เบื่อโลกแล้ว!! "รปภ.ดวงเฮง" 30 ล้าน ท้อสังคมรุมสวด ลั่นยกเงินให้ลูก - ขอบวชตลอดชีวิต ??
เปิดใจ!! รปภ.ดวงเฮง 30 ล้าน ซัดอำนาจเงินทำครอบครัวดิ่งลงเหว - แทบคลั่ง!!สังคมรุมประณามยับ ยันขอลาบวช ส่วนทรัพย์สินทั้งหมดยกให้ลูก - ขณะเมียเดินหน้าฟ้องต่อขอแบ่งเงิน 10 ล้าน หวั่นเปลี่ยนแปลงพินัยกรรมให้ครอบครัวใหม่
จากกรณีหนุ่ม รปภ.ดวงเฮงถูกถูกล็อตเตอรี่ 30 ล้านบาท แต่ถูกภรรยาฟ้องศาลขอแบ่งเงิน 10 ล้าน ทั้งที่เคยลำบากมาด้วยกัน แต่พอมีเงินกลับเปลี่ยนไป ทำให้ รปภ.หนุ่มออกมาโต้ ไม่เคยคิดทอดทิ้ง แต่ยังไม่พร้อมพาลูกเมียมาอยู่ด้วย เพราะยังไม่มีที่ซุกหัวนอน กำลังสร้างบ้านยังไม่เสร็จ ถึงกับเครียดจนต้องไปพบแพทย์
ล่าสุดวันที่ 16 ต.ค. 58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายธรรมรงค์ หรือยงยุทธ แก้วสวนจิก อายุ 41 ปี บ้านเลขที่ 89 หมู่ 4 บ้านหนองบ่อ อ.หนองหาน จ.อุดรธานี รปภ.ดวงเฮง เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ไปพบแพทย์หลังมีอาการเครียด หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ แพทย์ได้ให้ยามารับประทานและกลับมาบ้าน ซึ่งวันนี้ตนรู้สึกคิดถึงลูก อยากไปหาลูกใจแทบขาด แต่ก็ไปไม่ได้เพราะเมียและญาติฝ่ายเมีย สั่งห้ามไม่ให้ไปพบ ได้แค่เปิดดูรูปถ่ายทางโทรศัพท์ที่ตนเองเคยถ่ายเก็บไว้
นอกจากนี้นายธรรมรงค์ ยังได้นำกรมธรรม์ประกันชีวิตธนาคารกรุงไทยให้ตัวเอง ในวงเงิน 3 ล้าน ส่งปีละ 5 แสนบาท ระยะเวลา 10 ปี คุ้มครองของกรมธรรม์ ซึ่งก่อนหน้านี้นายธรรมรงค์ได้เคยทำกรมธรรม์ประกันชีวิตไว้ 5 ฉบับ รวมวงเงิน 8 ล้านบาท และยกสินไหมทดแทนให้ลูกชายเพียงคนเดียวเท่านั้น โดยก่อนที่จะถูกหวยเมียเคยขอแยกทางหลายครั้ง เพราะตนเป็นคนมีหนี้สินมากรวม 1 ล้านบาท ตนได้ประครองชีวิตครอบครัวเอาไว้ จนกระทั่งมาถูกหวยได้ปลดหนี้ นึกว่าชีวิตครอบครัวจะดีขึ้น กลับกลายเป็นว่าแย่กว่าเดิม
นายธรรมรงค์ หรือยงยุทธ แก้วสวนจิก เปิดเผยว่า ส่วนที่ดิน 30 ไร่ ที่ซื้อมาในราคา 3.1 ล้าน ที่ตั้งใจตั้งแต่แรกว่าจะสร้างบ้านราคา 1.5 ล้านบาท อาศัยอยู่กับลูกเมีย และขุดบ่อเลี้ยงปลา 10 บ่อ เพื่อใช้ชีวิตอยู่แบบเศรษฐกิจพอเพียง ส่วนโฮมสเตรย์คงไม่ทำแล้ว เพราะไม่มีถนนเข้าไปได้ไม่สะดวก ทุกวันนี้ตนใช้ชีวิตเรียบง่ายโดยซื้อรถจักรยานยนต์ฮอนด้า ซีบีอาร์ 150 ราคา 84,000 บาท มาใช้โดยไม่ได้ซื้อรถยนต์ราคาเป็นล้านมาขับอย่างที่ชาวบ้านลือแต่อย่างใด
