จากข้อความเพจชื่อดัง ได้โพสต์ต่อไปนี้มีข้อความว่า
คืออย่างนี้นะ ผมเห็นหลายครั้งแล้ว กับพระมหาอภิชาติ ปุณฺณจนฺโท วัดเบญฯ ผมรู้สึกคล้ายว่าท่านกำลังผลิตไฟฟ้า (สร้างกระแส) นะครับ ผมก็เป็นชาวพุทธเหมือนกันนะ ไม่ได้เป็นอิสลามหรือคริสต์หรอก แต่ผมยินดีและสนับสนุนภาพยนตร์เรื่อง อาบัติ เพราะเป็นการตีแผ่ความจริงให้ประชาชนและสังคมได้รับรู้ เพราะทุกวันนี้คนไทยชาวพุทธชอบซุกขยะไว้ใต้พรม พอเอาเรื่องจริงมาตีแผ่ให้สังคมได้รับรู้ แหม่ ? ทำเป็นรับไม่ได้ !!!
ข้อความของพระมหาอภิชาติ
ทุกท่านเคยสงสัยไหม เมื่อจะถึงวันสำคัญทางศาสนาของชาวพุทธทีไรมักจะมีหนังแนวเสียดสีพระภิกษุสามเณรออกมาฉายตลอด อาตมาสังเกตมาหลายปีแล้ว เมื่อใกล้ถึงวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาก็จะมีหนังที่จะทำร้ายจิตใจชาวพุทธออกมาฉายทุกที ยกตัวอย่างเช่น องคุลีมาร นาคปรก เป็นต้น บางเรื่องนักแสดงเด่นๆในเรื่องก็จะเป็นคนศาสนาอื่นมาแสดงด้วย เราชาวพุทธก็อดสงสัยไม่ได้ ว่าผู้กำกับหนังเหล่านั้นคิดอะไรอยู่ บางที่เราก็อดคิดไม่ได้ว่า สงสัยผู้กำกับหนังมันคงรับทุนสนับสนุนจากศาสนาอื่นให้ทำหนังเพื่อทำลายศรัทธาของพระพุทธศาสนาในเมืองไทยหรือเปล่านะ อันนี้แค่สงสัยนะ จริงไม่จริงก็ไม่อาจทราบได้
ล่าสุดตอนนี้ใกล้จะถึงประเพณีออกพรรษาแล้ว ก็มีหนังออกมาฉายอีกหนึ่งเรื่อง เป็นหนังที่มีเนื้อเรื่องเสียดสีการประพฤติผิดพระธรรมวินัยของพระภิกษุสามเณรในพระพุทธศาสนา ผู้สร้างหนังเรื่องนี้อาจจะคิดว่ามันเป็นหนังเพื่อจรรโลงพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรือง แต่พระเณรทั้งประเทศกลับสงสัยว่ามันเป็นหนังจรรโลงหรือจัญอะไรพระศาสนากันแน่ การทำผิดพระวินัยของพระเณรนั้นถ้าเอาพระวินัยของพระพุทธเจ้าไปจัดการกับความผิดของพระเณรรูปนั้นๆแล้ว ก็เป็นอันจัดการกับปัญหานั้นได้อย่างสบาย เพราะถ้ากระทำผิดหนักก็ต้องให้ลาสิกขาออกไป ถ้าผิดลองลงมาก็มีการลงโทษเบาลงมา แต่หากความผิดที่เบาทางพระวินัยนั้นไปตรงกับความผิดหนักทางโลกด้วย ก็ต้องให้ลาสิกขาออกไปรับโทษทางโลกด้วยเช่นกัน