Game of Thrones : อีกาสามตา(Bloodraven)

ART BY Marc Simonetti

อีกาสามตา (Bloodraven) – พ่อมดชาว Targaryen ผู้มีพลัง greenseer เหลือรอดเป็นคนสุดท้าย!!!

ที่ Bloodraven มีพลัง greenseer แบบชาวเหนือ เพราะเขามีเชื้อสายของตระกูล Blackwood ซึ่งเป็นตระกูลที่มีเชื้อสายของชาว First Men ถึงแม้ตระกูลนี้จะอาศัยกันที่ riverlands ก็ตาม

ส่วนเมสเตอร์ Aemon ก็เป็นหลานห่างๆของ Bloodraven เพราะ Aemon เป็นบุตรคนที่สามของ Maekar ซึ่งคนพ่อก็เป็นลูกคนที่ 4 ของ Daeron II ซึ่ง Daeron ก็เป็นพี่ (คนละแม่) ของ Bloodraven นั่นเอง

Brynden Rivers

ลอร์ด Bryden Rivers ถูกขนานในอีกนามว่า “ลอร์ด Bloodraven” เขาเป็นลูกนอกสมรสที่ถูกต้องตามกฎหมายของกษัตริย์ Aegon IV Targaryen กับเลดี้ Melissa Blackwood พระสนมคนที่ 6 ของกษัตริย์ ตราประจำตัวของเขาคือมังกรสีขาวที่มีนัยน์ตาสีแดงพร้อมพ่นเปลวเพลิงสีแดงออกมาบนพื้นหลังสีดำ

Brynden เป็นขุนนางที่จงรักภักดีต่อฝ่าย Targaryen ในช่วงการก่อกบฏของ Blackfyre ครั้งที่ 1 เขาเป็นพระหัตถ์ส่วนพระองค์ของกษัตริย์ Aerys I และกษัตริย์ Maekar I Targaryen และยังเป็นผู้บัญชาการหน่วย Night’s Watch อีกด้วย ส่วน Shiera Seastar หรือลูกนอกสมรสอีกคนของ Aegon IV เธอเป็นเมียน้อยของเขา ซึ่งพี่ชายของเขา (คนละแม่) Aegor Rivers หรือ Bittersteel ก็หลงรัก Shiera มากเช่นกัน ทำให้ทั้งสองคนนี้เป็นปรปักษ์กันอย่างมาก นอกจากนี้ Bloodraven ยังถูกมองว่าเป็นพ่อมดอีกด้วย

Character and appearance

Brynden เป็นคนผิวเผือกเพราะเขามีผิวสีขาวเหมือนนม และมีนัยน์ตาสีแดง ที่ด้านขวาของใบหน้าเขามีปานแดงขึ้นตั้งแต่จากลำคอไปจนถึงแก้มขวาของเขาซึ่งทำให้เขาได้รับฉายา bloodraven นี้มา เพราะปานแดงบนตัวเขาคล้ายกับนกเรเวนสีขาวที่จมอยู่ในกองเลือด

Brynden มีลำตัวไม่สูงและไม่บึกบึนเท่ากับพี่น้องของเขา (คนละแม่) เขาสูง 6 ฟุตและมีรูปร่างผอมแห้งมาก เขาเป็นคนที่เคร่งขรึมและดูไม่เป็นมิตร และยังมีชื่อเสียงที่เลวร้ายว่าเป็นพวกพ่อมดและสายลับ เขามักจะสวมชุดที่มีแต่ “สีเลือดและควัน” โดยควันสีเทาเข้มจะเป็นริ้วสีสลับกับสีดำ เนื่องจากผิวของเขาไวต่อแสงสว่าง เขาจึงมักสวมชุดคลุมตลอดเมื่อเดินทางออกไปไหนมาไหน และเขายังเป็นนักธนูที่มีฝีมือระดับชำนาญ

Brynden เสียตาไปข้างหนึ่งจากสงครามการก่อกบฏของพวก Blackfyre ครั้งที่ 1 และเขาก็แทบจะไม่เอาผ้าหรืออะไรมาติดส่วนของตาที่บอดเลย เขาชอบที่จะโชว์รอยแผลที่กลวงโบ๋ให้โลกใบนี้ได้เห็นมากกว่า เขามีผมสีขาวตรงยาวไปถึงไหล่ โดยผมด้านหน้าจะถูกปัดลงมาปิดนัยน์ตาที่หายไปของตนเอง

