สัตว์ตระกูลแมวที่น่ารักปนน่ากลัว 9ชนิด จัดอันดับตามความเข้าใจของผม

ในกระทู้นี้ จะเลือกเจ้าพวกแมวเล็ก ตระกูล Feline มากล่าวถึงนะครับ ดังนั้นจะไม่มีข้อมูลของเสือดาวหรือสิงโตในนี้นะครับ พวกนั้น Pantherinae
อันดับ 9 Felis silvestris
บรรพบุรุษของแมวบ้าน แบ่งออกเป็น 3 ซับสปีชีส์

ยินดีต้อนรับ แมวป่า(Felis silvestris) นักล่าสุดแกร่งตัวนี้ คือบรรพบุรุษ ของบรรดาแมวที่เลี้ยงกันทั่วไป
และยังมีความสามารถ ในการล่าเหยื่อที่น่าสะพึงกลัว



แมวป่า เป็นสัตว์ที่มีสปีชีส์ย่อยมากที่สุดตัวหนึ่งในอาณาจักรสัตว์ คือมีตั้ง 40 ซัปสปีชีส์
ซึ่งแมวที่เราๆ ท่านๆเลี้ยงกันนี้ ก็จัดว่าอยู่ใน 40 ซับสปีชีส์ที่ว่านี้ด้วย
มันเป็นญาติใกล้ชิดกับ...ระต่าย และเป็นนักล่าที่ทั้งเท่และน่ากลัว

พวกมันมีขนาดที่ใหญ่กว่าแมวบ้านโดยส่วนใหญ่ และทรงพลังกว่ามาก
แต่บางครั้ง คนก็เอาพวกมันมาเลี้ยง เพื่อสยบและสังหารหนู

แมวป่าซับสปีชีส์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด อาจยาวได้ถึง 91 เซนติเมตร และหนักได้ถึง 7 กิโลกรัม
แต่ขนาดปกติจะเล็กกว่ามาก

พวกมันเป็นสัตว์ที่มีสังคมขนาดใหญ่ ล่าเหยื่อได้หลากหลาย
โดยทั้งนี้ พวกสามารถล่าเหยื่อได้ตั้งแต่หนูจดกวางขนาดเล็ก
รู้จักการทำงานเป็นทีม และเป็นนักปีนชั้นเยี่ยม
8.Jungle Cat - Felis chaus

เพิ่มขนาดและความน่ากลัวขึ้นไป กับแมวป่าที่ใหญ่อันดับสองในไทย เจ้าของสมญานาม...ระต่าย
โตเต็มวัยหนักได้ 3-12 กิโลกรัม พบกระจายได้ตั้งแต่ภาคกลางของไทย ภาคตะวันตก จดอินเดีย พม่า และตะวันออกกลางบางส่วน
เป็นสัตว์ที่ปินต้นไม้เก่ง ล่า ได้ตั้งแต่ กบ หนู นก จงไปถึงลูกหมูป่า
ลูกแรกเกินอาจหนักเพียง 160 กรัม เท่านั้น สัตว์ ที่ทำให้พวกมันต้องกลัวก็คือเสือโคร่ง หมี และหมาป่า





7.serval
เพิ่มขนาดและความน่ากลัว กับแมวที่ปะทะกับแบล็กแมมบ้าได้ เซอร์วัล
นักฆ่าจอมโหดแห่งแอฟริกา ขึ้นชื่อเรื่องความว่องใวและทักษะการโดดที่เป็นเลิศ
เซอร์วัลเจอได้ทั้งที่ซาวันน่าถุงในป่าลึก ละรูปแบบลวดลายก็จะเปลื่ยนไป ขนาดตอนแรกเกิดอาจแค่ 300
กรัม แต่ตัวโตเต็มที่อาจหนักได้ถึง 18 กิโลกรัม มีใบหูขนาดใหญ่ ที่เป็นเอกลักษ์นของสายพันธ์ สามารถสังเกติได้ในระยะใกล
เซอร์วัลสามารถฆ่าเหยื่อขนาดใหญ่เช่นนกฟลามิงโกได้ในพริบตาเดียว  บวกความสามารถในการเพิ่มสปีดในเวลาอันสั้น แม้แต่สุนัขก็ยังไม่อยากยุ่งถ้าไม่ใช่พีนธ์ใหญ่

