แม่ใจแทบขาด ญาติอุ้มศพลูกตัวเองขึ้นโรงพัก ร้องหมอทำคลอดตาย แต่รู้สาเหตุเท่านั้น…
(31 ส.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น. นายอรุณ ใหญ่วงษ์ ผู้ใหญ่บ้าน บ้านโคกสีแก้ว ต.หายโศก อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี พร้อมญาติ 10 คน อุ้มศพทารกเพศหญิงแรกเกิด มาแจ้งว่า แพทย์โรงพยาบาลบ้านผือ ทำคลอดให้ น.ส.ทาริกา อายุ 22 ปี แต่ทารกตายระหว่างทำคลอด จึงอยากทราบสาเหตุว่าทำไมแพทย์ถึงได้ปล่อยให้ทารกตาย เหตุเกิดเวลา 02.00 น. วันที่ 31 สิงหาคม
นายอรุณ ให้การว่า น.ส.ทาริกา ซึ่งเป็นหลานสาว เพิ่งตั้งครรภ์ลูกคนแรก ส่วนสามีเดินทางไปทำงานประเทศไต้หวัน แต่ได้ไปฝากครรภ์พิเศษที่คลินิกแห่งหนึ่งของ นพ.รัชนัย และได้ไปพบหมอตามนัดเป็นประจำ
ต่อมาหมอได้อัลตราซาวด์ดูทารกในครรภ์ แจ้งว่าทารกเป็นเพศหญิง แข็งแรงดี แต่ตัวใหญ่ หลานสาวก็ไม่ได้ถามหมอว่าจะให้คลอดธรรมชาติ หรือผ่าคลอด เพราะได้ฝากพิเศษกับหมอแล้ว หมอคงจะพิจารณาทำคลอดให้เอง และคงจะมีความปลอดภัยสูง
จากนั้นช่วงบ่ายวันที่ 30 สิงหาคม น.ส.ทาริกา ได้เจ็บท้องคลอดลูก ญาติจึงได้นำตัวส่งโรงพยาบาลบ้านผือ และเข้าไปในห้องเตรียมคลอด ซึ่งแพทย์เวร และพยาบาลได้โทรศัพท์แจ้ง นพ.รัชนัย ว่ามีคนไข้ฝากพิเศษกับหมอมาคลอดที่โรงพยาบาล แต่หมอไม่ได้มาทันที รออยู่นานกว่าหมอจะเดินทางมา
กระทั่งเวลา 02.00 น. ของวันที่ 31 สิงหาคม น.ส.ทาริกา ได้เข้าห้องคลอด แต่เพราะทารกมีขนาดใหญ่ แพทย์ได้ใช้เครื่องดูดช่วยคลอด จนศีรษะเด็กโผล่ออกมา แต่เพราะทารกตัวใหญ่ ไหล่และลำตัวติด ไม่สามารถออกมาได้ จนในที่สุดเด็กก็เสียชีวิตขณะทำคลอด
ต่อมาแพทย์ได้แจ้งญาติที่รออยู่หน้าห้องคลอดว่า ทารกน้ำหนัก 4,300 กรัม แต่เสียชีวิต เพราะคลอดออกมาไม่ได้ จึงต้องตัดสินใจเลือกเอาชีวิตแม่ไว้ และส่ง น.ส.ทาริกา ไปรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี ส่วนศพทารกได้ให้ญาตินำไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณี แต่ญาติติดใจในการเสียชีวิตของทารก
จึงได้ปรึกษา น.ส.ทาริกา มาแจ้งตำรวจเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต ในระหว่างทำคลอด หรือเสียชีวิตในครรภ์ และ อยากถามว่าเมื่อคนไข้ฝากพิเศษกับหมอแล้ว ทำไมจึงไม่ใส่ใจ และเมื่อรู้ว่าทารกตัวใหญ่ทำไมไม่ผ่าคลอด เพื่อให้แม่และลูกรอดปลอดภัยด้วยกัน
ด้านพ.ต.ท.องอาจ ปลัดขวา พงส.สภ.บ้านผือ โทรศัพท์ติดต่อ นพ.รัชนัย มาไกล่เกลี่ยและทำความเข้าใจกับญาติ ถึงสาเหตุที่เกิดขึ้น แต่ไม่สามารถติดต่อได้ และปิดคลินิก จึงได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน พร้อมกับส่งศพทารกส่งไปแผนกนิติเวชโรงพยาบาลศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น เพื่อพิสูจน์หาสาเหตุการเสียชีวิตต่อไป