัตรเอี๊ยด วารุณประภา สว.กก.1 บก.ปอท. ข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ซึ่งขณะนี้ผู้ต้องหาทั้งหมดถูกควบคุมไว้ที่เรือนจำชั่วคราวแขวงถนนนครไชยศรี กองพันทหารราบมณฑลทหารบกที่11 ซึ่งต่อมา พ.ต.ต.ปรากรม ได้เสียชีวิต ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าวันที่ 26 ต.ค. รายงานจากชุดคลี่คลายคดีเปิดเผยว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนในคดีหมิ่นเบื้องสูงกำลังรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆที่พบในที่พักของนายสุริยัน และ พ.ต.ต.ปรากรม เพื่อตรวจสอบทรัพย์สินทั้งหมดว่ามีที่มาที่ไปอย่างไรได้มาจากการกระทำความผิดหรือไม่ ทั้งนี้จากการตรวจค้นพบทรัพย์สินมีค่าหลายรายการรวมทั้งทรัพย์สินที่มีความเกี่ยวข้องกับคดีของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผบช.ก. และพวกรวมอยู่ด้วย ทั้งนี้พบว่า ในอาคารคอนโดลาเมซองซึ่งเป็นที่พักของ พ.ต.ต.ปรากรม ปรากฏข้อมูลว่า พ.ต.ต.ปรากรม ได้ครองครอง ห้องพักในอาคารดังกล่าวถึง26 ห้อง โดยชั้นที่19 เป็นห้องใหญ่สุด ด้านในถูกแบ่งซอยแยกออกเป็น5 ห้องและยังมีห้องที่ยังไม่ได้โอนเป็นกรรมสิทธิ์ชื่อพ.ต.ต.ปรากรม อีก 4 ห้อง ในราคาห้องละ 5 แสนบาท มูลค่ารวม 2 ล้านบาท นอกจากนี้ยังพบว่าภายในห้องพบเงินสกุลต่างประเทศอาทิเงินสกุลดอลล่าห์ และเงินสกุลเยน มูลค่าหลายแสนบาท ที่สำคัญในวันตรวจค้น ยังพบวิทยุสื่อสารโมบายพร้อมเสาวิทยุ 5 ต้นอยู่ในห้อง ซึ่งเมื่อตรวจสอบพบว่ามีการผูกโยงสัญญาณไปที่อาคารสูงซึ่งเชื่อว่าเป็นพฤติกรรมในการลักลอบใช้วิทยุสื่อสาร หรืออาจจะมีการดักฟังเนื่องจากสารวัตรเอี๊ยดเป็นผู้ที่มีความชำนาญในด้านนี้
อีกทั้งยังพบว่ามีทรัพย์สินของทางราชการได้หายไปหลายรายการส่วนใหญ่เป็นรถของทางราชการ 6 คัน ประกอบด้วย รถของ บก.ทท. บก.ทล. และ บก.ป. ที่ พ.ต.ต.ปรากรม แอบอ้างนำไปใช้ส่วนตัว ประกอบด้วยรถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ทะเบียน ฆฬ 7116 กรุงเทพมหานคร และทะเบียน ฆฬ 7119 กรุงเทพมหานคร ส่วนอีก 2 คัน เป็นรถเก๋งสายตรวจโตโยต้า อัลติส ไม่ทราบทะเบียน มีนายตำรวจยศพ.ต.ท. คนหนึ่ง ในตำแหน่ง รองผกก. เป็นผู้เบิกนำรถดังกล่าวไปใช้โดยอ้างว่าเป็นคำสั่งของ นายพลใหญ่รายหนึ่ง นอกจากนี้ยังพบว่ามีวิทยุสื่อสารแบบพกพากว่า 200 เครื่อง อยู่ภายในห้อง ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าพ.ต.ต.ปรากรม เป็นผู้เบิกวิทยุสื่อสาร จากกองตำรวจสื่อสาร ตร.โดยอ้างว่านำมาใช้ในงานราชการ
นอกจากนี้ยังพบรถยนต์ ต่างๆ อาทิ เบนท์ลี่ โรลส์ลอย เบนซ์ และโตโยต้า ส่วนใหญ่จอดไว้ที่ชั้น 5 ของคอนโดฯ ส่วนพระเครื่องที่พบ 10 องค์ อยู่ในตู้เซฟ ส่วนใหญ่พบว่าเป็นพระของ พ.ต.อ.อัครวุฒิ์ หลิมรัตน์ อดีตผกก.1 บก.ป. เนื่องจากที่ด้านหลังมีตอกโค๊ทเลข 49ซึ่งเป็นเลขรุ่น นรต. ของ พ.ต.อ.อัครวุฒิ์ ที่เป็น นรต.รุ่น 49โดยมีผู้เสียหายมาชี้ยืนยันว่า เป็นพระที่ตำรวจได้ยึดมาและส่งคืนแต่ไม่รู้ว่ามาปรากฏอยู่ที่ห้องของ พ.ต.ต.