ในฐานะ “ลอร์ด Bloodraven” Brynden ถูกลือว่าเป็นพ่อมดผู้ชั่วร้ายที่ปกครองเจ็ดอาณาจักรได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย “การสอดแนมและเวทมนต์” เกมทายปริศนาอันมีชื่อเสียงเกมหนึ่งมักมีปุจฉาว่า “ลอร์ด Bloodraven มีดวงตากี่ดวงกันเอ่ย?” วิสัจชนาคือ “หนึ่งพันดวง และอีกหนึ่ง” และวิสัจชาก็กลายเป็นชื่อของบทเพลงที่ถูกเขียนขึ้นมาสำหรับ Brynden

History

Brynden เกิดใน King’s Landing ในฐานะลูกนอกสมรสของกษัตริย์ Aegon IV Targaryen กับพระสนมคนที่ 6 ของเขา เลดี้ Melissa Blackwood ผู้ซึ่งมาแทนที่ Barba Bracken หรือพระสนมคนก่อนของกษัตริย์ พี่สาวของ Brynden มีอยู่สองคน คือ Mya Rivers กับ Gwenys Rivers แม้ว่าต่อมา Melissa จะถูกเมินเพราะ Aegon มีพระสนมคนใหม่หรือ Bethany Bracken แต่ Brynden ก็สามารถรักษาสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับราชสำนักได้เพราะความเป็นที่นิยมของแม่เขา

Aegor Rivers (ชื่อเล่นของเขาคือ “Bittersteel”) หรือลูกชายนอกสมรสของ Barba มีความโกรธเคืองต่อ Brynden เป็นอย่างมาก เพราะทั้งสองชอบผู้หญิงคนเดียวกัน พวกเขาทั้งคู่กลายเป็นลูกนอกสมรสที่ถูกต้องตามกฎหมายโดยพ่อของพวกเขาในขณะที่ฝ่าบาทกำลังสิ้นพระชนม์อยู่บนเตียง

First Blackfyre Rebellion

Brynden เป็นนักรบผู้แข็งแกร่ง เขาเป็นผู้ครองดาบที่ทำจากเหล็กกล้า Valyrian อันนามว่า Dark Sister แต่เขาชอบที่จะใช้คันธนูใหญ่ที่ทำจากไม้ weirwood มากกว่าเพราะเขาเป็นนักธนูฝีมือเยี่ยม Brynden รับใช้ในสภาเล็กในรัชสมัยของกษัตริย์ Daeron II Targayren ผู้ซึ่งมีศักดิ์เป็นพี่ชายคนละแม่ของเขา ในช่วงสงครามการก่อกบฏของพวก Blackfyre ครั้งแรกเกิดขึ้น Brynden ก็ยังคงรับใช้กษัตริย์ Daeron ด้วยความจงรักภักดี และเขาก็เป็นผู้สั่งการหน่วยพลธนูยาวที่ถูกขนานนามว่า “Raven’s Teeth” ในการสู้รบที่ Redgrass Field เขาเสียตาไปข้างหนึ่งจากการต่อสู้กับพี่ชาย Bittersteel และในที่สุดหน่วย Raven’s Teeth ก็สามารถสังหาร Daemon Blackfyre กับลูกชายฝาแฝดของเขาด้วยห่าธนูจากระยะไกลได้ ทำให้ Brynden ในตอนนั้นได้รับฉายาว่า “kinslayer” (หรือผู้ที่ฆ่าญาติพี่น้องของตัวเอง) หลังจากสงครามเขาก็ได้รับการส่งเสริมให้ปราบกบฏด้วยกำลัง ซึ่งแรวคิดนี้ได้รับการสนับสนุนเหนือกว่าของเจ้าชาย Baelor ที่เรียกร้องให้รับมือกับพวกกบฎด้วยความโอนอ่อน

Reign of King Aerys I Targaryen

ในปี 209 AC ลอร์ด Brynden ได้รับตำแหน่งเป็นพระหัตถ์และก็รับใช้ในตำแหน่งนี้ตลอดช่วงรัชสมัยของหลานชาย หรือกษัตริย์ Aerys I Targaryen ภารกิจใหญ่อันแสนยากลำบากครั้งแรกของเขา คือ โรคระบาดครั้งใหญ่ (Great Spring Sickness) ที่คร่าชีวิตกษัตริย์องค์ก่อนรวมถึงหลานชายของเขา ซึ่งได้แก่ กษัตริย์ Daeron II Targaryen เจ้าชาย Valarr Targaryen และเจ้าชาย Matarys Targaryen รวมไปถึงประชาชน ทหาร ข้าราชสำนักนับหมื่นคน ด้วยกองซากศพที่ทับถมกันเป็นภูเขาอยู่บนถนนใน King’s Landing ลอร์ด Brynden จึงสั่งให้พวก pyromancer แห่งสมาคมนักเล่นแร่แปรธาตุเอากองซากศพเหล่านี้ไปเผาในสังเวียนมังกร (dragonpit) แสงสว่างจาก wildfire ที่มอดไหม้ซากศพนับหมื่นได้ส่องสว่างไปทั่วเมืองตลอดช่วงกลางคืน