6.เสือไฟ Asian Golden Cat
ด้วยขนาดตัว 12-16 กิโลกรัม มันจึงถือเป็นแมวป่าที่ใหญ่ที่สุดในไทย นักล่าทรงพลังที่ฆ่าสัตว์ใหญ่กว่าตนเองอย่างลูกควายและกวางป่า
พวกมันอาจมีความยาวหัวถึงหางเกินเมตร สีปกติจะเป็นสีแดงหรือน้ำตาลทอง มันเป็นพ่อแม่ที่มีความรักและห่วงใยลูกสูงมาก
พบได้ในไทย ทิเบต เนปาล จีนใต้ เคยมีการพบอยู่บนที่สูง 3000 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล

5.ocelot
แมวผู้น่ำทึ่งแตกตัวต่อไป ยิ่งร้ายกาจกว่าเดิม จอมโหดแห่งอเมริกาใต้ ผู้ทั้งงดงามและโหดเหี้ยม
พบที่ตอนใต้ของสหัรัฐ และอเมริกากลาง รวมถึงป่าอะเมซอน มันยาวได้ถึง 1.5 เมตร และมีรายงานการพบขนาดตัวหนักกว่า 18
กิโลกรัม นั่นแปลว่ามันใหญ่พอจะเป็นอันตรายต่อมนุษย์เข้าแล้ว! มันฆ่าได้ทั้งกวาง เต่าบก อาร์มาดิลโล
แถมว่ายน้ำเก่งเป็นเลิศ
4.caracal


เอาจริงๆ โดยรวมๆ ด้อยกว่า ocelot นะ แต่นักซุ่มเก่งกว่า เคยฆ่านกกระจอกเทศหนัก 100 kg ได้ เพราะรอให้นกนั่ง แล้วกระโจนเข้ากัดที่คอ
(คอนกกระจอกเทษยิงผอมๆ)
หนัก 8-18 kg ปะทะกับอินทรีมาเทเรียบ่อยๆ
3.Eurasian Lynx - Lynx lynx

ราชันย์แห่งแมวในยุโรป ผู้ฆ่าหมูป่าและกวางแดงตัวโตเต็มวัยที่หนักกว่า 100 กิโลกรัม
มันหนัก 15-30 กิโลกรัมในเคสทั่วไป แต่ที่ไซบีเรียมีรายงานถึงแมวสายพันธ์นี้ที่หนักร่วม 45
กิโลกรัม มันเป็นนักล่าทรงพลังที่มีการลากซากเหยื่อขึ้นไปบนต้นไม้สูงก่อนจะกิน
ขนาดตัวของมันสามารถต่อกรหมาป่า ฆ่าพิตบูลได้ในบางการต่อสู้ด้วยซ้ำ
2.cheetah

เสือชีตาห์ (อังกฤษ: Cheetah) เป็นสัตว์ตระกูลแมวเล็กชนิดหนึ่ง เนื่องไม่สามารถส่งเสียงคำรามได้ แต่จากรูปร่างภายนอกที่มีขนาดใหญ่ ทำให้นิยมเรียกกันว่า เสือชีตาห์ เสือชีตาห์มีที่อยู่อาศัยในทุ่งหญ้าสะวันนา เป็นสัตว์ที่วิ่งได้เร็วมากวิ่งได้เร็วประมาณ 110-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จัดเป็นสัตว์บกที่วิ่งเร็วที่สุดในโลก[2] เป็นผลมาจากความสามารถในการโค้งงอของกระดูกสันหลังในการเคลื่อนที่และเมื่อพุ่งตัวกระดูกสันหลังจะเหยียดออก ปัจจุบันเสือชีตาห์ลดจำนวนลงในทวีปเอเชียเหลืออยู่แค่ในอิหร่านไม่เกิน80-100 ตัว ส่วนในแอฟริกาประมาณการว่าเหลืออยู่ราว9000-1200 ตัวเท่านั้น
ชีตาห์ขนาดใหญ่อาจหนักได้มากกว่า 70 กิโลกรัม และถ้ารวมตัวกันได้ 3 ตัว ก็ชนะได้แม้แต่เสือดาว


เสือชีตาห์ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Acinonyx jubatus และจัดเป็นสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์เดียวเท่านั้นที่อยู่ในสกุล Acinonyx ที่ยังสืบเผ่าพันธุ์จนถึงปัจจุบัน เนื่องจากเสือชีตาห์ชนิดอื่น ๆ นั้นได้สูญพันธุ์ไปหมดในยุคน้ำแข็งสุดท้าย จึงทำให้สายพันธุ์กรรมของเสือชีตาห์ทั้งหมดในปัจจุบันใกล้ชิดกันมาก


