เลิฟซีนเล่นจริง จำเป็นเหรอ?
ละครถือเป็นเนื้อหาที่ทำเงินและดึงคนดูที่สำคัญของช่องทีวีทุกช่อง ยิ่งเดี๋ยวนี้ช่องทีวีเยอะขึ้นแต่ละช่องหนีไม่พ้นต้องทำละครมาแข่งกันเพื่อดึงคนดู เมื่อการแข่งขันสูงขึ้น ผู้ผลิตเองก็ต้องคั้นเอาแต่ของดี ๆ มานำเสนอแข่งกัน เพราะถ้าขืนทำลวก ๆ คนดูก็หนีหายไปเลือกดูที่ช่องอื่น ๆ ได้
ละครที่นำเสนอออกมา มักเป็นตัวสะท้อนสภาพสังคมได้เป็นอย่างดี บางเรื่องทำเพื่อเสียดสีสังคม บางเรื่องทำเพื่อคลายเครียด เน้นความบันเทิงอย่างแท้จริง แต่ความบันเทิงไม่ได้มีแค่ความสนุก ความเศร้า สยองขวัญ เขย่าขวัญ ความน่ากลัวก็ล้วนแล้วแต่เป็นความบันเทิงได้ อยู่ที่ว่าจะเล่าเรื่องและนำเสนอออกมาในรูปแบบใด
ผมนั่งกดรีโมตดูละครช่องโน้นช่องนี้ไป แล้วกลับมานั่งคิดว่า สังคมเราสมัยนี้เป็นอย่างไรกันหนอ ละครที่ออกมาถึงได้มีแต่ละครที่เน้นแต่เรื่องชิงรักหักสวาท การถ่ายทำ การเล่าเรื่อง เน้นการเลิฟซีนที่ถึงพริกถึงขิง โดยใช้คำว่า สมจริง มาเป็นข้อกล่าวอ้าง นักแสดงที่ไม่ยอมเล่นบทเลิฟซีน กลายเป็นนักแสดงที่ไม่มีสปริต นักแสดงที่ไม่เล่นจริง ใช้มุมกล้องหลอกสายตาคนดูนั้น แสดงถึงความไม่เป็นมืออาชีพ ซึ่งตรงนี้ผมยังนั่งหาคำตอบให้ตัวเองว่าเอาอะไรมาวัดว่า ความมืออาชีพเป็นอย่างไร ต้องยอมเล่นจริงทุกอย่างเหรอ
ถ้าที่นี่เป็นต่างประเทศคงไม่แปลกใจที่มองเรื่องการเล่นเลิฟซีนเป็นเรื่องธรรมดา แต่สำหรับเมืองไทยหรือชนชาติเอเชียอีกหลายประเทศนั้น มีขอบเขตของวัฒนธรรมที่ชัดเจน มีบริบททางสังคมที่ต่างไปจากชาติตะวันตก ความจริงไม่ต้องเลียนแบบหรือเอางานของเขามาเป็นบรรทัดฐานงานของประเทศเราก็ได้
ในแง่ของความเป็นหนัง ฉายในโรงภาพยนตร์ ที่มีการจัดเรตคนดูและคัดกรองผู้ชมได้ประมาณหนึ่งนั้น ผมเข้าใจได้ว่าอาจจะต้องอาศัยความสมจริง ความเป็นธรรมชาติในการแสดง การเล่นจริงอาจมีเหตุผลมารองรับที่พอเห็นคล้อยตามได้ แต่สำหรับละครที่ออกอากาศทั่วประเทศ บ้านไหนก็เปิดดูได้ คนวัยใดก็ชมได้ ยากต่อการควบคุมและคัดกรองคนดูนั้น จำเป็นด้วยเหรอที่ต้องเล่นจริงขนาดนั้น และในการโปรโมตละครนั้น เดี๋ยวนี้การโฆษณาประชาสัมพันธ์ส่วนใหญ่ก็มักจะดึงเลิฟซีนมาเป็นจุดขาย แทนที่จะเน้นตรงจุดอื่นที่น่าสนใจของละครบ้าง ผมว่าตรงจุดนี้บางทีก็เยอะไป
หลายคนอาจจะมองว่าผมเองเป็นพวกหัวโบราณหรือเปล่า คิดมากหรือไม่ เพราะโลกสมัยนี้ไปไกลแล้ว จะมามองอะไรแบบคนหัวเก่าอยู่ได้อย่างไร ยอมรับครับว่าหัวเก่าแบบอนุรักษนิยม แต่ไม่ได้โบราณจนถ่วงความเห็นแบบโลกใหม่ เพียงแค่ไม่ได้รู้สึกถึงความจำเป็นต่อบทเหล่านี้ในละครเท่าไหร่ครับ เอาแค่พอหอมปากหอมคอ เอาให้เหมาะสมกับเนื้อเรื่องและสภาพสังคมก็พอแล้ว
ที่เขียนมาทั้งหมด ผมแค่เป็นห่วงสังคมครับ เพราะสื่อบ้านเรานำเสนอแต่ละครทำนองนี้ เน้นฉากเลิฟซีนดูดดื่ม แบบประมาณว่าต้องสื่อให้ถึงคนดูให้ได้ว่ารักกันขนาดไหน ผมว่าความอีโรติกนั้นมีได้ครับ แต่เอาให้พอดี ไม่น่าเกลียด ถ้าจะให้ดีผมว่าอยู่ในหนังน่าจะเหมาะกว่าครับ ขอพื้นที่ละครเอาไว้ให้เป็นสื่อกลางแบบดูสบาย ๆ ได้ทั้งครอบครัวดีกว่า พ่อแม่ผู้ปกครองจะได้นั่งดูกับลูก ๆ ได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกังวลกับฉากล่อแหลมเหล่านี้
ฝากไว้ให้คิดครับ แต่ถ้าผู้ผลิตละครหลาย ๆ ค่ายยังมองว่า เลิฟซีนนั้นจำเป็นสำคัญต่อเรื่อง ที่ต้องจูบจริง เล่นจริง ลูบไล้จริง ผมผู้อ่อนด้อยในศาสตร์ของงานละครก็คงไม่มีข้อโต้แย้ง แต่ในฐานะคนดูคนหนึ่งก็แค่เป็นห่วงสังคมเท่านั้นครับ