เรื่องเล่าประสบการณ์จริง!!! "กรรมจากการเป็นชู้ มีเมียน้อย"!!
เป็นเรื่องราวจากประสบการณ์ในชีวิตจริงที่ถูกถ่ายทอดผ่านทาง เฟสบุ๊ค นพดล อุ่นตา ว่าด้วยเรื่องผลกรรมของการเป็นชู้..
"แชร์ประสบการณ์จริง"
"กรรมจากการเป็นชู้ มีเมียน้อย"
เรื่องที่ท่านได้อ่านขณะนี้เป็นเรื่องจริงของผู้เขียนเอง มีอยู่ว่าตั้งแต่ผู้เขียนจำความได้ผู้เขียนไม่เคยคิดเรื่องการมีครอบครัวแต่ อย่างใดเลย ชีวิตมีแต่เรื่องเรียนกับงานแต่พอโตขึ้นก็มีแต่คนที่มีแฟน มีครอบครัวมาชอบแต่ว่าผู้เขียนไม่เคยคิดกับใครนอกลู่นอกทางเลยหลายคนก็มาคุย ดีๆ มีของมาฝาก ปรับทุกข์สารพัด ประหนึ่งว่าผู้เขียนเป็นแฟน เป็นภรรยาเยี่ยงนั้น
จนมีหลาย ครั้งที่ถูกเสียงนกการ้องทักว่า "สวยก็ไม่สวยแต่ทำไมมีแต่ผู้ชายมาชอบได้เนี่ย" น้ำเสียงนั้นสูงปรี๊ดเชียวแหละคุณผู้อ่าน แต่แรกก็มิได้สนใจแต่บ่อยเข้าก็เลยลองถามแฟนคลับทั้งหลายว่า "ทำไมถึงได้มาคุย มาชอบผู้เขียนได้นะ สวยก็ไม่สวย ปากคอเลาะร้ายอีก พูดทีเจ็บๆ คันๆ"
ได้คำตอบมาว่า
"ก็เพราะ คุยแล้ว ปรึกษาแล้วสบายใจ ที่ไหนเย็นสบายใครๆก็อยากอยู่ที่นั่น พวกผู้ชายไม่ชอบผู้หญิงจ้ำจี้จำไช ไม่ชอบผู้หญิงพูดมาก ไม่ชอบผู้หญิงขี้ระแวง ไม่ชอบผู้หญิง......ทุกอย่างแหละถ้าเป็นผู้หญิงของเขา" เออแหนะได้ฟังแล้วจะดีใจที่ผู้เขียนไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขที่ผู้ชายไม่ชอบดี ไหมหรือว่าจะเศร้าใจที่ไปเป็นข้อเปรียบเทียบให้เขา
แต่ว่าผู้ เขียนจะชี้แจงและอธิบายให้คุณแฟนคลับทั้งหลายให้ไปทำความเข้าใจกับผู้หญิง ของเขา โดยอธิบายความแตกต่างของหญิงและชายให้เขาฟัง หลายคนก็ดวงตาเห็นธรรมกลับไปลองทำ แต่หลายคนก็เอวังไป
จนวันหนึ่ง กรรมจากปางไหนอันนี้ผู้เขียนก็ไม่ทราบได้เพราะยังปฏิบัติยังไม่ถึง "เห็นหนอ" แต่มีอาจารย์ท่านบอกมาหลายคนว่าผู้เขียนมีกรรมเก่าในการผิดศีลข้อที่ 3 ไว้ ได้ยินทีแรกแทบตกเก้าอี้ก็ชาตินี้ไม่ได้คิดและทำอย่างนั้นนี่นา แต่พอกรรมนั้นมาถึงผู้เขียนก็ได้พบกับผู้ชายคนหนึ่งโดยไม่คาดคิด เจอกันครั้งแรกไม่ชอบหน้าอีตานี่เอาซะเลย เก็กซะปานนั้น หล่อก็ไม่หล่อ ตัวงี้ขาวเป็นอาตี๋มาเชียว ไม่ใช่ชายในฝันไม่ชอบ!
