ล้มทั้งยืน! ตาเฒ่า โชว์รวยถูกหวยเหมาทั้งร้าน แต่พอกินเสร็จกลับทำแบบนี้ แม่ค้าถึงกับพูดไม่ออก
ชายคนดังกล่าวเดินทางมาด้วยแท๊กซี่สีชมพู จำทะเบียนไม่ได้ ลงรถสั่งอาหารข้าวราดแกงทานของตัวเอง 1 จานและของคนขับแท๊กซี่ 1 จาน ก่อนประกาศให้คนในร้านและลูกค้าที่ยืนรอซื้ออาหารว่า ทานฟรีคิดเงินที่ตน ตอนแรกก็ปฏิเสธว่าไม่ได้ขายเหมา เพราะมีลูกค้าประจำทานอยู่ต้องขายเขาด้วย ชายคนดังกล่าวจึงเปลี่ยนเป็นสั่งอาหารใส่ถุงแทน 30 ถุง แล้วแจกกับคนที่มายืนรอซื้ออาหารอยู่จนหมด ก่อนประกาศให้ลูกค้าคนอื่นๆ ทานฟรีได้เลย แกเพิ่งถูกล๊อตเตอรี่มาได้เงินมา 1 แสนบาท ตนเห็นว่าชายคนดังกล่าวแต่งตัวดี น่าเชื่อถือ เพราะเมื่อสัปดาห์ก่อนเคยมาซื้อข้าวแกงแบบนี้แจกมาแล้วครั้งหนึ่ง ตอนสั่งอาหารใส่ถุง 170 ถุง ก็จ่ายค่าอาหาร แต่มาครั้งนี้ เมื่อเหมาข้าวแกง เครื่องดื่มต่างๆ เลี้ยงลูกค้าที่บางคนทั้งทานที่ร้านแล้วยังสั่งตักใส่ถุงติดมือไปด้วยก็มี จนอาหารที่เตรียมไว้จำหน่ายหมดเกลี้ยง ประกอบด้วยแกง 6 หม้อ ข้าวเปล่า 2 หม้อ รวมเป็นเงิน 4,300 บาท และค่าเครื่องดื่ม ประกอบด้วย โอเลี้ยง 16 แก้ว ราคา 240 บาท กาแฟเย็นและชานม 25 แก้ว ราคา 500 บาท รวมค่าเครื่องดื่ม 740 บาท แต่พอคิดค่าอาหาร ลมแทบจับเพราะชายคนดังกล่าวปฏิเสธไม่ยอมจ่ายค่าอาหาร อ้างว่าไม่มีเงินจ่ายขอให้เรียกตำรวจมาจับได้เลย อยากติดคุก ส่วนคนขับแท๊กซี่ที่พามาเมื่อทานข้าวเสร็จ เห็นท่าไม่ดีรีบขับรถหนีไปทันที
ด้าน ร.ต.ท.รักชนก กล่าวว่า สอบสวนชายคนดังกล่าว ซึ่งในตัวไม่พบบัตรประชาชน หรือบัตรข้าราชการใดๆ มีเพียงสมุดจดเบอร์โทรศัพท์ 1 เล่ม มือถือ 1 เครื่อง อ้างว่าเอกสารอยู่ในกระเป๋าที่ติดไปกับรถแท๊กซี่ บอกว่าตนเองชื่อ นายขวัญ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 74 ปี อดีตข้าราชการกรมราชทัณฑ์ ระดับ 8 เคยดำรงตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการเรือนจำที่ อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช พักอาศัยอยู่ที่คอนโดฯ ไอดีล เพลส เลขที่ 55/55 ซอยงามวงศ์วาน 18 แยก 3 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี ที่มาสั่งอาหารเหมาเลี้ยงลูกค้าคนอื่นๆ เพราะรู้สึกสงสารคนไม่มีกิน ตนเคยขายอาหารในตลาดที่ จ.ตรัง มาก่อนเข้าใจคนอดอยากดี
เมื่อ ร.ต.ท.หญิงรักชนก ได้สอบถามไปทางคอนโดฯ ไอดีล เพลส ทราบว่าลุงขวัญพักอาศัยอยู่จริง โดยลูกสาวซึ่งทำงานอยู่ธนาคารกรุงไทย ย่านงามวงศ์วาน เป็นผู้มาเช่าให้คุณลุงขวัญพักอาศัยในราคาเดือนละ 6 พันบาท ค่าน้ำค่าไฟต่างหาก และจะแวะมาดูแลลุงขวัญเป็นประจำ จึงขอเบอร์โทรติดต่อบุตรสาวเพื่อให้มารับผิดชอบหนี้สินค้าอาหารที่นายขวัญ ผู้เป็นพ่อมาก่อหนี้ไว้ แต่ได้รับการปฏิเสธ อ้างว่าไม่รู้เห็นอะไรด้วย อยากจะดำเนินคดีติดคุกตะรางอะไรก็เชิญ ก่อเหตุให้เป็นเรื่องได้ทุกวัน จนไม่มีปัญญาไปตามใช้หนี้ให้แล้ว ก่อนจะวางสายไปแบบรำคาญ เมื่อสอบถามแม่ค้าทั้งสองคนครั้งแรก ก็ยืนยันจะเอาผิดเอาความให้ได้หากไม่จ่ายค่าอาหารเครื่องดื่ม ที่สั่งเลี้ยงคนทั้งร้าน แต่เมื่อฟังเรื่องราวจากพนักงานสอบสวนแล้ว ต่างพากันสงสารเห็นใจ ไม่อยากเอาคนแก่มาติดคุก คิดเสียว่าวันนี้ดวงซวย ทุนก็ยังไม่ได้กำไรก็ไม่มี ก่อนตัดสินใจแค่ลงประจำวันเอาไว้ เพื่อประกาศให้ร้านอาหารอื่นๆ รู้ จะได้ไม่ให้ลุงขวัญไปก่อเหตุที่ร้านอื่นอีก พนักงานสอบสวนจึงลงประจำวัน ให้ตามความประสงค์ของเจ้าทุกข์ทั้งสอง เพราะเป็นคดียอมความกันได้ พร้อมกับอนุญาตให้ลุงขวัญกลับได้ แถมตำรวจยังให้เงินอีก 300 บาทเป็นค่าเดินทางไป..“