ในช่วงราวๆเดียวกัน ภาวะแห้งแล้งได้เริ่มขึ้นและกินเวลาไปถึงปีกว่า ทำให้พวกชาวบ้านหลายคนทิ้งบ้านเกิดเพื่อไปหาที่อยู่ที่ยังคงมีฝนตกอยู่ Bloodraven สั่งให้พวกเขากลับมายังบ้านของตัวเองแต่แทบไม่มีใครเชื่อฟังเลย พวกเขาต่างสาปแช่ง Brynden ว่าเป็น kinslayer ชาวบ้านหลายคนกลายเป็นพวกจี้ปล้น ราคาข้าวของสูงขึ้นแต่การค้าขายกลับลดลง และในรัชสมัยของ Aerys การเดินทางไปไหนมาไหนก็มีความปลอดภัยน้อยกว่าในรัชสมัยของพ่อเขา

ในปี 211 AC ลอร์ด Dagon Greyjoy ได้บุกปล้นแถบชายฝั่งทางตะวันตกของ Westeros รวมไปถึงเกาะ Fair Isle ซึ่งเป็นฐานส่งสินค้าของเกาะ Arbor ในปี 212 AC ลอร์ด Beron Stark ก็ระดมผู้ชูธงแห่งแดนเหนือเพื่อขับไล่ชาวเหล็กไหลออกจากกอ่าว Stony Store ในขณะเดียวกัน ตระกูล Lannsiter ก็กำลังสร้างเรือขึ้นมาบุกโจมตีเกาะเหล็กไหล ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ Bloodraven กลับมุ่งความสนใจไปที่เมืองอิสระ Tyrosh ที่ตั้งอยู่ในทวีป Esso เพราะที่นั่น Bittersteel ยังคงอยู่ที่นั่นและเขาก็เลี้ยงดูของ Daemon Blackfyre ที่ยังเหลือรอดอยู่ โดยเขาชี้ว่าพวก Targaryen กลุ่มนั้นจะต้องกลับเข้ามาสอดแทรกอีกแน่

ปัญหาอีกอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นในเจ็ดอาณาจักรในช่วงปี 211 AC คือ Ser Otho Bracken หรือที่รู้จักกันในนามว่า สัตว์ร้ายแห่ง Bracken เขาถูกคาดหมายที่จะสืบทอดตำแหน่งขุนนางแห่ง Stone Hedge แต่เนื่องจากตระกูลอริตลอดกาลหรือ Blackwood ไม่ต้องการให้เขาขึ้นครองตำแหน่ง พวกเขาจึงถูกคาดหมายที่จะเป็นคนก่อสงครามเพื่อถอนรากถอนโคนพวกเขาออก ด้วยความที่ Bloodraven มีสายเลือดของชาว Blackwood อยู่ครึ่งหนึ่ง ทำให้แทบจะไม่รับฟังคำร้องทุกข์ใดๆจากคนของตระกูล Bracken เลย Septon Sefton เชื่อว่า Bloodraven แทบจะไม่ยุ่งอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ และถ้าเขาตัดสินใจที่จะทำขึ้นมา มันก็คงเป็นการช่วยญาติๆชาวBlackwood ของเขาในการทำให้ Ser Otho จนมุม

Second Blackfyre Rebellion

ในปี 211 AC ความระแวงของลอร์ด Bloodraven ที่มีต่อพวกกบฏ Blackfyre ก็จะได้รับการชำระแค้นขึ้น จากข้อมูลของ Vyrwel อัศวินผู้ฝึกสอนและจากพวกคณะตลกคนแคระ ลอร์ด Bloodraven จึงตระหนักถึงแผนการของ Daemon ที่จะกลับมาตั้งตนเป็นกษัตริย์แห่งเจ็ดอาณาจักรในนามของ Daemon II Blackfyre ลอร์ด Bloodraven จึงเคลื่อนทัพไปยังปราสาท Whitewalls ซึ่งที่นั่นกำลังจัดงานประลองกันอยู่ โดยกองทัพของขาที่พาไปมีหน่วย Raven’s Teeth จำนวน 300 นาย หน่วยคิงส์การ์ดจำนวน 3 นาย อัศวิน 500 นาย และทหารราบที่ดึงมาจากดินแดน crownlands และจาก riverlands จำนวน 5,000 นาย ในการเผชิญหน้าของทั้งสองฝ่าย Daemon พยายามเรียกอัศวินในงานประลองให้เคลื่อนพลไปจัดการกับฝ่ายหลวง แต่เขาพบว่าแทบไม่มีใครสนับสนุนเลย (Daemon โดนหักหลัง เพราะข่าวการมาของกองทัพ Bloodraven ได้แพร่กระจายมาก่อนหน้านี้ ถึงแม้ว่าลอร์ดบางส่วนจะใช้งานประลองนี้เพื่อสมคบคิดกับกบฏ Blackfyre กันอย่างลับๆก็ตาม) จากนั้น Daemon จึงท้าดวลกับพระหัตถ์ในการดวลตัวต่อตัว แต่ Bloodraven กลับปฏิเสธและสั่งให้จับกุมผู้อ้างตนคนนี้ซะ จึงทำให้การก่อกบฏของพวก Blackfyre ครั้งที่สองจบลง Daemon ถูกจำคุกส่วนผู้นำกบฏคนอื่นๆกลับโดนประหารชีวิต เพื่อทำให้มั่นใจว่า Bittersteel จะไม่แต่งตั้งน้องชายของ Daemon หรือ Haegon เป็นผู้อ้างตนอีก

