รวบแท็กซี่หื่นข่มขืนไกด์สาวในม่านรูด
เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 15 ก.ย. ที่ สน.โคกคราม พ.ต.อ.กิตติเชษฐ์ ศักยภาพวิชานนท์ ผกก.สน.โคกคราม สั่งการ พ.ต.ท.จักรพงศ์ ตราบดี สว.สส.สน.โคกคราม นำกำลังจับกุม นายชาติชาย พินธุรักษ์ อายุ 36 ปี ชาว จ.อุบลราชธานี ตามหมายจับศาลอาญา เลขที่2023/2558 ลงวันที่ 15 ก.ย. 58 ในข้อหาชิงทรัพย์,ข่มขืนกระทำชำเราโดยใช้กำลังประทุษร้าย ได้บริเวณหน้าอู่รถแท็กซี่ ซ.ลาดพร้าว 48 แยก 22 ถนนลาดพร้าว แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กทม.พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือไอโฟน 4 1 เครื่อง และรถแท็กซี่ ยี่ห้อโตโยต้า สีชมพู หมายเลขทะเบียน ทส 2776 กรุงเทพมหานคร
พ.ต.อ.กิตติเชษฐ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 11 ก.ย. เวลา 12.00 น. ได้มี น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 37 ปี อาชีพไกด์พานักท่องเที่ยวชาวเกาหลีเที่ยวตามสถานบันเทิงในกรุงเทพมหานคร เข้ามาแจ้งความกับทางพนักงานสอบสวน สน.โคกคราม ว่าได้ถูกคนร้ายเป็นคนขับรถแท็กซี่ฉุดกระชากเข้าไปข่มขืนในโรงแรมม่านรูดชื่อ เลิฟเฮ้าส์ ห้องเลขที่ 109 ถนนนวลจันทร์ แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กทม.เมื่อกลางดึกของวันที่ 11 ก.ย. ที่ผ่านมา พร้อมกับขโมยโทรศัพท์หลบหนีไป
โดย น.ส.เอ โดยผู้เสียหายให้การว่า ได้เรียกแท๊กซี่คันดังกล่าวมาจากสถานบันเทิง อาร์ซีเอ เพื่อให้ไปส่งที่บ้านพักในในซอยลาดพร้าว 83 แต่ระหว่างนั้นคนร้ายได้ขับรถวนเวียน ก่อนจะพาเข้าไปยังที่โรงแรมดังกล่าวแล้วลากตนเองเข้าไปในห้องพัก ซึ่งตอนนั้นก็พยายามขัดขืนแล้ว แต่ไม่สามารถสู้แรงของคนร้ายได้เนื่องจากตนอยู่ในสภาพมึนเมา ระหว่างนั้นตนพยายามโทรศัพท์หาเพื่อนเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ก็ถูกคนร้ายเข้ามาแย่งโทรศัพท์ ก่อนจะลงมือข่มขืนตนเอง ซึ่งตอนนั้นตนก็พยายามขอร้องคนร้ายว่าตนมีประจำเดือน แต่คนร้ายก็ยังลงมือข่มขืนจนตนหมดสติ กระทั่งพนักงานของโรงแรมเดินมาปลุก จึงเข้าแจ้งความดังกล่าว
สอบสวนนายชาติชายให้การปฎิเสธว่า ในวันเกิดเหตุเวลาประมาณตี 3 พบผู้เสียหายยืนโบกรถอยู่ที่หน้าสถาบันเทิง อาร์ซีเอ ก็จะบอกว่าให้ไปส่งภายในซอยลาดพร้าว 83 เมื่อถึงที่หมายตนเองก็ได้พยายามปลุกผู้โดยสารแล้ว แต่เนื่องจากผู้โดยสารอยู่ในอาการมึนเมา จึงได้พาเข้าไปที่โรงแรม ต่อมาก็ได้อุ้มผู้โดยสารเข้าไปในห้องพัก แล้วก็ได้หยิบโทรศัพท์ของผู้เสียหายไป เนื่องจากผู้โดยสารไม่มีเงินจ่ายค่ารถ โดยตนยืนยันว่าไม่ได้ข่มขืนแต่อย่างใด
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การของผู้ต้องหา ซึ่งจะต้องผลตรวจร่างกายจากแพทย์ก่อน ว่าพบร่องรอยการถูกข่มขืนหรือไม่ อย่างไรก็ตามตอนแรกผู้ต้องหาได้เขียนบันทึกคำให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนแล้ว แต่มาปฎิเสธภายหลัง