หว่ามก๋อ พ่นพิษหนัก 10 จว.ยังอ่วม ชุมพร-ชลบุรี ประกาศภัยพิบัติ
18 ก.ย. นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 13 กันยายน 2558-ปัจจุบัน มีจังหวัดได้รับผลกระทบจากภาวะฝนตกหนักจากอิทธิพลพายุหว่ามก๋อ จำนวน 15 จังหวัด ได้แก่ ระยอง ชลบุรี พังงา ชุมพร ตราด สระบุรี ระนอง สตูล ตาก จันทบุรี สุรินทร์ ศรีสะเกษ ตรัง ฉะเชิงเทรา และนครนายก รวม 27 อำเภอ 65 ตำบล 287 หมู่บ้าน มีจังหวัดที่ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย) จำนวน 2 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร และชลบุรี
จ.นครนายก เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่อำเภอเมืองนครนายก
จ.ชลบุรี มีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบางละมุง อำเภอสัตหีบ และอำเภอหนองใหญ่ อีกทั้งเกิดน้ำท่วมขังเส้นทางจราจร บริเวณถนนมอเตอร์เวย์สาย 7 ช่วง กม.98 และ กม.116 ส่วนถนนสาย ชบ 2081 แยก 331-บึง ตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง คอสะพานขาด ถูกน้ำกัดเซาะเป็นโพรงใต้ถนน แขวงทางหลวงชลบุรีที่ 2
จ.ระยอง เกิดน้ำท่วมขังในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองระยอง อำเภอเขาชะเมา และอำเภอบ้านฉาง รวม 8 ตำบล 45 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 500 ครัวเรือน
จ.พังงา น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอตะกั่วป่า และอำเภอกะปง
จ.ชุมพร น้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอพะโต๊ะ อำเภอหลังสวน และอำเภอสวี รวม 10 ตำบล 35 หมู่บ้าน
จ.ตราด น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่อำเภอเกาะช้าง
จ.สระบุรี น้ำป่าไหลหลากกัดเซาะถนนเชื่อมต่อหมู่บ้านยาง ตำบลดงพญาเย็น อำเภอปากช่อง จ.นครราชสีมา กับพื้นที่หมู่ 8 ตำบลมิตรภาพ อำเภอมวกเหล็ก จ.สระบุรี ส่งผลให้ถนนไม่สามารถสัญจรได้
จ.จันทบุรี น้ำท่วมขังพื้นที่การเกษตรใน 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองจันทบุรี อำเภอโป่งน้ำร้อน และอำเภอขลุง
จ.ระนอง ลมกระโชกแรง ในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองระนอง อำเภอละอุ่น และอำเภอกระบุรี ทำให้มีต้นไม้ล้มทับเสาไฟฟ้าแรงสูง ดินสไลด์ปิดทับเส้นทาง และมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ
จ.สตูล น้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอควนโดน อำเภอท่าแพ และอำเภอเมืองสตูล รวม 8 ตำบล 59 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 4,029 ครัวเรือน 7,808 คน
ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด ในพื้นที่ประสบภัย ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดมสรรพกำลังและทรัพยากรปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเต็มกำลังพร้อมเร่งระบายน้ำออกจากพื้นผิวจราจร และพื้นที่ลุ่มต่ำ อีกทั้งส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ตลอดจนซ่อมแซมสาธารณูปโภคและสิ่งสาธารณประโยชน์ให้สามารถใช้งานได้ตามปกติโดยเร็ว