แต่คุณเอ๋ย บอกแล้วว่ากรรมมันมาถึงแล้วต้องถึงเวลาชดใช้แล้ว ตอนนั้นผู้เขียนอายุ 24 ปี เนื้อหอมเชียวมีแฟนคลับตั้งทีมฟุตบอลได้พร้อมตัวสำรองรวมทั้งทีมงานอีก ด้วยเอ้า แต่ว่ากรรมหนอกรรมให้ได้มารู้จักและติดต่อกับอีตาอาตี๋นี่ซะ พอคุยกันครั้งแรกถูกคอซะงั้น ก็คุยกันมาได้พอสมควรจากนั้นก็เป็นแฟนกันแล้วก็แต่งงาน แต่ค่ะแต่บอกแล้วไงคะว่ากรรมที่ต้องใช้เค้า
หลังจาก แต่งงานได้ 1 เดือน ผู้เขียนก็ท้องเป็นอันช็อคซีนีม่าค่ะ งานกำลังรุ่งต้องคุมคนงานก่อสร้างตั้ง 50 กว่าคน ไหนจะบริหารงานขาย การตลาดอีก ธนาคารอีก ลูกค้าอีก อกจะแตกตายค่ะ แต่ว่าหญิงเหล็กซะอย่างก็ลุยงานต่อได้ 5 เดือนก็ต้องลาออกเพราะว่าครรภ์มีภาวะเสี่ยง มาอยู่บ้านเป็นแม่บ้านและสะใภ้ที่ดีมากคนหนึ่ง อันนี้มีคนรอบข้างเขาพูดนะคะ สามีรักดีค่ะก่อนออกบ้านก็หอมแก้ม เย็นมาก็ซื้อของอร่อยมาให้ บำรุงอย่างดีแต่ความสุขมักจะอยู่ไม่นานหรอกนะคะคุณผู้อ่าน
โปรดระลึก รู้ไว้นะคะ ประมาณเดือนสุดท้ายที่จะคลอดคุณสามีมีอาการเปลี่ยนไป จะว่าแพ้ท้องแทนภรรยารึ ก็คงไม่ใช่แล้วเพราะว่าอีกเดือนเดียวก็จะคลอดแล้ว สามีเริ่มหายค่ะ ติดงานบ้าง ติดประชุมบ้าง ติดสังสรรค์ลูกค้าบ้าง ติด..ติด..ไม่รู้มีติดอาทิตย์ละ 2 วันประจำ ไม่เป็นไรคิดว่าคงเร่งทำเงินให้คุณลูกตอนคลอดเพราะต้องใช้เงินประมาณ 6 หมื่นตอนคลอด แต่พอลูกคลอดได้แค่ 1 อาทิตย์คุณสามีก็เป็นหนักเลยกลับดึกมาก จนสุดท้ายประมาณ 1 เดือน ผู้เขียนก็มารู้ว่าเขาไปติดผู้หญิง เป็นหนักด้วยก็เลยถามเขาว่า "คุณจะไปหรือให้ฉันไป" ดูสิไม่ผู้อะไรเข้าสิง ไม่รู้จริงๆ ตอนนั้น กล้าหาญชาญชัยไม่ง้อไม่ยื้อซะงั้น
คุณสามีตอบ ว่า "ขอเวลาเขาจะเคลียร์จัดสรรให้ลงตัว" ดูสิแสดงว่าไม่ยอมเลือกใครแน่นอน ผู้เขียนก็เลยหอบลูก พ่อ แม่ และตัวเองออกจากบ้านกลับบ้านนอกทันที แปลกนะไม่มีน้ำตาสักหยด ไม่เสียใจเลยแม้แต่น้อยจนทุกวันนี้ก็ผ่านมา 3 ปีแล้วก็ไม่รู้สึกเสียใจเลย