ทั้งหมดทั้งมวลก็มีอยู่แค่นี้แหละ พระเณรเขาก็ปฏิบัติลงโทษผู้กระทำผิดกันมาตั้ง ๒,๖๐๐ ปีแล้ว ก็ไม่เห็นจะมีความขัดข้องอะไรในพระวินัย อีกอย่างพระเณรเหล่านั้นก็ใช่ใครที่ไหน มีแต่ลูกหลานของชาวบ้านทั้งนั้นที่เข้ามาอาศัยพระศาสนาแล้วอดทนต่อคำสั่งสอนไม่ได้ ก็เลยฝ่าฝืนข้อบัญญัติต่างๆ
ณ เวลานี้สังคมพระพุทธศาสนากำลังสงสัยจุดประสงค์หลักของหนังเรื่อง "อาบัติ" อยู่ เพราะหนังเรื่องนี้มีพระเอกตัวแสดงนำเป็นคนนับถือศาสนาคริสต์ แต่แสดงเป็นสามเณรในศาสนาพุทธ เนื้อเรื่องหลักสามเณรรูปนี้ได้กระทำผิดศีลธรรมที่ละเมิดศีลข้อ ๓ อะไรประมาณนี้ พูดง่ายๆก็คือหนังเรื่องนี้เอาความผิดของพระเณรบางรูปบางคนมาตีความประจานออกสื่อเพื่อให้สังคมดูถูกเหยียดหยามนั่นแหละ ซึ่งมันจะไปส่งผลทางจิตวิทยาให้กับผู้ชมว่าพระเณรนั้นปฏิบัติตัวไม่ดีประพฤตินอกรีตนอกรอย อีกอย่างสังคมไทยชอบใช้ตรรกะเหมาเข่งอยู่ด้วยก็เข้าทางเลย ซึ่งเนื้อเรื่องของหนังมันอาจทำให้ศรัทธาของผู้ชมที่มีต่อพระพุทธศาสนาตกไปได้
อาตมาจึงตั้งข้อสังเกตว่า หนังเรื่องนี้เป็นหนังสยองขวัญ เป็นหนังแนวผีๆ หนังแนวเปรตๆ เป็นหนังออกแนวสาวไส้ให้กากิน แล้วมันจะเป็นไปตามที่ผู้สร้างคิดว่าเป็นหนังที่จะช่วยจรรโลงพระศาสนาให้ดีขึ้นได้ยังไง หนังที่ช่วยจรรโลงพระศาสนาได้อย่างแท้จริงต้องเป็นหนังที่มีเนื้อเรื่องแนวเรื่อง "พระพุทธเจ้า" ของช่องเวิร์คพอยท์โน่น ถึงจะมีเนื้อเรื่องเพี้ยนไปจากพระไตรปิฎกเกือบ ๑๐๐% ก็เถอะ แต่ถ้าคนดูไม่คิดมากดูด้วยความศรัทธา ก็จะส่งเสริมและจะช่วยให้ประชาชนหันมาสนใจในหลักธรรมของพระพุทธศาสนาได้มาก หนังแนวนี้แหละจะเป็นหนังที่ช่วยจรรโลงพระพุทธศาสนาได้อย่างแท้จริง ไม่ใช่หนังแนวผีๆ แนวเปรตๆ อย่างเรื่อง "อาบัติ" นี้ เพราะหนังแบบนี้ยิ่งดูยิ่งจิตตก ไม่ได้ช่วยจรรโลงอะไรเลยมีแต่เรื่องจัญอะไรก็ไม่รู้เต็มไปหมด
อาตมาก็นั่งคิดอยู่ว่า "อาบัติ" หนังผีๆ หนังเปรตๆ มันจะช่วยจรรโลงพระศาสนาได้อย่าง อีกอย่างในหัวของผู้กำกับหนังไทยเวลาทำหนังเกี่ยวกับพระเณรทีไร ทำไมชอบทำหนังแนวผีๆ แนวเปรตๆ ทุกที เรื่องที่พระเณรทำความดีทำไมไม่ทำออกมาบ้าง