สำหรับความตั้งใจในครั้งแรก ตนได้ให้เงินเมียและแม่ยายคนละ 5 แสนบาท เพื่อไปใช้จ่ายและปลดหนี้สินที่มี อยากได้อะไรก็ซื้อ อยากซ่อมบ้านก็ซ่อมตามใจทุกอย่าง และยังฝากเงินให้ลูกอีก 2 แสนบาท พร้อมทั้งซื้อที่ดินเพื่อมาสร้างบ้านอยู่ และไปสร้างหอระฆัง ที่วัดบูรพาราม ทำบุญพร้อมกับบวชเพื่ออุทิศส่วนกุศลหาพ่อแม่ที่เสียชีวิต เสร็จแล้วจึงจะนำลูกเมียมาอยู่ด้วยกันบ้านหลังใหม่ และวางแผนจะสร้างบ้านอีกหลังให้พ่อต่าแม่ยายมาอยู่ในบริเวณเดียวกัน แต่เมื่อตนไปหาลูกกับเมีย กลับถูกแม่ยายและเมียต่อว่าไล่หนีไม่ให้มาพบลูก
หลังจากนั้นก็มาทราบข่าวว่าเมียมายื่นฟ้องศาลขอค่าเลี้ยงดูลูก 10 ล้านบาท โดยอ้างว่าตนพยายามจะทอดทิ้งลูกเมียไปมีภรรยาใหม่ ทำให้ตนเสียใจ หนำซ้ำยังถูกประชาชนทั่วประเทศถล่มด่าผ่านทางโซเชียล จนตนรู้สึกน้อยใจ เพราะสังคมไทยไม่มีความยุติธรรม จนตนคิดว่าจะบวชเพื่อให้จิตใจสงบ ปลีกวิเวก อาจจะบวชตลอดชีวิต เนื่องจากเบื่อหน่ายอำนาจของเงินทำให้ครอบครัวตนต้องเป็นแบบนี้ ทำให้ตนไปหาลูกไม่ได้ มาถึงจุดนี้ คงกลับไปคืนดีกับเมียไม่ได้แล้ว ทรัพย์สินทั้งหมดตนจะยกให้ลูกคนเดียว
ทางด้าน น.ส.เสาวนีย์ ทองวิเศษ อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 88 หมู่ 10 บ้านเดียม ต.เชียงแหว อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี เมียนายธรรมรงค์ กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ไปฟ้องศาลจนถึงวันนี้ นายธรรมรงค์สามี ยังไม่เคยติดต่อมา และไม่มาหาลูก ถ้าสามีทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินทั้งหมดให้ลูก ก็รู้สึกดีใจ แต่ตนยังยืนยันจะเดินหน้าฟ้องขอแบ่งเงิน 10 ล้านต่อ เพราะว่าถ้าอนาคต นายธรรมรงค์ หรือยงยุทธ แก้วสวนจิก มีครอบครัวใหม่ อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงพินัยกรรมให้กับครอบครัวใหม่ได้ เพราะไม่มีอะไรเป็นหลักประกันได้ มาถึงวันนี้ คงจะกลับไปคืนดีกันไม่ได้ เพราะมันมาไกลแล้ว และขอยืนยันว่า แม่ของตนและครอบครัวไม่เคยต่อว่าและขับไล่นายธรรมรงค์ออกจากบ้านตามที่ถูกกล่าวหาเลย ล่าสุดได้รับแจ้งจากทนายความว่า ศาลได้นัดไกล่เกลี่ยในวันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน
นางบุญมา ทองวิเศษ แม่น.ส.เสาวนีย์ ทองวิเศษ กล่าวว่า นายธรรมรงค์กับพี่สาว ได้มาเยี่ยมลูกเพียง 2 ครั้งเองแต่อยู่ได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง โดยครั้งล่าสุดท้ายที่มาหาลูก จึงให้หลานไปได้ซื้อตำป่ามาให้กิน เพราะเป็นอาหารโปรดของลูกเขย แต่นายธรรมรงค์รับประทานเพียงไม่กี่คำ แล้วชวนพี่สาวขอตัวกลับไปพร้อมทั้งทำสีหน้าไม่พอใจด้วย