แต่ช่วงแรก รู้สึกโกรธที่เขาไม่มีความซื่อสัตย์ ไม่เป็นลูกผู้ชาย คิดจะแก้แค้นนะเอาให้ตายไปข้างเลย มันเป็นความรู้สึกที่ประหลาดผู้เขียนไม่เสียใจที่เดินจากมา แต่รู้สึกโกรธและแค้นเหมือนถูกหักหลัง แต่ว่ากรรมดีก็คงยังพอมีบ้างทำให้ไม่ทำอะไรที่รุนแรงลงไป แต่กลับซื้อของอย่างดีมาทำกับข้าวสุดฝีมือ เป็นของที่อดีตสามีชอบทั้งนั้น รวมทั้งดอกไม้ธูปเทียน สังฆทานพร้อม ไปวัดค่ะคุณผู้อ่าน
ไปบอกกับ ท่านพระครูซึ่งท่านรู้จักครอบครัวเราดี บอกท่านว่า "ขอถวายอาหารและของทุกอย่างนี้ให้กับอดีตสามี ขอให้เราจบกันแค่นี้อย่าได้มีอะไรติดค้างกันอีก และขออโหสิกรรมต่อกัน" จากนั้นก็กรวดน้ำคว้ำขันและถวายของทุกอย่างให้วัดหมด ขอทุกอย่างนี้หมายถึงปิ่นโต ขัน ไม่เอาอะไรติดมาเลย
จากนั้นผู้ เขียนก็มาใช้ชีวิตของตนเอง มันรู้สึกสบายใจความโกรธความแค้นมันหายไปแต่ว่าก็ไม่ได้หายไปนะขณะนั้นหรอก นะแต่ก็ไม่นานนัก จากนั้นอดีตสามีก็ติดต่อไปที่แม่แล้วขอส่งเสียเลี้ยงดูลูกหลังจากที่หายไป เกือบปี
เออแหนะแปลกจัง แล้วเขาก็พยายามถามเรื่องของผู้เขียนกับเพื่อนๆ และล่าสุดเขาก็โทรมาหาผู้เขียน เขาตกใจที่ผู้เขียนคุยดี ไม่ด่าอย่างที่เขาคิด อึ้งสิคะไม่คิดว่าอดีตภรรยาจะใจดีขนาดนี้ เขาบอกคนอื่นๆว่า เขารักผู้เขียนมาก แต่เขาก็ไม่คิดจะกลับมาคืนดีเพราะรู้ว่าผู้เขียนเองก็ไม่คิดกลับเช่นกัน
ตอนนี้ก็คุยเป็น เพื่อนกันไปซะแล้ว มีผู้รู้หลายท่านได้แจ้งว่าเพราะผู้เขียนไปทำเขาไว้ในอดีตชาติ ไม่รู้ชาติไหนเพราะผู้รู้ท่านไม่ได้บอกและก็ไม่คิดถามด้วย ผู้เขียนกับอดีตสามีเป็นเขาเรียกว่า "คู่ทุกข์ คู่กรรม" เขาเป็นเจ้ากรรมของผู้เขียนตอนนี้ผู้เขียนก็ได้ชดใช้กรรมให้เขาหมดแล้ว แต่ว่าจะต้องรักษาศีลข้อ 3 ไว้ให้มั่นชาตินี้ห้ามผิดอีกเพราะกรรมเก่าที่เล็กน้อยแต่ว่ายังส่งผลอยู่ นั้นมันติดตัวอยู่ จนต่อไปข้างหน้านี้ผู้เขียนจะต้องได้พบกับคู่บุญอันนี้ผู้รู้ท่านบอกว่าเป็น คู่แท้
แต่ค่ะแต่ผู้เขียนไม่อยากจะต่อเวรกรรมกับ ใครอีกแล้ว ไม่อยากเกิดไม่อยากเวียนว่ายอีกแล้ว ก็เลยต้องหมั่นทำบุญและปฏิบัติเพื่อให้หลุดพ้น เอาเป็นว่าถ้าได้พบคู่บุญจะมาเล่าให้ฟังอีกนะคะว่าเพราะทำกรรมดีอะไรไว้ถึง ได้มาเป็นคู่บุญกัน ดูเอาเถิดคุณผู้อ่านนี้กรรมจากชาติปางไหนก็ไม่รู้ยังมาตามมาสนองในชาตินี้ ได้ แล้วกรรมที่ทำในชาตินี้จะเลือกทำกรรมดีหรือไม่ก็คิดเอาละกันนะคะ