ลูกใครป่วยมาทางนี้ !! ลูกมีน้ำมูกเขียวเหม็น เป็นหวัดเรื้อรัง อาจเป็นเพราะมีสิ่งนี้!! (รักษาก่อนสายเกินไป)
คุณหมอจตุพรเล่าประสบการณ์ เมื่อคุณพ่อคุณแม่พาหนูน้อยอายุ 2 ขวบกว่าๆ มาปรึกษา ด้วยเรื่อง เป็นหวัดเรื้อรัง ไม่หายมาเดือนกว่าๆแล้ว ลักษณะอาการ เหมือนจะเป็นไซนัสอักเสบ เพราะน้ำมูกเขียวข้น และมีกลิ่นเหม็น ทานยามาแล้ว หลายครั้งแล้ว แต่ไม่ดีขึ้น ยังคงมีน้ำมูกไหลออกมาจำนวนมาก และตลอดเวลา
พอ ซักรายละเอียด เพิ่มเติม คุณพ่อยืนยันว่า หนูน้อยมีน้ำมูกทั้งสองข้าง แต่รู้สึกเหมือนกันว่า จมูกข้างขวามีน้ำมูก มากกว่าจมูกข้างซ้าย และกลิ่นเหม็นมาก
• พอตรวจจมูก พบว่า จมูกด้านซ้าย มีน้ำมูกใสๆ เพียงเล็กน้อย จึงสามารถมองเห็นภายในจมูก ได้ไม่ยาก
• แต่จมูก ด้านขวา พบน้ำมูกข้นเขียวข้นจำนวนมาก ซึ่งต่างจากข้างซ้าย ชัดเจน จึงต้องขอความร่วมมือให้คุณพ่อ จับน้องให้นิ่ง เพราะหมอต้องดูดน้ำมูกเหล่านี้ ออกให้หมด เพื่อที่จะสามารถ ดูภายในจมูก ว่ามีอะไรผิดปกติ ซ่อนอยู่ หรือไม่
• หลังดูด น้ำมูกข้นๆออก ก็พบก้อนดำๆ ในจมูก เมื่อนำก้อนดำๆ นั้นออกมา จึงพบว่าเป็น ยางรัดผมสีดำ ที่ถูกน้ำมูกเขียวเกาะ จนเห็นเป็นก้อน (ตามรูป) เนื่องจากอยู่ในรูจมูกมานานเป็นเดือน
• การมี น้ำมูกในจมูกข้างเดียว ไม่ใช่เรื่องปกติครับ ยิ่งถ้าน้ำมูกมีลักษณะที่ติดเชื้อ คือ น้ำมูกสีเขียว, ขาวข้น หรือเหลืองข้น ยิ่งต้องระวังครับ เพราะในสภาวะปกติทั่วไป ไม่ว่าเราจะมีน้ำมูกจากสาเหตุอะไร เช่น เป็นหวัด ,ภูมิแพ้ ,ไซนัสอักเสบ , ร้องไห้ ขี้มูกโป่ง หรืออื่นๆ เราจะต้องมี น้ำมูกทั้งสองข้างเสมอ ถ้ามีน้ำมูกข้างเดียว ส่วนใหญ่ต้องมีสาเหตุที่ไม่ธรรมดา ซ่อนอยู่
• ในเด็ก ถ้ามีน้ำมูกข้างเดียว สิ่งแรกที่ต้องนึกถึง คือ เด็กเอาสิ่งของอะไรซักอย่าง ยัดใส่ในรูจมูก หรือเปล่า เพราะ เป็นสาเหตุที่พบได้ บ่อยมากที่สุด
– ส่วนสิ่งแปลกปลอมที่เด็กๆ นิยมยัดใส่จมูก คือ ลูกปัด (เม็ดพลาสติก) หรือของเล่นชิ้นเล็กๆ, เม็ดผลไม้ เช่น ถั่ว เม็ดมะขาม เม็ดละมุด เม็ดนุ่น เม็ดน้อยหน่า และแบตเตอรี่ขนาดเล็ก
