จริงดิ! บอก เว็บ ไม่ได้ล่ม แค่ช้าเท่านั้น หลังชาวเน็ตนัดรวมตัวกัน กด F5 รัวๆ เว็บ ict และอื่นๆรวมกว่า 8 เว็บ

สรุปว่าคืนนี้คืนเดียว มีเว็บไซต์ถูกโจมตีด้วย DDoS ล่มไป 7 ไซต์ คือ 1. ก.ไอซีที 2. CAT Telecom 3. กอ.รมน. 4. ทำเนียบรัฐบาล 5. สำนักปลัด ก. กลาโหม 6. TOT 7. พรรคประชาธิปัตย์

(ปล. เพิ่มเติมเป็น 8 ไซต์แล้ว คือ เว็บกองบัญชาการกองทัพไทย)

รอดูว่าพรุ่งนี้ รมต.ไอซีที จะแก้ตัวว่ายังไง

อยากที่ทราบกันเป็นอย่างดีว่าว่ามีชาวเน็ตชาวโซเซียลได้รวมตัวกันเพื่อการต่อต้านโครงการ Single Gateway ด้วยการทดสอบระบบเล็กๆ น้อยๆ จากการนั่งอยู่บ้าน แล้วกด Refresh เว็บไซต์รัฐบาลในหลายๆ เว็บไซต์ ก็ส่งผลให้เว็บไซต์รัฐบาลต่างๆ นั้นล่มเป็นที่เรียบร้อย (Traffic มหาศาลไหลเข้าไป) ซึ่งเร่มต้นตั้งแต่ตอนเย็นจนถึงเวลาค่ำ จากลำดับก็มีดังต่อไปนี้ (บางเว็บไซต์อาจจะกลับมาใช้งานได้แล้ว)

1. ICT

2. CAT

3. กอ.รมน.

4. ทำเนียบรัฐบาลไทย

5. กระทรวงการคลัง

6. TOT

7. ทอ.

แน่นอนว่านี่เป็นการทดสอบดูว่าถ้าหากว่ามีคนแห่เข้าไปใช้งานกันปริมาณมากๆ แล้วเว็บไซต์ล่มนั้น เปรียบเหมือนการที่รัฐบาลจะใช้ Single Gateway นั่นเอง โดยในตอนนี้ทางสื่อต่างๆ รวมไปถึงผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตก็ยังโหมกระหน่ำกันไม่หยุด

แต่ที่น่าสนใจก็คือทาง “น.อ.สมศักดิ์ ขาวสุวรรณ์ รองปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวว่า กรณีที่มีการนัดแนะผ่านสังคมออนไลน์ให้เข้าโจมตีเว็บไซต์กระทรวงไอซีที เพื่อต่อต้านนโยบายซิงเกิลเกตเวย์นั้น จากการตรวจสอบพบว่าเว็บไซต์กระทรวงไอซีทีไม่ได้ล่ม เพียงแต่มีปริมาณผู้ใช้งานจำนวนมาก จนทำให้การทำงานช้าลงเท่านั้น” ซึ่งนั่นแหละครับ เค้าเรียกว่าโดยโจมตีแล้วล่ม

เอาเป็นว่ายังไงคงต้องรอติดตามกันอีกทีนะครับ ว่าชาวเน็ตชาวโซเซียลจะหยุดแสดงพลังอยู่แค่ 7 เว็บไซต์นี้หรือไม่ ??? ซึ่งจะว่าไปนี่ขนาดไม่ใช่ Hacker มืออาชีพ ยังรับมือไว้ไม่ได้เลย แล้ว Single Gateway ถ้ามีจริง จะไหวได้ยังไง ???

ด้าน BBC ก็ออกข่าวถึงเหตุการณ์นี้ทันทีทันใดว่า

เว็บไซต์ นสพ.มติชนรายงานว่า ปลัดกระทรวงไอซีที น.อ.สมศักดิ์ ขาวสุวรรณ์ ออกมากล่าวว่าจากตรวจสอบแล้วพบว่าเว็บไซต์ของกระทรวงไม่ได้ล่มเพียงแต่มี ปริมาณผู้ใช้งานจำนวนมาก ทำให้การทำงานช้าลงเท่านั้น

มติชน รายงานด้วยว่า น.อ.สมศักดิ์ ยังกล่าวอีกว่า ตนขอถามกับคนที่ทำเรื่องนี้ว่าทำเพื่ออะไร กระทรวงยังไม่ได้ดำเนินการอย่างใด ทำไมไม่มาร่วมพูดคุยหารือเพื่อแก้ไขปัญหาร่วมมือกัน ดีกว่าใช้วิธีชักชวนกันทำให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ นอกจากนี้ เมื่อเว็บไซต์ล่าช้าใช้งานไม่ได้ ก็จะส่งผลเสียต่อประชาชนที่ต้องการเข้าไปดูข้อมูลข่าวสารจากกระทรวง การใช้โซเชียลปั่นกระแสจะมีแต่ทำให้สังคมสับสน