ปรากรม ได้อย่างไร ในส่วนของกลางในคดีพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ และพวก อาทิ พระเครื่องชุดพระเบญจภาคีโดยพบว่ามี พระสมเด็จวัดระฆัง 2 องศ์พระสมเด็จนางพญา พระกริ่งวัดสุทัศน์เทพวราราม รวมถึงพระเครื่องมีชื่อราคาแพงหลาย รายการ ทองคำ เครื่องเพชร วัตถุโบราณ ภาพวาดพระพุทธรูป ตลอดจนทรัพย์สินมีค่าอื่นๆ เช่น กีตาร์ไฟฟ้า 3 ตัว ราคาแพงสุดเป็นยี่ห้อพอล รีด สมิธ ที่มีราคาสูงถึงกว่า 4 แสนบาท และกีตาร์อีก 2 ตัว ราคาตัวละ 6 หมื่น และ 7 หมื่นบาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วพบว่ากีตาร์ทั้ง 3 ตัว เป็นของ พล.ต.ท.พงษ์พัฒน์ที่ถูกดำเนินคดี ในความผิด มาตรา 112 เบื้องต้นได้ตรวจยึด พร้อมกับประสานทางเครือญาติของกลุ่มเครือข่าย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ มายืนยันทรัพย์สินซึ่งทั้งหมดต่างยืนยันว่าเป็นทรัพย์สิน ของอดีตผบช.ก. ที่ถูกยึด ไว้
ส่วนการตรวจค้นที่ห้องของนายสุริยันต์ที่ห้องเลขที่ 127/35 พหลโยธิน ปาร์ค ซอยพหลโยธิน 14 พบว่าห้องพักดังกล่าวแบ่งเป็นห้องนอน 2 ห้อง ภายในห้องไม่มีทรัพย์สินมีค่ามากนัก ส่วนใหญ่เป็นพระเครื่อง พระพุทธรูปสำหรับทำพิธีกรรมทรงเจ้า เพราะที่ผ่านมานายสุริยัน จะใช้ห้องพักดังกล่าวเปิดเป็นสำนักเข้าทรงอ้างตัวเองเป็นร่างทรงหลอกลวงประชาชนให้น่าเคารพนับถือ นอกจากนี้ได้ยึดเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนตัวของนายสุริยันจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า มีความพยายามลบข้อมูล ทั้งนี้ได้ส่งไปให้ผู้ เชี่ยวชาญทำการกู้ข้อมูลคืนมาทำให้เจอรายละเอียดการติดต่อกับบริษัทห้างร้าน เอกชนต่างๆ ที่มีการนำกิจกรรมไปแอบอ้าง โดยพบว่ามีการการแอบอ้างแสวงหาผลประโยชน์จาก เจ้าของบริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งเป็นจำนวนเงินกว่า 100 ล้านบาท โดยอ้างว่าจะนำไปใช้ในการจัดหาอุปกรณ์เพื่อใช้ในกิจกรรมหนึ่ง โดยมีการเตรียมจัดซื้ออุปกรณ์นำเข้ามาในราคาถูก โดยมีเจตนาเพื่อแสวงหาผลกำไรให้กับตัวเองและเครือข่าย ทั้งนี้เจ้าของบริษัทเอกชนขนาดใหญ่ได้มีการเปิดเผยเรื่องราวดังกล่าวก่อนที่ ตร. จะตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนขึ้นมาสืบหาข้อเท็จจริงในเชิงลับปรากฏว่ามีมูลความจริง จึงกลายเป็นประเด็นหนึ่งที่ทำให้นายสุริยันและเครือข่าย ถูกดำเนินคดี โดยทรัพย์สินที่ได้มาในส่วนนี้นายสุริยัน ได้ ยักย้ายถ่ายเทไปให้ญาติห่างๆ รวมทั้งซื้อทรัพย์ ลักษณะเป็นการฟอกเงิน
ขณะเดียวกันภายในคอมพิวเตอร์ที่กู้ข้อมูลมา ยังพบคลิปเสียงที่นายสุริยัน เก็บไว้เป็นเสียงของ พ.ต.ต.ปรากรม เจรจาติดต่อกับบุคคลต่างๆ ลักษณะต้องการเก็บไว้แบล็คเมล รวมอยู่ด้วย โดยส่วนใหญ่เป็นคลิปเสียงในการติดต่อแอบอ้างเพื่อไปเรียกเก็บเงินค่าดำเนินการกับผู้ประกอบการภาคเอกชนต่างๆ เป็นจำนวนหลายรายการ มูลค่าหลายล้านบาท
รายงานจากชุดคลี่คลายคดียังเปิดเผยเพิ่มเติมว่า ภายหลังการคลี่คลายคดีลุล่วงไปด้วยดี ทำให้จนถึงตอนนี้พอทราบผู้ร่วมขบวนการในวงกว้างแล้ว โดยอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน ขออำนาจศาลทหารเพื่อออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการนี้ เพิ่มอีกร่วม 20 ราย ในจำนวนนี้ เป็นข้าราชการระดับนายพล รวมอยู่ด้วย