คำว่า "ชีตาห์" มาจากภาษาสันสกฤต คำว่า citrakāyaḥ หมายถึง "ความแตกต่าง" และจากภาษาฮินดีคำว่า 'चीता' (ซิตา[5]) ขณะที่ในภาษาสวาฮิลีเรียกเสือชีตาห์ว่า "ดูม่า" (Duma[6])

ในขณะที่ชื่อวิทยาศาสตร์ Acinonyx มีความหมายว่า "ไม่สามารถขยับเล็บ" ในภาษากรีก และคำว่า jubatus หมายถึง "หงอน" หรือ "เครา" ในภาษาละติน อันหมายถึงขนที่ฟูของลูกเสือ[7]

ลักษณะทั่วไป[แก้]
เป็นเสือรูปร่างเพรียว ขนาดเล็กกว่าเสือดาวเล็กน้อย(80-140 ปอนด์ สำหรับน้ำหนักตัว) ขาขาว ขนหยาบ สีเขียวอ่อนอ่อน จนถึงสีเขียวอมแดง ตามลำตัวมีลายจุดเป็นสีดำ ปลายหางหนึ่งในสามมีวงแหวนสีดำ ปลายสุดสีขาว มีเส้นสีดำจากใต้หัวตามาที่มุมปากทั้งสองข้าง หูเล็กกลม ขนท้ายทอยยาวและตั้งขึ้นเป็นแผง คอสั้น สายพันธุ์ที่มาจากโรเซียมีดวงตามตัวติดกันเป็นแถบสีดำยาวเรียก "King cheetah" หรือ "ชีตาห์ราชา"

ชีต้าหดซ่อนเล็บไว้ในอุ้งเล็บไม่ได้ นอกจากตอนอายุน้อยไม่เกิน 15 สัปดาห์ เนื่องจากช่วงนี้ หนังหุ้มเจริญตัวดีมาก หลังจากนั้น หนังหุ้มจะหดหายไป เป็นเสือวิ่งเร็วที่สุดในช่วงสั้น อุ้งเท้าเล็บแคบกว่าเสือชนิดอื่น

ถิ่นกำเนิด[แก้]
เสือชีตาห์พบในทวีปแอฟริกาตั้งแต่ตอนใต้ของทะเลทรายซาฮารา บริเวณทุ่งหญ้าในตะวันออก และตอนใต้ของแอฟริกา นอกจากนี้ยังพบในอินเดีย บางส่วนของอิหร่านและอัฟกานิสถาน


อาศัยอยู่ตามลำพัง ตัวผู้ที่เป็นพี่น้องกันจะรวมกลุ่มกันอยู่ และมีอาณาเขตร่วมกัน ชีตาห์เป็นสัตว์ที่วิ่งได้เร็วที่สุดในโลก สามารถทำความเร็วเกิน 70 ไมล์ต่อชั่วโมง แต่มันจะวิ่งได้ไม่เกิน 400 เมตรเท่านั้น อาหารของมัน ได้แก่ กวางขนาดเล็ก เสือชีตาห์สามารถฝึกให้เชื่องได้ง่าย ในสมัยโบราณมักถูกนำมาฝึกให้ล่าสัตว์ ชอบอาศัยอยู่ในทุ่งหญ้าแห้งแล้ง ปีนต้นไม้ไม่เก่ง แต่กระโดดได้สูงถึง 4.5 เมตร ใช้การถ่ายปัสสาวะเป็นเครื่องกำหนดอาณาเขตของมัน ชอบล่าเหยื่อเป็นกลุ่มเล็ก ๆ โดยซ่อนตัวบนที่สูงกว่าเหยื่อ เมื่อพบเหยื่อจะหมอบคลานเข้าไปหาและจะอยู่ใต้ลม พอเข้าใกล้เหยื่อ จะใช้เท้าหน้าตะบบให้เหยื่อล้มลงแล้วกัดที่คอ ชอบกินเลือดสด ๆ และเครื่องใน มีตับ ไต หัวใจ และจมูก ลิ้น ตา เนื้อที่หัวซี่โครงและขา นอกนั้นไม่ค่อยกิน มันไม่ลากซากไปกินและไม่หวนกลับมากินซากเดิมอีก ซากเน่าปกติไม่กิน นอกจากหิวจัดจริง ๆ