Third Blackfyre Rebellion

ในควันหลงหลังจากการก่อกบฏของพวก Blackfyre ครั้งที่สามจบลง Bloodraven เห็นแย้งว่า Bittersteel ที่ถูกจับกุมตัว ควรจะถูกประหารชีวิต แต่กษัตริย์ Aerys I Targaryen กลับตัดสินใจที่จะส่งตัว Bittersteel ไปเข้าร่วมกับหน่วย Night’s Watch แต่ในระหว่างเดินทางไปยังกำแพง Bitterstell ก็สามารถหลบหนีกลับมายังทวีป Essos ได้ เพราะเรือที่เขาโดยสารโดนเข้าสกัด

Great Council of 233

Brynden ยังคงรับใช้ฐานะพระหัตถ์ในรัชสมัยของกษัตริย์ Maekar I Targaryen หรือน้องชายของ Aerys ในปี 221 AC หลังจากที่ Maekar สิ้นพระชนม์ลงในปี 233 AC Brynden ที่ดำรงตำแหน่งพระหัตถ์ในตอนนั้นก็จัดตั้งประชุมสภาใหญ่ขึ้นมาใน King’s Landing เพื่อถกปัญหาสำคัญของผู้สืบทอดรัชทายาทแห่งบัลลังก์เหล็กองค์ใหม่

Aenys Blackfyre ต้องการเข้าร่วมในสภาใหญ่ด้วยวิธีสันติ และ Bloodraven ก็เสนอให้เขาเดินจากเมือง Tyrosh มายัง King’s Landing อย่างไรก็ตาม ทันทีที่ Aenys เดินทางมาถึงเมืองหลวง เขาก็ถูกจับกุมตัวและจากนั้นก็ถูกตัดหัว ณ ปราสาทหลวง Red Keep

สภาใหญ่เลือกโอรสคนที่ 4 ของ Maekar เพื่อสืบทอดรัชทายาทแห่งบัลลังก์เหล็กในฐานะกษัตริย์ Aegon V Targaryen ซึ่งสิ่งที่ฝ่าบาททำเป็นอย่างแรกคือการจับกุม Bloodraven ที่ไปสังหาร Aenys โดยพี่ชายของฝ่าบาท เมสเตอร์ Aemon ได้แนะว่าให้ขังตัว Bloodraven ไว้ในคุกดำของ Red Keep แต่ Brynden ก็แย้งว่าเขายอมสละชีวิตเพื่อเกียรติภูมิอันดีที่มีต่ออาณาจักร แต่ Aegon กลับปฏิเสธที่จะปล่อยตัว Bloodraven ให้เป็นอิสระ เขาเสนอทางเลือกให้เขาไปเข้าร่วมหน่วย Night’s Watch แทน ซึ่ง Brynden ก็ยอมรับข้อเสนอนี้

Night's Watch

ในปี 233 AC เมื่อเมสเตอร์ Aemon เดินทางไปยังกำแพงโดยทางเรือ เขาก็ได้รับการอารักขาจากสหายของกษัตริย์ Aegon V หรือ Ser Duncan the Tall แห่งหน่วยคิงส์การ์ด และก็ได้รับการติดตามโดย “องครักษ์อันทรงเกียรติ” หรือผู้ที่ยอมไปเข้าร่วมหน่วย Night’s Watch โดยพวกเขามีจำนวน 200 คน ซึ่งรวมไปถึงนักโทษด้วย โดยในนั้นก็มี Brynden Rivers และพลธนูจากหน่วย Raven’s Teeth

Brynden ขึ้นตำแหน่งผู้บัญชาการแห่งหน่วย Night’s Watch ในปี 239 AC อย่างไรก็ตามเขากลับหายตัวไปในขณะลาดตระเวนอยู่ด้านนอกของกำแพงในปี 252 AC

END