– ชนิด และลักษณะรูปทรง ของสิ่งแปลกปลอมเหล่านี้ มีความสำคัญครับ
1) อย่างแรกเลยคือ ธรรมชาติของสิ่งแปลกปลอม แต่ละอย่างไม่เหมือนกัน
– ถ้าเป็นเม็ดผลไม้ เมื่ออยู่ในจมูกนานระยะหนึ่ง จะมีการอมน้ำและพองตัว ดังนั้นถ้าอยู่ในจมูกนาน ก็จะเอาออกได้ยาก
– ถ้าเป็นลูกปัด หรือของเล่นพลาสติก ไม่มีผลในเรื่องพองตัวนี้
– แบตเตอรี่ ถือเป็นเรื่องserious เพราะถ้าปล่อยไว้จะมีสารเคมี หลุดออกมาทำลายเนื้อเยื่อจมูกได้
2) อย่างที่สองคือ ถ้าทราบลักษณะของวัตถุ เช่น ลูกปัดกลม , ตัวต่อLego เป็นพลาสติกเหลี่ยมๆ , เม็ดมะขาม, ดินน้ำมัน เหล่านี้ เป็นต้น จะทำให้แพทย์ประเมิน ถึงความยาก_ง่ายในการคีบออก และจะได้เลือกใช้เครื่องมือในการคีบออกมา ได้อย่างเหมาะสม
เด็กที่นำสิ่งแปลกปลอมเหล่านี้ ใส่จมูก จะมีอาการ นำมาพบแพทย์ได้ 2แบบคือ
1) อาการแบบทันที คือ ผู้ปกครอง หรือคนใกล้ชิด เห็นตอนเด็กนำสิ่งแปลกปลอมใส่เข้าไปในจมูก หรือ เด็กอาจมาบอกเอง แต่กรณีที่เด็กมา บอกเอง จะพบได้น้อยกว่า เพราะเด็กมักจะกลัวถูกตำหนิ จึงไม่กล้าบอก และถ้าผู้ปกครองถาม เด็กบางคนก็จะปฏิเสธ ยกเว้น เด็กมีอาการเจ็บจมูกมาก จนต้องยอมบอกพ่อแม่เอง
– ถ้าเป็นกรณีแบบนี้ จะเอาออกได้ง่าย เพราะยังไม่ติดเชื้อ จมูกยังไม่บวมมาก
2) ใส่ทิ้งไว้นาน ไม่มีใครทราบเรื่อง และเด็กก็ไม่ยอมบอก สิ่งแปลกปลอมเริ่มติดเชื้อ เด็กจะเริ่มมีน้ำมูกขุ่นข้น ไหลออกมา จากจมูกข้างนั้น เพียงข้างเดียว บางคน อาจพบมีอาการเลือดกำเดาไหลข้างเดียวได้
สิ่งที่เป็นจุดสังเกต ให้สงสัยว่า มีสิ่งแปลกปลอม นอกจากเรื่องมีน้ำมูกข้างเดียว คือ
– น้ำมูกจะมีกลิ่นเหม็นมากผิดปกติ
– ไม่ตอบสนองต่อการรักษาใดๆเลย ดังนั้นจึงมักได้ประวัติว่า ได้รับการรักษาไซนัสอักเสบมาแล้ว หลายครั้ง แต่อาการไม่ดีขึ้น
สุดท้ายครับอยากฝากเตือนคุณพ่อคุณแม่ทั้งหลาย ถ้าพบว่า เด็กนำสิ่งแปลกปลอมใส่จมูก แนะนำว่า ไม่ควรพยายามเอาสิ่งแปลกปลอมออกเอง เพราะอาจทำให้สิ่งแปลกปลอม ถูกดันเข้าข้างในจมูก ลึกมาขึ้น และจะทำให้ ภายในรูจมูกบวม ซึ่งจะทำให้การรักษาของแพทย์ ทำได้ยากมากขึ้น แอดมิน ขอแนะนำให้ไปพบแพทย์ ดีกว่านะครับ