ปกติเหยื่อขนาดปานกลาง เช่น แอนติโลป พวกกาเซลล์อิมพาล่า วิดเดอบีส์ แต่เหยื่อขนาดใหญ่ เช่น ม้าลาย  นกกระจอกเทศ ก็ล่าได้ มีรายงานการรวมฝูงฆ่าลูกยีราฟด้วยซ้ำ นอกจากนี้ก็ล่า พวกกระต่ายป่า สัตว์แทะ นก รวมทั้งแพะ แกะด้วย กินทั้งหนังและขนของเหยื่อ อาหารแร่ธาตุและไวตามินส์เป็นสิ่งสำคัญของเสือชนิดนี้
ใช้การฆ่าด้วยการกัดและกรงเล็บคมเล่นงานที่ลำคอ

การสืบสายพันธุ์
ท้องนาน 90 – 95 วัน ตกลูกครั้งละ 1 – 8 ตัว ลูกลืมตาได้เมื่ออายุ 8 – 11 วัน ตามองเห็นเมื่ออายุ 20 วัน กินอาหารแข็งได้เมื่ออายุ 3 สัปดาห์ไปแล้ว และหย่านมเมื่อ อายุ 10 สัปดาห์ไปแล้ว ลูกมักจะตายมากในช่วง 8 เดือนแรก ตัวเมียเป็นสาวผสมพันธุ์ได้เมื่ออายุประมาณ 2 ปี ศัตรูของลูกเสือชีตาห์ คือ สิงโต เสือดาว ไฮยีน่า และหมาป่า ด้วยความเร็วที่สุดยอด ชีตาห์ตัวโตเต็มวัย มีศัตรูตามธรรมชาติน้อยมากๆ

การเลี้ยงเสือชีตาห์มีผู้แนะนำให้แยกตัวผู้และตัวเมียไว้ต่างหาก ให้นำมารวมกันเฉพาะระยะผสมพันธุ์เท่านั้น หลังจากผสมพันธุ์กันแล้วมันคงอยู่ด้วยกันอีกนานไม่แยกจากกันทันทีเหมือนสัตว์อื่นบางชนิด เคยพบพ่อช่วยเลี้ยงลูกอ่อนด้วย
ชีตาหฺในยามปกป้องลูกอ่อน มันพร้อมจะต่อกร กับศัตรูอย่างสิงโต เสือดาว หรือไฮยีน่าได้เลย
ฟันของมันคมกริบ และแรงกัดเองก็มากพอจะฆ่าสัตว์ใหญ่ได้ไม่ยาก(กัดทำลายหลอดลม หรือทำลายกระดูกคอ)

1.พูม่า

มาถึงกันแล้วกันอันดับหนึ่ง ราชันย์ผู้ปกครองสัตว์ตระกูลแมวทั้งปวง คูการ์หรือพูม่า มือีกชื่อว่าสิงโตภูเขา สามารถหนักได้มากกว่า 100
กิโลกรัม คูการ์เป็นนักล่าที่มีความเร็วสูงและพลังกระโดดที่ใกล มีอัตราการล่าสำเร็จสูงกว่า  80 %
มันจะใช้การกระโจนระยะใกล้เข้าตะปบและกัดที่กระโหลกหรือลำคอ ฆ่าในเวลาอันรวดเร็ว
ร่างกายของมันถูกออกแบบให้มีมันกล้ามเนึ้อมากกว่าแมวทั่วไป ทำให้แม้วัดแบบปอนด์ต่อปอนด์ มันก็ยังคงเป็นหนึ่งในแมว
ที่ทรงพลังที่สุดในโลก!
สคริปภาพการล่า


คูการ์ขนาดใหญ่อาจวัดจากหัวจดหางได้ยาวถึง 10 ฟุต และทำให้มันใหญ่กว่าชีตาห์มากทีเดียว
มันฆ่ากวางใหญ่ได้ไม่ยาก มีรายงานการสังหารแกะเขาใหญ่และเม่นด้วย


ขอบคุณฐานข้อมูลที่ใช้จัดทำบทความจาก
http://carnivoraforum.com/forum/3486173/
http://www.jhnewsandguide.com/news/environmental/cougar-mom-adopts-pair-of-orphaned-male-kittens/article_e7fcc03a-aee1-5665-8879-be83c641f22b.html
http://eol.org/pages/311910/details