ที่มาชองเพจชื่อดัง https://www.facebook.com/540672942684449/videos/910036112414795/
ล่าสุด นักวิชาการชื่อดังชี้ ออกมาโต้ เผย ถ้าตัดหนัง"อาบัติ"
ก็ต้องลบ"วินัยปิฎก"เพราะขนาด"พระสมสู่ลิง"ยังมี
นายสุรพศ ทวีศักดิ์ นักวิชาการด้านปรัชญาและศาสนา ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นอีกด้านหนึ่งว่า "ถ้าคิดว่าหนังแบบนี้ไม่เหมาะสม จะทำลายศรัทธาชาวพุทธ ก่อนอื่นต้องไปลบเนื้อหาจำนวนมากใน "วินัยปิฎก" ทิ้งเสีย เพราะเรื่องราวในวินัยปิฎกมีทั้งเรื่องพระร่วมประเวณีกับลิงตัวเมีย หรือแม้แต่ศพ
คือเรื่อง "พระมีเซ็กซ์" เป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏเป็นข่าวบ่อยๆ อยู่แล้ว คนดูข่าว ดูหนังเขามีสติปัญญาแยกแยะได้ คุณเสถียรไม่จำเป็นต้องมาคิดแทน เป็นห่วงพุทธศาสนาแทนคนอื่นๆ จนเกินไป นี่โลกยุคศตวรรษที่ 21 แล้วคุณจะปิดความจริงได้หรือ จะอยู่กันด้วยการโฆษณาชวนเชื่อภาพลักษณ์ที่สวยงามด้านเดียว โดยไม่ให้สังคมพูดถึง "ทุกด้าน" ไม่ได้แล้ว
ภาพยนตร์เรื่อง "อาบัติ" นั้น สะท้อนปัญหา "พุทธศาสนาแบบพระ" ในสังคมไทย โดยสะท้อนปัญหาต่อไปนี้คือ
1. การไม่จำแนกระหว่าง "พระ" กับ "พุทธศาสนา" ทำให้สรุปว่าหนังที่เสนอด้านมืดหรือด้านที่อ่อนแอของพระในฐานะมนุษย์ปุถุชนเท่ากับเป็นการหมิ่นพุทธศาสนา ("ด้านมืดของพระ" เท่ากับ "พุทธศาสนา"?)
2. ความจริงพุทธศาสนากินความกว้างกว่าพระมาก แต่เมื่อพูดถึงพุทธศาสนาสังคมไทยมักนึกถึงพระสงฆ์ ทั้งที่จริงพระสงฆ์คือพุทธศาสนิกกลุ่มหนึ่งเท่านั้น การไปให้ความสำคัญกับพระสงฆ์มากเกินไปทำให้สังคมไทยมองไม่เห็นพุทธศาสนาในมิติอื่นๆ มองเห็นแต่ "พุทธศาสนาแบบพระ" เท่านั้น
3. เพราะเน้น "พุทธศาสนาแบบพระ" รัฐและสังคมไทยจึงยกพระสงฆ์ให้สูงส่งวิเศษเกินความเป็นจริง คาดหวังความบริสุทธิ์ผุดผ่องของพระสงฆ์สูงเกินจริง เราเคารพกราบไหว้พระสงฆ์ผู้ทรงศีล บริจาคทำบุญกับพระสงฆ์ผู้ทรงศีล พร้อมๆกับมีหน่วยงานราชการอย่างสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.)
คอยทำหน้าที่สอดส่องดูแล "ความประพฤติของผู้ทรงศีล" ตั้งแต่ความเหมาะสม ไม่เหมาะสมในการเล่นเฟซบุ๊ก ไปจนถึงการประพฤติผิดวินัย และทำพระธรรมวินัยให้วิปริตในลักษณะต่างๆ แถมยังมีองค์กรพุทธต่างๆ ที่ตั้งขั้นมาทั้งทำหน้าที่เป็นเสมือน "ตำรวจคอยจับผิดพระ" และขณะเดียวกันก็ทำตัวเป็นองครักษ์พิทักษ์พระจากการวิพากษ์วิจารณ์ การสร้างภาพยนตร์ตีแผ่ชีวิตด้านมืดของพระ และอื่นๆ
4. คำถามคือ ทำไมรัฐและสังคมไทยจึงทุ่มเททั้งกำลังคน งบประมาณ และอื่นๆ ในการ "ดูแลความประพฤติและพิทักษ์ผู้ทรงศีล" มากขนาดนั้น ก็ในเมื่อพระท่านเป็นผู้ทรงศีล เป็นผู้นำทางจิตปัญญาและศีลธรรมของสังคม พระท่านย่อมจะมีวุฒิภาวะดูแลตัวเองได้มากกว่าฆราวาสไม่ใช่หรือ ทำไมต้องมีหน่วยงานของรัฐและองค์กรต่างๆมาดูแลพฤติกรรมพระและเป็นองครักษ์พิทักษ์พระอีกด้วย เราเคารพความเป็นผู้ใหญ่ของพระ ความมีวุฒิภาวะของพระกันบ้างหรือเปล่า
5. การกล่าวหาว่าหนัง "อาบัติ" หมิ่นพุทธศาสนา สะท้อนการขาด "ขันติธรรม (torerance)" อย่างชัดเจน เพราะไม่เคารพเสรีภาพที่สังคมจะพูดถึงหรือสะท้อน "ความจริงทุกด้าน" ของพระ ทั้งๆ ที่ตามหลักการพุทธศาสนานั้นสามารถพูดถึงด้านบวกและลบเกี่ยวกับพระอย่างเสรีมาตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนานยิ่งวินัยปิฎกยิ่งเป็นหลักฐานบันทึกด้านมืดของพระยิ่งกว่าในภาพยนตร์อย่างเทียบกันไม่ได้
นี่เราอยู่ในโลกยุคศตวรรษที่ 21 หากไม่เคารพเสรีภาพทางศาสนาหรือเสรีภาพจะพูดถึงความจริงเกี่ยวกับศาสนาได้ทั้งด้านบวกและลบก็เท่ากับเรากำลังทำให้สถาบันพระเป็นสถาบันอภิสิทธิ์ชนที่แตะไม่ได้"ว่าแต่เราเป็นใครกันล่ะ"ในเมื่อพุทธะเองยังให้เสรีภาพที่ใครจะวิจารณ์หรือพูดถึงท่านได้ทั้งด้านบวกและลบอยู่แล้ว
ทำไมคน "มีการศึกษาสมัยใหม่" ถึงไม่สามารถเข้าใจได้ว่าโครงสร้างความสัมพันธ์ระหว่างพุทธศาสนากับรัฐแบบปัจจุบัน ขัดกับ "หลักเสรีภาพทางศาสนาในกรอบรัฐประชาธิปไตยสมัยใหม่" เพราะรัฐไทยแทรกแซงขัดขวางเสรีภาพทางศาสนาผ่านกลไกอำนาจตามกฎหมายคณะสงฆ์ และอำนารัฐบาลโดยตรงได้ตลอดเวลา
และภายใต้ระบบเช่นนี้ ก็ทำให้เกิดองค์กรพุทธต่างๆ ที่สามารถกล่าวหาคนอื่นๆ ว่า "หมิ่นพุทธศาสนา" ซึ่งเป็นการละเมิดเสรีภาพทางศาสนาของคนอื่นๆ ได้ตลอดเวลา แถมยังทำให้เกิดการผลักดันให้รัฐออกกฎหมายที่ละเมิดเสรีภาพทางศาสนาได้ตลอดเวลาอีกด้วย
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
64 VOTES (4/5 จาก 16 คน)
VOTED: คุณชายบอล ลัลล้า, Daeng Chaitoep, ท่านจอมพล, Spore, Noches, willbe, นายเอือมระอา, ปุ้ม, MuuNoyTingleE, จอมยุทธอินดี้, AdamS JaideE, Ployza, อยู่อำเภอ, แย้มศรี